ผมเห็นด้วยกับพรบ.ปรองดองนิรโทษทุกสี ทุกฝ่าย ทุกคนเพื่อให้ประเทศโดยรวมสงบขึ้น แม้จะเจ็บปวดมากก็ตาม
สิ่งที่ผมต้องการจริงๆคือประชาะิปไตยที่แท้จริง รัฐฯฟังเสียงประชาชน ประชาชนยอมรับเสียงส่วนใหญ่
เคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน และความยุติะรรมที่เท่าเทียม เท่านี้จริงๆที่ผมอยากเห็น
พรบ.ปรองดอง ไม่สามารถทำให้ประเทศสงบได้หรอกครับ มันคือการยัดเยียดของอำนาจรัฐ
อันที่จริงเราแทบไม่ต้องพูดถึง พรบ. นี้เลยด้วยซ้ำ มันมีวิธีที่เป็นเบสิคกว่า..เพียงแค่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
คุณเองก็จะไม่ต้องทนเจ็บปวด.. และถ้าคุณไม่หลอกตัวเอง ก็น่าจะรู้ดีว่านี่มันไม่ใช่ พรบ.ที่สร้างความปรองดองหรอก
คุณเองก็ไม่ยอมรับ ผมเองก็ไม่ยอมรับ..สิ่งที่ควรเป็นก็คือ ลากคอคนผิดมารับโทษ..ทุกอย่างก็จบ..
จะแก้ปัญหาก็ต้องหาหลักยึด หลักของสังคมคือกระบวนการยุติธรรม และทุกฝ่ายก็มีคดีความกันหมด ก็ควรไปยุติที่นั่น
ท่านนายกฯ ปู ท่านนายกฯ ทักษิณ ก็ใช้บริการศาลฯบ่อยๆ ก็คงเห็นว่านั่นคือทางออก
ใช่..นั่นแหละทางออกของปัญหา..
เป็นการนำเสนอครับ ไม่ใช่การยัดเยียดริเริ่มมาตั้งแต่สมัยนายอภิสทธิ์โน่น เพียงแต่ว่ามันไม่ชัดเจนเท่านั้น
คอป.ที่ตั้งโดยรัฐบาลอภ์สิทธิ์ก็มีแนวคิดตามนี้ แต่ตัวแทนส่วนใหญ่ของประชาชนไม่เอาด้วยก็ไม่ผ่านอยู่แล้ว
คืออีกวิธีที่เอาคนผิดมาลงโทษ ผมเองก้เห็นด้วยอย่างแรง ถ้าเสียงส่วนใหญ่ว่าไงก้เอาตามนั้น คุณพูดถูกแล้ว
ที่บอกว่า"หลักของสังคมคือกระบวนการยุติธรรม" ตรงนี้แหละที่เสื้อแดงพยายามต่อสู้ให้ได้มา เพราะพวกเรา
เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมบ้านเรามันผิดเพี้ยน
ผมเห็นด้วยเรื่องประชาชนควรยอมรับเสียงส่วนใหญ่ นั่นก็คือยอมรับผลการเลือกตั้ง
แต่ประชาธิปไตยไม่ควรสิ้นสุดแค่หน้าคูหาเลือกตั้งแล้วให้รัฐบาลใช้อำนาจผูกขาดทำอะไรก็ได้ตามใจเขา
ผมเห็นด้วยเรื่องรัฐต้องยอมรับฟังเสียงประชาชน แต่ทุกวันนี้รัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับใช้คำติดปากว่า
"มาจากเสียงส่วนใหญ่" เพื่อใช้ตอบ "ปฏฺิเสธ" การเรียกร้องของประชาชนที่เขาเรียกว่า "เสียงส่วนน้อย"
ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง ไม่ใช่สิ่งที่ผู้นำประเทศควรปฏิบัติหรือใช้ในการพูดกับประชาชน
บรรทัดแรคเห็นตรงกัน บรรทัดสองผมมองว่ามันคือ"วาทกรรม" เพราะรัฐฯมีกระบวนการตรวจสอบอยู่แล้ว
บรรทัดสามก็ตรงกัน บรรทัดสี่คือผลจาก"วาทกรรม"นั้นทำให้คุณมีความเชื่อแบบนี้
บรรทัดห้ามันขัดแย้งกับบรรทัดแรคและบรรทัดสาม คุณกำลังสับสนในตัวเอง
ผมเห็นด้วยว่าเราต้องเคารพสิทธิ์ซึ่งกันและกัน แต่คุณเห็นแบบนั้นหรือเปล่า..?
