เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 6 พ.ค. นายนาจิบ ราซัก สาบานตนเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยสองต่อสมเด็จพระราชาธิบดี ตวนกู อับดุล ฮาลิม ประมุขแห่งมาเลเซีย หลังจากชนะเลือกตั้ง ทำให้พรรคบาริซาน เนชันแนล แกนนำรัฐบาลรั้งอำนาจบริหารที่ดำเนินมา 56 ปีต่อไป ท่ามกลางการประท้วงจากฝ่ายค้าน นำโดยนายอันวาร์ อิบราฮิม อดีตนายกรัฐมนตรีที่นัดผู้สนับสนุนชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 พ.ค. ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อต่อต้านผลการเลือกตั้งที่ฝ่ายค้านระบุว่าเป็นการโกงที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
นายอันวาร์ วัย 65 ปี กล่าวว่า รัฐบาลขาดความชอบธรรม หลังจากก่ออาชญากรรมต่อประชาชนด้วยการโกงเลือกตั้งหนนี้ ในขณะที่นายนาจิบ วัย 59 ปี กล่าวว่า ผลเลือกตั้งแสดงถึงการแตกขั้วของคนในสังคม ซึ่งทำให้รัฐบาลวิตก หากไม่แก้ไขอาจทำให้สถานการณ์ตึงเครียดหรือคนในชาติแตกแยกได้
"ผลเลือกตั้งคือการตัดสินใจของประชาชนทุกคน สิ่งแรกที่เราต้องทำคือการประสานความปรองดองในชาติ และผมก็คิดว่ามีหลายสิ่งที่เราต้องช่วยกัน" นายนาจิบกล่าว
ด้านการซื้อขายในตลาดหุ้นมาเลเซียวันจันทร์ขานรับผลการเลือกตั้งในทางบวก โดยดีดตัวขึ้นร้อยละ 7.76 หลังฝ่ายรัฐบาลคว้าที่นั่งในสภา 133 จากทั้งหมด 222 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมา ขณะที่ฝ่ายค้านได้เพิ่มเป็น 89 ที่นั่ง สำหรับผู้มาลงคะแนนเลือกตั้งมีกว่า 10 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 80 โดยฝ่ายรัฐบาลได้คะแนนดิบหรือป๊อปปูลาร์โหวตน้อยกว่าฝ่ายค้านเป็นครั้งแรก และมีข้อสังเกตว่า ชาวมาเลย์เชื้อสายจีนส่วนใหญ่โหวตให้ฝ่ายค้าน
http://www.khaosod.c...HdOUzB3Tnc9PQ==
--
การเมืองมาเลเซียตามหลังไทยอยู่หลายปี
ตอนนี้ำกำลังเดินหน้าสู่ความวุ่นวายเหมือนเมืองไทย เพราะมีผู้ที่ขาดความอดทนอดกลั้น
ขณะที่เมืองไทยก้าวพ้นจากการแบ่งแยกทางเชื้อชาติมาเป็นการแบ่งแยกทางชนชั้นนานแล้ว มาเลเซียยังติดกับการแบ่งแยกทางเชื้อชาติอยู่เลย แต่อีกไม่กี่ปี การเมืองมาเลย์จะพัฒนาก้าวมาทันเมืองไทย เข้าสู่โหมดความวุ่นวายทางการเมืองเต็มรูปแบบ