มาเป็นแสน-เดินให้สุดทาง
โดยศรุติ ศรุตา
"ไม่มีอำนาจใดยิ่งใหญ่กว่าอำนาจของประชาชน" คำพูดเช่นนี้มักจะปลุกเร้าให้เลือดนักสู้พลุ่งพล่านขึ้นในบัดดล
และเวลานี้ ความเชื่อมั่นนั้นล้นเปี่ยมจนทะลักออกมาแสดงให้ผู้คนภายนอกรับรู้กันแบบจะจะ ชัดเจน ไม่ต้องแปลความแล้ว สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ถ้อยแถลงของ วรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่บอกว่า เพิ่งไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ และได้รับคำสั่งว่า ให้เดินจนสุดทางสำหรับกรณีแก้รัฐธรรมนูญ และกรณีกฎหมายนิรโทษกรรม
จากก่อนหน้านี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ การประเมินท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะเดินหมากทั้งในสภาและที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ
แต่ครั้งนี้มีคนยืนยันแล้วว่า มีการทำแบบนั้นจริงๆ
นั่นย่อมหมายความว่า วันที่ 8 พฤษภาคมนี้ จะเป็นวันแรกของการ "เดินสุดทาง" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ
หน่วยงานด้านความมั่นคงประเมินแล้วว่า น่าจะมากันเป็นหมื่น
ถึงแม้ว่าสโลแกนของกลุ่มคนเสื้อแดงที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญจะบอกว่า "8 พฤษภา มาเป็นแสน" แต่แค่เป็นหมื่นก็มากพอแล้วที่จะทำให้อะไรต่อมิอะไรมันเกิดขึ้นได้
และหาก "อะไร" เกิดขึ้นมา นั่นก็คือ ได้ผ่านการคิดกรองเป็นอย่างดีมาแล้วว่า ถ้าจะเกิดก็ยากที่จะหาองค์กรใด สถาบันใด มวลชนใด มาขีดคั่นขัดขวาง
แม้แต่กองทัพ !
ไม่ว่าหลายฝ่าย รวมทั้งผู้ใต้บังคับบัญชา แม้กระทั่งแวดวงในบ้านสี่เสาเทเวศร์ จะเริ่มขยับตัว เพราะอึดอัดกับการหลับใหลไร้สติของหน่วยงานที่เคยออกมายับยั้งการใช้กฎหมู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าอาการ "นอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่ตื่น" จะหายไปง่ายๆ
ข่าวลือมันก็เลยเกิดขึ้นว่า บนส่วนยอดของกองทัพที่ก่อนหน้านั้นใครต่อใครได้ฝากความหวังเอาไว้ บัดนี้ฝากฝังอะไรไม่ได้แล้ว
ใครจะปรับจะเปลี่ยนก็คงจะปล่อยให้เลยตามเลย
ในเมื่อมีอยู่แต่แค่รู้รักษาตัวรอด ชาติบ้านเมืองจะปลอดภัยหรือไม่ไม่สนใจ ก็ไม่รู้จะมีไปทำไม
เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมารวมพลปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ ส่งสัญญาณไปยังอีกที่อีกแห่ง
ครั้นจะไปหวังพึ่งรัฐบาลที่จะใช้อำนาจแบบเมื่อครั้งกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามเคลื่อนไหวแล้วประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เปิดทางให้ตำรวจใช้แก๊สน้ำตายิงใส่ฝูงชนอย่างไม่ปรานีปราศรัย คงบอกได้คำเดียวว่า "ฝันไปเถอะ !"
หากมาเป็นหมื่นในวันแรก แล้วยังไม่สามารถทำอะไรได้ ขั้นต่อไปก็คงจะกลายเป็นหลายๆ หมื่น เพราะประเมินแล้วว่า ถ้าไม่ไหว ก็ต้องยุบสภา นั่นก็คือ บรรดานักการเมืองทั้งหลายที่ยังอยากเป็นผู้มีเกียรติในสภา ก็ต้องเดินหน้ารวบรวมมวลชนคนในพื้นที่
คำว่า "ลงพื้นที่เร่งหาเสียง" ก็คือ การสร้างฐานมวลชน และวิธีการสร้างฐานมวลชนให้แข็งแกร่งก็คือ การร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้ เพื่อให้บรรลุถึงจุดหมายเดียวกัน
เรียกว่า หยั่งรู้เข้าถึงหัวจิตหัวใจกันเลยทีเดียว
แล้วอย่างนี้ลานหน้าศาลรัฐธรรมนูญมันจะพอให้คนเสื้อแดงยืนตะโกนขับไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้หรือ ?
