วานนี้ (14 พ.ค.2556) มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... หรือร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท โดยพิจารณาถึงบัญชีแนบท้ายร่าง พ.ร.บ. ในส่วนของค่าจ้างที่ปรึกษา 4.3 หมื่นล้านบาท โดยมีการเชิญตัวแทนการรถไฟแห่งประเทศ (รฟท.) เข้าชี้แจง
นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ กมธ.กล่าวว่า อยากเสนอให้มีการกำหนดให้บริษัทที่รับจ้าง มาเป็นบริษัทที่ปรึกษา เพราะถือว่ารับงานซ้ำซ้อน นอกจากนี้ ยังอยากให้มีการต่อรองหรือปรับลดค่าจ้างที่ปรึกษาลงจาก 2.4% ของเงินกู้ทั้งหมด ให้เหลือเพียงครึ่งเดียว หรือ 1.2% แต่ถ้าเหลือ 1% จะดีมาก เพราะค่าจ้างที่ปรึกษาแพงเกินไป
นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่า รฟท.กล่าวชี้แจงว่า มีความจำเป็นต้องจ้างที่ปรึกษา ทั้งในการประมูลงาน การควบคุมการก่อสร้าง และการบริหารสัญญา เพราะ รฟท.มีข้อจำกัดด้านบุคลากร เพราะส่วนใหญ่เป็นบุคลากรในการเดินรถ ไม่มีบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม แต่หากก่อนเริ่มโครงการ ส่วนใดที่มีบุคลากรเพียงพอ ก็จะตัดการว่าจ้างที่ปรึกษาในส่วนนั้นออก
“แต่ยืนยันว่าแค่ 1% ทำไม่ได้ ค่าที่ปรึกษา 4.3 หมื่นล้านบาท ที่พูดกัน เป็นการคิดจากยอดรวม 2 ล้านล้านบาท ทำให้ดูเยอะ แต่ถ้าแยกย่อยเป็นโครงการก็สมควรแล้ว หากจะขอต่อรองราคาที่ปรึกษา ก็ต้องใช้เพียงบริษัทเดียวรับผิดชอบทุกโครงการ ซึ่งจะทำให้มีข้อครหาอีกว่ามีการฮั้วกัน” นายประภัสร์กล่าว
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จำเป็นต้องมีการว่าจ้างที่ปรึกษา ซึ่งเวลานี้ราคากลางค่าที่ปรึกษายังไม่มี จึงต้องใช้ในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์ เพราะการลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีสูง หากไม่ใช้ผู้เชี่ยวชาญดูแลรับผิดชอบ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะเกิดความสูญเสียมหาศาล และกระทบต่อความเชื่อมั่น
http://www.isranews....1148-train.html
พูดเยี่ยงนี้แสดงว่า สภาวิศวกรไทย, สมาคมก่อสร้างไทย ฯลฯ ผู้ชำนาญการวิชาชีพเป็นกรรมการตรวจสอบงานได้ทั่วประเทศ... แต่ไม่มีความสามารถ... ถรุ๊ย... เห็นแล้วช่างแม่มอย่างกรู... กระจอกโคตรๆ... สี่หมื่นกว่าล้าน จะได้กระดาษมากี่แฟ้มหว่าคราวนี้?...