ในอดีตเคยมีคดีที่ตำรวจได้ข่าวว่ามีผู้ร้ายอยู่ในรถ แล้วยิงกระสุนปืนออกมาจากรถ พอตำรวจยิงตอบโต้ไปแล้วปรากฏว่ามีคนถูกลูกหลงตาย แต่ศาลวินิจฉัยว่าการกระทำของตำรวจดังกล่าว เป็นการใช้ดุลพินิจเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น... เราไม่มีทางรู้เลย
ในขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี การันตีว่าจะหาตัว "ผู้สั่งการ" สลายชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ มาลงโทษให้ได้ หลายคนก็อาจสงสัยว่า วิธีการทางกฎหมาย ในการหาตัวผู้รับผิดชอบระดับนั้น ต้องทำอย่างไร
"มติชน" สัมภาษณ์ วิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มีอีกหนึ่งหน้าที่เป็น "ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีสั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงโดยมิชอบเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก" ให้มาช่วยนิยามคำว่า "ผู้สั่งการ" พร้อมอธิบายขั้นตอนการหาตัว "ผู้กระทำผิด"จากเหตุการณ์นั้นอย่างละเอียด
- คดีที่ตำรวจเรียกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ไปให้ปากคำ มีความสำคัญอย่างไรต่อการคลี่คลายคดี 91 ศพ
ที่ตำรวจทำอยู่คือสำนวนการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาว่าใครผิดใครถูก คนละเรื่องกันเลย เรื่องผิดเรื่องถูก ใครสั่งการ ชอบไม่ชอบ เป็นอำนาจของ ป.ป.ช.ตามกฎหมาย ป.ป.ช. แม้การชันสูตรพลิกศพจะสำคัญ เพราะถ้าไม่รู้ว่าใครทำ มันดำเนินการอะไรต่อไปไม่ได้ แต่ศาลจะดูแค่ว่าอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่หรือไม่ จะไม่ได้บอกว่าเจ้าหน้าที่ผิดหรือถูก
- หลังจากทำสำนวนชันสูตรพลิกศพเสร็จ ตำรวจสามารถหยิบไปทำเป็นคดีอาญา อาทิ ข้อหาฆาตกรรมได้ไหม
ตำรวจจะดูความผิดทางประมวลกฎหมายอาญาปกติ แต่ถ้าเป็นการใช้อำนาจรัฐก็ต้องส่งมาให้ ป.ป.ช. ซึ่งเราก็รออยู่
- ความผิดฐาน "สั่งการ" จะต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
ต้องเป็นเจ้าหน้าที่แล้วใช้อำนาจรัฐ มันก็เป็นไปตาม ป.อาญา มาตรา 157 คือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
- จำเป็นต้องสั่งจำเพาะเจาะจง เช่นสั่งให้ยิง นาย ก.หรือไม่ ถึงจะเข้าข่ายมีความผิด
ถ้าดูที่ ป.ป.ช.เคยชี้มูลคดี 7 ตุลาคม (ที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่มาปิดล้อมรัฐสภา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย) เราไม่ได้บอกเลยว่า เขาผิดเพราะสั่งการให้ไปยิงใคร เขาแค่สั่งการให้ปฏิบัติหน้าที่ แต่พอมีคนตายแล้วเขาไม่สั่งการให้หยุด เราไม่ได้บอกว่าเขาสั่งการไม่ชอบ คำสั่งให้สลายการชุมนุมนั้นชอบอยู่แล้ว เพราะมีคนไปปิดกั้นการประชุมของรัฐสภา แต่เมื่อมันเกิดความเสียหายแล้ว เขาไม่หยุด เพราะคนสั่งการตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 จะต้องพิเคราะห์ดูว่า อำนาจที่ตนใช้มันเหมาะสมไหม ถ้าไม่เหมาะสม สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เรื่องการสั่งการ ข้าราชการทุกคนรู้ดี เว้นแต่จะแกล้งไม่รู้
"เราเอาคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีหวยบนดิน มาเทียบเคียงเรื่องการสั่งการ ท่านไม่ได้เอา ครม.ทั้งคณะ ท่านดูว่าใครรับผิดชอบโดยตรง พวกเล็กๆ ท่านก็ยกฟ้องหมด เพราะเขาต้องปฏิบัติตาม"
- คดี 91 ศพ เอาไปเทียบเคียงกับคดี 7 ตุลาคมได้หรือไม่
ไม่ได้เลย คนละเรื่องเลย.. กรณี 7 ตุลาฯเป็นอำนาจของตำรวจที่ใช้อำนาจโดยตรงในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตามกฎหมายปกติ ทั้ง ป.อาญา และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ อาญา) แต่กรณี 91 ศพ มีการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มันเป็นตัวกำหนดว่า คนสั่งการและคนปฏิบัติก็ทำตาม พ.ร.ก.ฉบับนี้ เจ้าหน้าที่ก็จะมีเหตุให้อ้างอิงได้มากกว่า เช่น สั่งห้ามออกนอกเคหสถานได้ การพิจารณาจึงต้องทำคนละส่วน
- แสดงว่า เหตุผลที่ ป.ป.ช.เคยใช้ชี้มูลในคดีนั้นที่ว่า เกิดความเสียหาย มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่สั่งการให้หยุดสลายการชุมนุม คงนำมาอนุมานใช้กับคดีนี้ไม่ได้
มันคงลำบาก เพราะกรณี 7 ตุลาคม เป็นการใช้ดุลพินิจของตำรวจโดยแท้ คนละอย่างกับการมีกฎหมายมีคำสั่ง ห้ามไม่ให้คนออกจากบ้านแล้วคนฝ่าฝืน เราต้องไปดูว่าการสั่งการครอบคลุมครบถ้วน อ้างอิงกฎหมายแล้วผู้ปฏิบัติถือตามนั้นหรือไม่
- การประกาศใช้ "เขตกระสุนจริง" อยู่ในอำนาจ พ.ร.ก.ไหม
ต้องไปดูใน พ.ร.ก.ว่าให้อำนาจไว้หรือไม่ ต้องยึด พ.ร.ก.เป็นหลัก
- ใน พ.ร.ก.จะมีมาตรา 17 ที่คุ้มครองไม่ให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตาม ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางวินัย และทางอาญา แปลว่าท้ายสุด อาจไม่มีใครต้องรับผิดเลย
แม้จะบอกว่าไม่มีความผิด แต่เราก็ต้องดูเรื่องความเหมาะสม ความสมควรในการกระทำว่ากระทำลงไปเพราะมีเจตนาที่จะให้เกิดความเสียหายขึ้นหรือไม่ ซึ่ง ป.อาญา มาตรา 157 ไม่ใช่ว่าแค่ทำรุนแรงก็ต้องถือว่ามีความผิด ในอดีตเคยมีคดีที่ตำรวจได้ข่าวว่ามีผู้ร้ายอยู่ในรถแล้วยิงกระสุนปืนออกมาจากรถ พอตำรวจยิงตอบโต้ไปแล้วปรากฏว่ามีคนถูกลูกหลงตาย แต่ศาลวินิจฉัยว่าการกระทำของตำรวจดังกล่าว เป็นการใช้ดุลพินิจเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เพราะคนเราไม่มีทางรู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นในสถานการณ์แบบนั้น
- เรื่องการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่จะต้องดูในภาพรวม หรือเจาะจงไปเป็นรายกรณีที่เกิดการเสียชีวิต