แต่เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะมีแต่คนที่นิ่งดูดายไม่รู้สึกรู้สากับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ยังมีกลุ่มประชาชนคนที่อึดอัดกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงได้นัดหมายที่จะเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน
ดีเดย์ 09.00 น. วันอังคารที่ 7 พฤษภาคมนี้
มีการนัดหมายในหลายจังหวัดที่จะไปพบกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อยื่นหนังสือไปยังนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมขับไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างน้อยๆ ก็ให้เหมือนกับที่ทำกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามเมื่อปีที่แล้ว
กลุ่มคนเหล่านี้เห็นว่า การออกมาเรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลาออกนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
สัญญาณความรุนแรงที่ใครต่อใครต่างก็หวั่นว่าจะเกิดขึ้น น่าจะเลี่ยงไม่ได้แล้วสำหรับบ้านนี้เมืองนี้
เพราะการเดินทางของคนเสื้อแดงที่จะมาร่วมชุมนุมกันที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญนั้น วันที่ 8 พฤษภาคม เวลา 07.00 น. ล้อหมุน !
เรียกได้ว่า ฝ่ายหนึ่งพร้อมแล้ว ขณะที่อีกฝ่ายเริ่มเห็นประกายไฟ
ฝ่ายหนึ่งบอกต้องเดินให้สุดทาง อีกฝ่ายไม่มีทางเลือก
คงต้องลุ้นกันอีกครั้งแล้วว่า ชาติจะรอดไหม
พ.ร.บ.ความมั่นคง
ถึงแม้ว่าโอากาสที่รัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อรักษาความสงบในประเทศมีน้อยมาก แต่ก็น่าสนใจเช่นกันถ้าหากว่า รัฐบาลประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้เพื่อควบคุมการชุมนุมของคนเสื้อแดง อำนาจของ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน นั้นจะมากมายยิ่งใหญ่เพียงใด
มาตรา 25 ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อให้การกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรยุติลงได้โดยเร็ว หรือป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายแรงมากขึ้น ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในมีอำนาจออกข้อกำหนด ห้ามชุมนุมห้ามพกพาอาวุธ ห้ามโฆษณายั่วยุ ห้ามเข้าออกเคหสถานในเวลาที่กำหนด และมีอำนาจสั่งให้ทหาร หรือเจ้าหน้าที่ปกครองหรือตำรวจเข้าระงับเหตุควบคุมสถานการณ์
เมื่อการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรยุติลง ให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประกาศยกเลิกข้อกำหนดตามมาตรานี้โดยเร็ว
แต่อำนาจที่ชัดเจนนั้นเป็น มาตรา 26 ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุมคุมขังบุคคลที่สงสัยว่าเป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือเป็นผู้ใช้ ผู้โฆษณา ผู้สนับสนุนการกระทำเช่นว่านั้น หรือปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำอันเป็นภัยความมั่นคงในราชอาณาจักร
นอกจากนี้ ยังมีอำนาจปราบปรามบุคคล กลุ่มบุคคล หรือกลุ่มองค์กรที่ก่อให้เกิดการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร ยังมีอำนาจเรียกบุคคลมาสอบถาม ตรวจค้นยานพาหนะ เคหสถาน เมื่อมีเหตุสงสัย และยังสามารถยึดหรืออายัดทรัพย์สิน เอกสาร หรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร
http://www.komchadlu...ml#.UYhztr8zlFI
ฤาจะเป็นแผน แบกศพแห่อีกสักครั้งเพื่อหาทางล้มล้าง ยกเลิกความผิด
ตามที่อาจารย์วสิษฐ์ ได้โพสต์วิเคราะห์ไว้?...
Edited by Suraphan07, 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 10:33.