จากข่าว กรณีรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายยุบเลิก ควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่ถึง 60 คน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการศึกษา ในความเห็นส่วนตัว ..ผมเห็นด้วย !
และกรณีนี้ มิใช่ว่าเพิ่งเกิดขึ้นในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะแม้ในยุคของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็มีนโยบายยุบเลิก ควบรวมโรงเรียนโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งในสมัยนั้นคือนายชินวรณ์ บุญเกียรติ ..ซึ่งก็ทราบกันอยู่
ซึ่งการคิดจะยุบเลิกโรงเรียน นั้น คงมิใช่ว่าอยู่ๆ ใครมานั่งเป็นรัฐมนตรีแล้ว คิดอยากจะทำอะไร ก็ทำ โดยที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูล ผลกระทบ ความเสียหาย ที่จะเกิดตามมา ..อย่างรอบด้าน
กระทรวงศึกษาฯ เป็นกระทรวงใหญ่ ผมเชื่อว่าท่านชินวรณ์ หรือท่านพงศ์เทพเอง ก็มีข้อมูล ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากการศึกษา วิจัย เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียแล้ว จึงตัดสินใจ ทั้งนี้ การตัดสินใจนั้น มิใช่ว่าจะเกิดขึ้นตามลำพังคนเดียวของรัฐมนตรีโดยการนั่งเทียน เพราะกระทรวงก็มีคณะกรรมการการศึกษาจำนวนมากมายหลายคณะ ที่คอยกรองข้อมูลต่างๆให้..ต้องมีเหตุผล
การจะทำอะไรสักอย่าง แน่นอน ต้องมีทั้งผลดีและผลเสีย ผู้ที่มีผลเสียก็ย่อมต้องออกมาคัดค้านเป็นธรรมดา แต่คนทำงานก็ต้องชั่งน้ำหนัก เมื่อเห็นผลดีมากกว่าผลเสีย ก็ต้องกล้าตัดสินใจทำ เหมือนการผ่าตัด ย่อมจะต้องมีความเจ็บปวดกันบ้าง แต่สักระยะหนึ่ง ..ก็เข้าที่เข้าทาง
พูดกันมานานแล้ว ระบบการศึกษาของไทยยังล้าหลังเพื่อนบ้าน ขาดประสิทธิภาพ ครองอันดับท้ายๆของโลก แม้เราจะพยายามขยายสถานศึกษา จนมีมหาวิทยาลัยเกือบ 200 แห่งแล้ว หรือขยายการศึกษาไปตามแหล่งต่างๆ แต่ก็มิได้สร้างประสิทธิภาพการศึกษาให้ดีขึ้นได้เท่าที่ควร ..ตามวัตถุประสงค์
พูดๆกันว่า ในเมืองไทย ยกเว้นแพทย์ และทหารตำรวจแล้ว หากใครเรียนจบ เมื่อออกไปประกอบอาชีพ สามารถประกอบอาชีพได้ตามที่ได้เล่าเรียนมา หรือตรงสายวิชาของตน ถือว่าเป็นบุญอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นคำพูดที่เจ็บปวด มันสะท้อนให้เห็นระบบการศึกษาของไทยที่ล้มเหลว ที่เรียนๆไปเพื่อแค่ให้จบ ได้วุฒิ ได้ปริญญาเท่านั้น ..แต่ทำอะไรไม่ได้ !
ไอ้ที่พูดกันนักพูดกันหนาอีกอย่างก็คือ ครูบาอาจารย์ท่านใด เมื่อสอนวิชาอะไรไม่ได้ ก็จะถูกให้ไปสอนวิชาภาษาไทย เพราะครูก็พูดไทยได้อยู่แล้ว จึงไม่น่าจะสอนยาก ซึ่งเท่ากับว่าครูก็ไม่ค่อยรู้วิชาภาษาไทย(นอกจากพูด) แต่ไปสอนภาษาไทยให้เด็ก ..ลองคิดดู
เห็นได้ชัดจากข่าว โรงเรียนแห่งหนึ่งที่โคราช ทั้งโรงเรียนมีนักเรียก 3 คน ครู 1 คน เท่ากับว่าคุณครูคนเดียว ต้องสอนเด็กทุกวิชา ตั้งแต่สังคม คณิต วิทย์ ภาษาไทย อังกฤษ พละ ฯลฯ เกือบ 20 วิชา ที่ครูคนเดียวจะต้องสอน แล้วครูเก่งทุกวิชาหรือครับ..คงไม่ใช่ !
ถ้าเช่นนั้นแล้ว ประสิทธิภาพในการเรียน ในการรับรู้ของเด็ก จะเป็นเช่นไร..คงไม่ต้องพูด !
การยุบเลิกโรงเรียนขนาดเล็กที่ไม่ค่อยมีนักเรียน มิใช่ว่าจะให้นักเรียกเลิกเรียนตามไปด้วย แต่เป็นการนำนักเรียน ไปเรียนในโรงเรียนที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่ ที่มีครูอาจารย์ หรือบุคลากรทางการศึกษาพร้อม เครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ทางการศึกษาพร้อม ยิ่งเป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียน ที่จะมาพร้อมกับประสิทธิภาพการเรียนรู้ รวมทั้งสังคมที่กว้างขึ้น..โลกทัศน์ก็กว้างขึ้น
การคัดค้าน ควรมองควบคู่กันไปกับประโยชน์ที่จะได้มากับตัวของผู้เรียน หากมองเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หรือมองเพียงเพื่อหวังประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง คงไม่เป็นผลดี อาจจะเป็นการทำลายอนาคตของชาติทางอ้อม อนาคตของชาติที่เราจะต้องฝากไว้กับรุ่นลูกรุ่นหลานเหล่านี้..ต้องคิดให้ครบ !!!