ที่สุดแล้วก็เหลือ 13 กรณี ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งมาให้ ป.ป.ช.แล้วตำรวจวินิจฉัยว่าต้องทำสำนวนการชันสูตรพลิกศพ เพื่อดูว่าเข้าข่ายการวิสามัญหรือเกิดจากการกระทำเกิดจากเจ้าหน้าที่หรือไม่ ส่วนกรณีอื่นมันไม่ชัดเจนว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ เมื่อมันไม่ชัดเจนก็ต้องไปดูภาพรวมทั่วๆ ไป ว่าที่เกิดเหตุเสียชีวิต เจ้าหน้าที่กระทำการเหมาะสมกับเหตุที่มันเกิดขึ้นหรือไม่
- ป.ป.ช.ตั้งสมมติฐานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร เป็นแค่การใช้กำลังสลายการชุมนุมธรรมดาหรือมีการยิงตอบโต้เป็นสงครามกลางเมือง
เราไม่ได้ตั้งสมมติฐานอะไร แต่เมื่อดูเหตุการณ์ที่ประมวลมาแต่ต้น ทุกปากก็บอกว่ามีการตั้งกองกำลัง แล้วก็มีการปะทะกันแน่นอน แล้วเหตุการณ์ก็เริ่มต้นช่วงสายวันที่ 10 เม.ย. 2553 ที่ผู้ชุมนุมเข้าไปล้อมหน้ากองทัพภาคที่ 1 ทำให้ทหารต้องเข้าปฏิบัติการสลายการชุมนุม เกิดเหตุการณ์รุนแรง มีการใช้อาวุธสงครามยิงใส่กัน ตรงนี้ทุกคนยอมรับหมด มีภาพกับคลิปชัดเจน
- เสื้อแดงก็ยอมรับว่ามีการยิงตอบโต้ทหาร?
เขายอมรับว่า ไม่รู้ใคร มาจากไหน ที่เข้ามาร่วมยิงทหารให้บาดเจ็บและตาย ทำให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล.ม.2 รอ.เสียชีวิต ซึ่งตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทหารใช้กำลังแบบหนัก เพราะเขาก็โดนหนักเหมือนกัน จากกองกำลังไม่ทราบฝ่าย
- ถ้าอย่างนั้นวาทกรรมทหารล้อมปราบประชาชนมือเปล่าอาจจะใช้ไม่ได้อีก เพราะข้อเท็จจริงมีการยิงตอบโต้ทหารจากฝั่งผู้ชุมนุมด้วย
ยังๆ ผมยังไม่ได้สรุป อย่าไปด่วนสรุปอะไร ตราบใดที่ข้อเท็จจริงยังไม่ลงตัวชัดเจน
- หลายคนมองว่าที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถาน การณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนว่าทหารออกมาตามคำสั่ง ศอฉ.จะเป็นการมัดตัวนายอภิสิทธิ์-นายสุเทพให้มีความผิด จริงๆ เป็นเช่นนั้นหรือไม่
พ.อ.สรรเสริญยืนยันมาตลอด ไม่ใช่เพิ่งตอนให้ถ้อยคำกับตำรวจ ตอนให้ถ้อยคำกับเราก็พูดแบบนี้ ว่าการออกมาเขาไม่ได้ออกมาโดยลำพัง แต่ออกมาโดยการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. และศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นคนสั่ง เขาไม่ได้ปฏิเสธเลยว่า ศอฉ.ไม่ได้สั่ง คุณสุเทพก็ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเป็นคนสั่งเอง เรื่องการเคลื่อนกำลังไม่มีใครปฏิเสธเลยว่าไม่ใช่คำสั่งของ ศอฉ.
- แปลว่าคำพูดนี้ยังใช้มัดตัวใครไม่ได้
เป็นแค่การอ้างว่าการปฏิบัติงานต่างๆ มีอำนาจของ ศอฉ.รองรับ แต่ ป.ป.ช.จะไปดูว่าการใช้ดุลพินิจในแต่ละเหตุการณ์ ว่าเป็นอย่างไร เหมาะสมหรือสมควรหรือไม่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323753346&grpid=01&catid=&subcatid
ก็ลองประมวลหลัยตานึกภาพเหตุการณ์ในวันนั้นดูเอาละกัน ทีนี้อาจจะได้คำตอบในใจแล้วหล่ะส่วนตรงไม่ตรงใจก็คอยดูของจริงกันครับ