เมื่อฝ่ายค้านจัดเวทีอภิปราย แต่กลุ่มคนเสื้อแดงกลับออกมาขัดขวาง ข่มขู่
ซึ่งมันไม่ถูกต้อง จะมาอ้างสิทธิ์อะไรไปคุกคามผู้อื่นเช่นนั้น..นั่นมันบ้านป่าเมืองเถื่อน..
ผมเห็นตามนั้นถ้าอ่านความคิดเห็นผมจะเห็นส่วนนี้ ไม่ใช่แค่เพียงในกระทู้นี้ ในกระทู้ที่ผ่านๆมา
ผมก็เห็นอย่างนี้มาตลอด วัฒะรรมการป่วน ข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามคุณว่ามันเริ่มจากไหน เมื่อไหร่ ?
ปชป.บอยคอตการเลือกตั้ง พรรคเล็กทางภาคไต้่บางพรรคไม่เอาด้วยจะส่งคนลงสมัคร พวกก็จัดม๊อบ
ขวางทางซะงั้น คุณคงตกข่าว ทักษิณ,ศรราม,สมชาย,เฉลิมก็แทบเอาตัวไม่รอดมาแล้ว มองอย่างเป้นธรรม
แล้วคุณจะเห็นจริง เรื่องในปัจจุบันคือผลของต้นเหตุที่เกิดมาก่อนทั้งนั้น
ความยุติธรรมที่เท่าเทียม มันขึ้นอยู่กับว่าเราพูดถึงสังคมไหน
หากเป็นสังคมที่คนในสังคมนั้น บอกว่ามันยุติธรรมแล้ว เมื่อตัวเองเป็นฝ่ายได้ประโยชน์
แต่กลับบอกว่า เฮ้ย มันไม่ยุติธรรมเมื่อฝ่ายตัวเองเป็นผู้เสียประโยชน์ แบบนี้มันจะไปจบที่ตรงไหน
ก็ในเมื่อความยุติธรรม มันคือการตีความของผู้มีส่วนได้เสียเองหรือกองเชียร์เองเท่านั้น
เมื่อมันถูกตีความตามความชอบ ตามอารมณ์ ตามหายันโลกหน้าก็ไม่เจอหรอก..
เอ้า..ผมยกตัวอย่างง่ายๆธิ ลิ้มฯโดนกี่คดีทำไมยังไม่ติดคุก เหตุผลที่ตลก.รธน.ไม่ตัดสินยุบพรรคปชป.
เพราะอะไร สมเหตุสมผลหรือไม่ ? ภายหลังแม้ประธานศาลรธน.ก็ยังออกมาสารภาพกับสื่อคุณคงได้อ่านแล้ว
นี่คือตัวอย่างเพียงเล็กน้อย คงทำให้คุณนึกถึงภาพระบบยุติธรรมในบ้านเรา
เอาเป็นว่าผมเห็นด้วยกับที่คุณแสดงความเห็นไว้เรื่องสลิ่มแมงสาปกัดกัน
เพราะผมไม่ได้พึ่งจะเคยเห็น..สลิ่มแมงสาปมีจุดด้อยกว่าเสื้อแดงก็ตรงที่
ต่างคนต่างมีความเป็นตัวของตัวเองสูงกว่า มีหลายเรื่องที่ขัดแย้งกันทางความคิดเห็นแล้วแสดงออกมาตรงๆ
ทั้งที่สามารถเหยียบไว้ เงียบไว้ แบบที่เสื้อแดงทำกันก็ได้..แต่เพราะมันคือ สลิ่มแมงสาปไม่ใช่เสื้อแดง..
ผมกลับมองว่าฝ่ายสลิ่มสาบแสดงจุดร่วม สงวนจุดต่างได้ดีกว่าเสื้อแดง คือเวลาไม่เข้าใจกันบางรายร้าย
ถึงขนาดหมายเอาชีวิตกัน(ธิ ลิ้มฯรู้รสชาติดี) แต่เวลาต้องร่วมกันสู้ก็ร่วมมือกันดี ผิดจากเสื้อแดงบอกไม่เอาก็คือไม่เอา
ระดับแกนนำถูกแนวร่วมด่าสารพัดมากมาย แต่ไม่ค่อยเห็นแนวร่วมสลิ่มสาบด่าระดับแกนนำตนเองเลย