กมธ.แก้ รธน.ที่มา ส.ว.กลับมติเดิมจาก 4 ปี ให้ ส.ว.อยู่ 6 ปี ฝ่าย"ปชป."เดือดซัด ชง ทบทวนใหม่หมด แต่"สามารถ"รวบรัด หักลงมติทันที...
เมื่อ วันที่ 21 พ.ค.ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว. โดยมีนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม โดยในวันนี้ (21 พ.ค.) มีการพิจารณาญัตติของนายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการฯ ที่ให้ทบทวนมาตราที่เกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่ง ส.ว. หลังจากที่ประชุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข้อสรุปให้สมาชิกภาพ ส.ว. มีกำหนดคราวละ 4 ปี ตั้งแต่วันเลือกตั้ง โดยที่ประชุมอภิปรายถกเถียง โดยกรรมาธิการฯ ฝ่ายค้าน อภิปรายคัดค้าน อาทิ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การทบทวนรายละเอียดในมาตราที่ลงมติแล้ว ไม่ทราบว่าใช้มาตรฐานอะไร จึงเสนอให้ทบทวน ทำแบบนี้เท่ากับเป็นการรับงานมา จึงขอให้มาพิจารณาเรื่องดำรงตำแหน่งใหม่ ถ้าหากมีการเสนอทบทวนเพื่อกลับมติ ควรทบทวนร่างแก้ไขมาตรา 102 (10) ที่ว่าด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ที่ห้ามให้ ส.ว.หรือคนที่เคยเป็น ส.ว.เข้ามาสมัครรับเลือกตั้งใหม่ หากไม่พ้นจากตำแหน่งครบ 2 ปี ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ ส.ว.เลือกตั้ง อภิปรายสนับสนุนให้มีการกลับมติ ทำให้นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่จะมีการเปลี่ยนแปลงมติ หลังลงมติแล้ว เท่ากับเป็นการสร้างความยุ่งยาก ดังนั้นในมาตราอื่น ที่สมาชิกเห็นว่าควรทบทวน ก็ต้องให้สิทธิ์ด้วย
จากนั้นนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “คนมีอายุกันแล้ว ยอมๆ กันเถอะ” ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลาย ทำให้นายสามารถ ได้สรุปรวบรัดให้มีการลงมติตัดสิน ผลปรากฏว่ากรรมาธิการฯ เสียงข้างมากชนะด้วย 23 เสียง ต่อ 9 เสียง เห็นควรให้มีการแก้ไขมติจากเดิม 4 ปี เป็น 6 ปี ทำให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย เสนอญัตติให้ทบทวนเนื้อหาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว. ตั้งแต่มาตราแรก แต่นายสามารถตัดบทว่าหลังจากที่กรรมาธิการฯ พิจารณาทุกมาตราแล้วเสร็จ จะเป็นส่วนของผู้ที่เสนอคำแปรญัตติมาถกในชั้นกรรมาธิการฯ ที่จะมีตั้งแต่มาตราแรกจนถึงมาตราสุดท้ายอยู่แล้ว ค่อยเอาไปว่าในชั้นนั้น แต่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ย้อนว่าควรทำให้จบในชั้นกรรมาธิการฯ เพราะในชั้นแปรญัตติเป็นคนละเรื่องแล้ว
ขณะที่ด้านนายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนอยากทราบในส่วน 23 เสียงให้เปลี่ยนแปลงมติมีรายชื่อใครบ้าง ขอให้เจ้าหน้าที่รายงานด้วย ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “ทำแบบนี้เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เมื่อมีการตัดสินแล้วก็ควรยึดตามนั้น อย่าเอาอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยว พวกผมมันเลว มันชั่ว หรือครับ” นายธนาชี้แจงว่าเหตุที่ตนต้องถามถึงชื่อ เพราะที่ผ่านมาพบว่า การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมีผลประโยชน์ทับซ้อน การเสนอทบทวนญัตติจึงอาจขัดต่อกฎหมาย จึงต้องการรายชื่อไปให้ประชาชนติดตามและตรวจสอบ แต่หากเจ้าหน้าที่ไม่ได้บันทึกไว้ก็ไม่เป็นไร จากนั้นนายสามารถก็สั่งปิดประชุมในทันที
ด้านนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี ในฐานะกรรมาธิการฯ ให้สัมภาษณ์ว่าในเมื่อที่ประชุมมีมติสุดท้ายให้วาระการดำรงตำแหน่ง ส.ว. เป็น 6 ปี ในการประชุมกรรมาธิการวันพรุ่งนี้ (22 พ.ค.) ตนเตรียมเสนอให้มีการจำกัดวาระการตำแหน่ง ส.ว.เพียง 2 สมัยติดต่อกัน รวมทั้งต้องแก้ไขมาตรา 115 ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะมาลงรับสมัครเป็น ส.ว. คือให้คง (5) ที่ว่าด้วยไม่เป็นบุพการี คู่สมรส หรือบุตร ของผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่ประชุมเสียงข้างมากมีมติให้ตัดออกและให้คืนถ้อยคำของ(6)(7) กลับมาทั้งหมด
แหล่งที่มา http://www.thairath....ent/pol/346162.
