อย่าให้ ‘หนังหน้า’ หนากว่า ‘มันสมอง’
โดย จิตกร บุษบา
ผมชอบกลอนของ “พี่คนดี” บทนี้มาก
“...แสนเกลียดกลัว มีนายกฯ หนีทหาร
แต่หนีงาน หนีสภา เห็นว่าโก้
แสนเกลียดกลัว ต้องซื้อไข่ ชั่งกิโล
แต่เป็นหนี้ หัวโต ไม่เป็นไร
แสนเกลียดกลัว ทะเลาะ กับเพื่อนบ้าน
เลยเอาเขาพระวิหาร ใส่พานให้
แสนเกลียดกลัวการท่องเที่ยวจะเหี่ยวไป
แต่ชุมนุม สุมไฟ ได้ทุกครา
แสนเกลียดกลัว ให้หาว่า ด่าในหลวง
แต่แนวร่วมช่วยจาบจ้วง ไม่เห็นว่า
แสนเกลียดกลัว เกลียดนัก ศักดินา
แต่เห็นเงินของพ่อค้าพากราบกราน
แสนเกลียดกลัวต้องตามหาคนฆ่าเข่น
แต่ชุดดำ บอกไม่เห็น หน้าด้านด้าน
แสนเกลียดกลัว ปฏิวัติ รัฐบาล
แต่ไม่กลัว เผด็จการ รัฐสภา”
ทุกๆ บาท ทุกๆ บท ล้วนเป็นความจริง ว่ารัฐบาลชุดนี้และแนวร่วมของเขา คือ คนเสื้อแดง ดูเหมือนมี “ความดัดจริต” บางประการ เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของตน มากกว่าผลประโยชน์ของชาติ มีความถูกต้องที่พวกตนบัญญัติ โดยไม่สนใจว่ามันขัดกับความถูกต้องที่แท้จริงขนาดไหน
หนึ่งในเรื่องที่พี่คนดีหยิบยกขึ้นมา สอดคล้องกับเหตุการณ์จริง คือ
ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต หรือ “หมวดเจี๊ยบ” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้พรรคร่วมฝ่ายค้านทบทวนรายชื่อบุคคลที่จะเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแนบท้ายญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่าควรจะเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ผลการสอบสวนของกระทรวงกลาโหม กรณีหนีทหาร และการใช้เอกสารเท็จสมัครเข้ารับราชการทหารของ นายอภิสิทธิ์ ยังไม่มีความชัดเจน ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร หากปรากฏว่าการสมัครรับราชการของ นายอภิสิทธิ์ เป็นโมฆะมาตั้งแต่ต้น และนำไปสู่กระบวนการถอดยศ นายอภิสิทธิ์ จริงๆ ก็จะส่งผลต่อความสง่างามของ นายอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านทันที เนื่องจากอาจมีผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ หรือ กกต. ตีความคุณสมบัติการเป็น สส. ของนายอภิสิทธิ์ ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งไม่ว่ากฎหมายจะเอาผิด นายอภิสิทธิ์ ได้หรือไม่ แต่เรื่องนี้จะส่งผลกระทบในแง่จริยธรรมและคุณธรรมทางการเมือง ของ นายอภิสิทธิ์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้พรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ให้คิดดีๆ และคำนึงถึงความเหมาะสมก่อนที่จะเสนอชื่อบุคคลมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้ พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่าไม่มีการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะรัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงหรือกดดันการทำงานของกองทัพได้ หากบทสรุปของกรณีดังกล่าว จะส่งผลร้ายต่อ นายอภิสิทธิ์ ก็เป็นผลมาจากพฤติกรรมในอดีตของ นายอภิสิทธิ์เอง ไม่ใช่เพราะใครไปกลั่นแกล้ง”
ถามหมวดเจี๊ยบ : กรณีที่ สว. ตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีของนายวราเทพ รัตนากร กรณีคดีหวยบนดินหมวดเจี๊ยบคิดจะบอกพรรคเพื่อไทยให้ทบทวน คิดจะบอกนายกฯรัฐมนตรีให้รู้จัก “สะดิ้ง” ในเรื่องนี้บ้างหรือไม่
ชัดเจนยิ่งกว่านั้น กรณีการแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรี ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือทักท้วง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าเป็นการแต่งตั้งที่ไม่คำนึงถึงหลักจริยธรรมและความสง่างาม ครั้นมีการปรับคณะรัฐมนตรี ก็ยังมีชื่อ นายณัฐวุฒิอยู่ร่วมคณะ เพียงแต่ย้ายจากกระทรวงเกษตรฯหลังจากผลาญงบแก้ปัญหายางพาราไปเหนาะๆ 1,500 ล้านบาทและขอเพิ่มอีก 1,500 ล้านบาท มาอยู่กระทรวงพาณิชย์ โดยพ่วงไอ้เจ๋ง ดอกจิก ไปเป็นคณะทำงานอีกคน กรณีนี้ หมวดเจี๊ยบ นั่งอมสากกะเบืออยู่หรือครับ ถึงได้ไม่ถามไม่ท้วง ไม่รู้สึกรู้สาถึงความไม่สง่างาม
หมวดเจี๊ยบครับ
เอาอย่างนี้สิครับ เพื่อให้สง่างาม ให้กระทรวงกลาโหมรีบๆ สรุปว่า นายอภิสิทธิ์หนีทหาร หรือใช้เอกสารปลอมจริงหรือไม่ ให้มันไวๆ ขึ้นอีกนิดหนึ่ง ไม่ใช่เก็บไว้เป็นประเด็น“ตีหัว” อยู่เรื่อยๆ ประชาชนเขารำคาญครับ
ก็อย่างพี่คนดีเขาบอกนั่นแหละครับ หนีทหาร-ดีดดิ้นกันจัง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ หนีสภา มีปัญญาถามเขาไหมหมวดเจี๊ยบ ทักษิณหนีคุก มีปัญญาเรียกร้องไหมหมวดเจี๊ยบ ที่เคยเขียนหนังสือ “ทักษิณ Where are you” น่ะ จะเขียนอีกสักรอบไหม ว่า “ทักษิณ หนีไปไหน”
ว่าด้วยเรื่องหนีๆ นี่ จะประมาทหมวดเจี๊ยบเธอเสียทีเดียวคงไม่ได้ เพราะเธอเองเคยมีประสบการณ์ “หนี” มาก่อนเหมือนกัน
เข้ากูเกิ้ล ถามเรื่องหมวดเจี๊ยบหนีราชการ รายงานพิเศษเรื่อง ย้อนรอย กรณีหนีราชการไปหา “แม้ว” ก็ปรากฏขึ้นมา ASTV ผู้จัดการออนไลน์ เขียนไว้เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2552 มีรายละเอียดว่า
“ชื่อ “หมวดเจี๊ยบ” ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต โด่งดังมาจากหนังสือ “ทักษิณ Where Are You?” ซึ่งเป็นการเผยแพร่บทสัมภาษณ์พิเศษและชีวิตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และชีวิตในประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรก โดยหมวดเจี๊ยบ อ้างว่า หนังสือเล่มดังกล่าวเป็นการลงทุนด้วยเงินเก็บของตนเอง เพื่อเดินทางไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงประเทศอังกฤษ โดยมิได้มีการนัดหมายเอาไว้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม ด้วยการวิงวอนของเธอ สุดท้าย พ.ต.ท.ทักษิณ จึงยินยอมให้สัมภาษณ์ในเดือนมิถุนายน 2550
ทั้งนี้ทั้งนั้น มีการเปิดเผยเบื้องหลังว่า จริงๆ แล้ว ในช่วงปลายเดือน พ.ค.2550 ร.ท.หญิงสุณิสา ซึ่งขณะนั้นปฏิบัติหน้าที่เป็นนักข่าวสายต่างประเทศ และผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) ได้ทำหนังสือขอลาพักผ่อน ในวันที่ 30, 31 พ.ค. และ 1 มิ.ย. 2550 โดยระบุว่า ลาพักผ่อนอยู่ในเขตของกรุงเทพมหานคร แต่หลังจากยื่นใบลาไปแล้วเธอกลับเดินทางไปอังกฤษ เพื่อไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ และต้องรอจนถึงวันเสาร์ที่ 2 มิ.ย. 2550 จึงได้สัมภาษณ์
ในการเดินทางไปประเทศอังกฤษ ร.ท.หญิง สุณิสา ได้ไหว้วานให้เพื่อนที่ช่อง 5 อ่านข่าวแทน แต่ไม่ได้บอกว่าตนเองไปไหน และไม่มีการขอลาเพิ่ม จนกระทั่งวันที่ 20 มิ.ย.2550 จึงเดินทางกลับมา ซึ่งขณะนั้นทาง ททบ.5 เห็นว่า ร.ท.หญิง สุณิสา ทำผิดวินัยและระเบียบหลายข้อจึงส่งตัวกลับต้นสังกัด คือ สำนักงานเลขานุการกองทัพบก โดยให้เหตุผลว่า ทำผิดถึง 19 ข้อหา พร้อมกับตั้งกรรมการสอบวินัย ซึ่งในขณะนั้น ททบ.5 ยังไม่ทราบว่า ร.ท.หญิง สุณิสาเดินทางไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงประเทศอังกฤษ จนกระทั่ง ร.ท.หญิง สุณิสา ให้สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2550 และกองทัพบกได้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยถึง 4 ชั่วโมง ในวันที่ 2 ส.ค.2550
เมื่อหนังสือ “ทักษิณ Where Are You?” ถูกนำมาเผยแพร่ และ ร.ท.หญิง สุณิสา กลายเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในสังคม ก็เกิดปรากฏการณ์ที่สื่อมวลชนหลายแขนงพยายามจะขอสัมภาษณ์และอุ้มชูเธอ โดยสื่อมวลชนส่วนใหญ่พยายามนำเสนอข่าวในเชิงที่ว่า เธอถูกผู้ใหญ่ในกองทัพรังแก และบีบให้ออกจากราชการ แต่สื่อมวลชนส่วนใหญ่กลับมิได้กล่าวถึง กรณีทำผิดวินัยข้าราชการและทหารของ ร.ท.หญิง สุณิสาแต่อย่างใด
“การได้เป็นคนข่าวเป็นสิ่งที่เจี๊ยบรัก และอยากทำให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องการเขียนหนังสือ หรือเขียนบทละคร เป็นแค่งานเสริมเท่านั้น ซึ่งเรามองว่า มันไม่ขัดกับอาชีพทหารถึงวันนี้เจี๊ยบไม่ได้อยากให้คนรู้จักมากมายแต่อยากให้คนยอมรับมากกว่า ถ้าคนเกลียดเจี๊ยบก็คงเสียใจ อยากให้คนรักและเข้าใจ มากกว่าการมีชื่อเสียง ขอยืนยันว่า ไม่มีใครซื้อเจี๊ยบได้ หรือใช้เป็นเครื่องมือ ... ทุกอย่างเขียนออกมาจากสมองและสองมือตัวเองล้วนๆ ถึงเจี๊ยบจะไม่ใช่คนวิเศษเลิศเลอมาจากไหน แต่เจี๊ยบก็รักในศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนกัน และยังรักในอาชีพทหาร อยากจะเป็นทหารไปจนกว่าทางกองทัพบอกว่าไม่ต้องการเจี๊ยบแล้ว”หมวดเจี๊ยบ กล่าวกับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันอาทิตย์ที่ 5 ส.ค. 2550
ต่อมาในวันที่ 8 ส.ค.2550 พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าว ร.ท.หญิง สุณิสา ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นทหาร ว่า ได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า ร.ท.หญิง สุณิสา ยังไม่ได้ยื่นใบลาออก เพียงแต่ได้เข้าไปขอคำปรึกษา พล.ต.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง โดย พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า การลาออกถือเป็นเรื่องส่วนตัวของกำลังพลแต่ละคน อย่างไรก็ตาม เรื่องการลาออกจากราชการของ ร.ท.หญิง สุณิสา ก็เงียบหายไปจนกระทั่งวันนี้
แฉ! มีบิ๊กสีเขียวอุ้ม
สำหรับประเด็นดังกล่าวแหล่งข่าวในกองทัพเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ASTV ผู้จัดการ ว่า หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ก็มีนายพลใหญ่ใน คมช.คนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันก็เป็นผู้ที่มีอำนาจสูงในกองทัพบก และ ททบ.5 ได้ยื่นมือเข้าช่วย ร.ท.หญิง สุณิสา มิให้ถูกไล่ออกจากราชการและช่วยให้สามารถรับราชการในสังกัดสำนักงานเลขานุการกองทัพบกต่อไปได้
“เรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องน่าตกใจที่กองทัพบก ยังเก็บ ร.ท.หญิง สุณิสา ไว้อยู่ทั้งๆ ที่เป็นการทำผิดวินัยและระเบียบข้าราชการอย่างโจ่งแจ้ง เนื่องจากขาดราชการเกือบ 20 วันโดยไม่แจ้ง อีกทั้งยังเดินทางไปต่างประเทศโดยไม่รายงานต่อผู้บังคับบัญชาอีกด้วย ยิ่งมาเปิดตัวเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ของฝ่ายระบอบทักษิณด้วย (ภายหลังหมวดเจี๊ยบไปเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ทางช่องพีเพิ่ล แชนแนล) ก็ไม่รู้ว่า ผบ.ทบ.และกองทัพจะอยู่เฉยได้อย่างไร” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม ภายหลังหมวดเจี๊ยบได้บอกกับสังคมเสมอ ว่าเธอลาออกจากราชการเพื่อไปศึกษาต่อ นั่นคือความจริงจากปากของเธอ โดยไม่ต้องมีแหล่งข่าว ที่พูดจริงหรือเท็จ เราก็ไม่รู้ ส่วนเธอไปศึกษาวิชาอะไร รู้สึกว่าเธอมิได้บอกกับสังคมนะครับ
ผมคิดว่า เป็นเรื่องที่ดีนะครับ ที่หมวดเจี๊ยบลุกขึ้นมาในนามพรรคเพื่อไทยเรียกร้องถึงความโปร่งใสและสง่างาม เบื้องต้น หมวดเจี๊ยบก็ทำตัวเองให้สง่างามเสียก่อน จากนั้นทำนายกฯ สุดที่รักของตัวเองให้สง่างามด้วย ทำพรรคของตัวเองให้สง่างามด้วย ทีนี้แหละ พอหมวดเจี๊ยบมาเรียกร้องอะไรในทำนองนี้ มันจะได้มีน้ำหนักและสง่างาม
หมวดเจี๊ยบครับ ผมเห็นนักการเมืองที่ “หน้าหนามากกว่ามันสมอง” มาเยอะแล้ว เชื่อว่าหมวดเจี๊ยบจะไม่เดินเข้าสังกัด “นักการเมืองหน้าหนา ปัญญาน้อย” อีกคนแน่ๆ
Edited by ดอกปีบ, 18 May 2013 - 14:25.