ถาม: ตั้งแต่ท่านเป็น ผอ.องค์การเภสัชกรรมมา 6 ปี ท่านคิดว่าผลงานอะไรที่ทำประโยชน์ให้กับสังคมมากที่สุดและเป็นความภาคภูมิใจ
นพ.วิทิต: ผมคิดว่าตั้งแต่ผมอยู่มาประมาณ 1 สมัย กับอีก 2 ปี (6ปี) สิ่งที่ผมและคณะมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ หนึ่ง เราสามารถทำให้คนเข้าถึงยาได้มากขึ้น
อันดับแรกนั้นก็คือ CL นะครับ CL เนี่ยเป็นอะไรที่ท้าทายมาก แล้วก็เสี่ยงมาก แล้วองค์การขายได้แต่ไม่มีกำไรนะครับ ห้ามบวกกำไรตามกฎหมายของ CL แล้วเราก็ช่วยให้ให้คนไข้โรคเอดส์ โรคหัวใจ ได้ใช้ยา โรคมะเร็งได้เข้าถึงยา อันนี้เป็นความสุข ทุกครั้งที่คิดถึงทุกคนก็มีปิติ
อันที่สองก็โอเซลทามิเวียร์ที่เรามีโอกาสได้รับใช้พี่น้องประชาชน ตอนที่มีระบาด H1N1 มากมายเนี่ย เราผลิตโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนี่อย เราขายราคาถูกโดยไม่รู้สึกเสียดาย วัตถุดิบที่เหลือสำรอง เราไม่ได้กลัวเลยว่าวันหนึ่งจะ expire จะอะไรต่างๆ เราเห็นพี่น้องเราที่เสียชีวิตมากมาย เนี่ยครับโอเซลทามิเวียร์ที่เราผลิตมา GPO-A-FLU เนี่ยครับ เราผลิตออกมา เรารู้สึกภูมิใจมากที่ให้เราได้รับใช้ ถัดมาเนี่ยเป็น peak นะครับชี้ให้เห็นว่าในเดือนกรกฎาคม มีผู้เสียชีวิต ตัวเลขไม่ชัด หลายสิบคน ท่านจะเห็นว่าเป็น peak ขึ้นมาอย่างนั้น แล้วถ้าท่านอยู่ในเดือนที่กำลัง peak เนี่ยท่านจะทำอะไรครับ นอกจากสั่งวัตถุดิบมาช่วยกันสำรองช่วยกันผลิตยา ใครจะทราบบ้างว่าหลังกรกฎาคม peak จะค่อยๆลงแบบนี้ นี่คือสิ่งที่ต้องตัดสินใจกันตอนนั้น เพราะฉะนั้นบอร์ดเลยตัดสินใจในตอนนั้น
อีกอันก็คือยาขับเหล็ก 6 ปีเราผลักดันจนยาขับเหล็ก Deferipone ให้กับคนไข้ Thalassemia หลายหมื่นคน จากยาที่เม็ดละ 30 บาท อินเดีย ต่างประเทศ 60 อินเดีย 30 ของเรา 3 บาท ห้าสิบ เราภูมิใจมากที่ได้รับใช้คนไทย
คนไข้โรคเอดส์ทั่วประเทศแสนกว่าคน เราภูมิใจมากครับที่เค้ามีชีวิตอยู่เหมือนคนปกติทุกวันนี้ เราภูมิใจมากคนไข้เบาหวาน 80%ของคนไข้เบาหวาน ในประเทศรับทานยาขององค์การเภสัชกรรม เพราะเช่นนี้ เมื่อเหตุใดๆก็ตามที่กระทบองค์การเภสัชกรรม เราห่วงคนไข้เหล่านี้มากมายครับ
เรามียาอื่นๆอีกที่ออกมาแล้วช่วยเหลือคนไข้เช่นจิตเวช Resperidone, Sertraline คนไข้จิตเวททั้งเด็กและผู้ใหญ่สร้างความทุกข์ให้กับครอบครัวอย่างยิ่ง ทั้งผู้ปกครองทั้งพ่อแม่เนี่ย ทุกข์มากที่ลูกมีอาการทางจิตเวช ในที่สุดองค์การออกมาจากเม็ดละ 40-50 บาท องค์การออกมาให้สปสช. เพียงเม็ดละ 3 บาท ถึง 5 บาทเท่านั้น เราภูมิใจ
ผมคิดว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ แม้วันหนึ่งผมผ่านพ้นองค์การไปจะโดยสัญญา หรือโดยอุบัติเหตุก็ดี ผมมีความสุขไปตลอดชีวิตของพวกผม อันนี้เป็นความภาคภูมิใจ
แล้วก็ยามน้ำท่วมผมดูแลเรื่อง อาหาร น้ำ เครื่องกรองน้ำ RO กรองน้ำไปส่งช่วยพี่น้อง ชาวปทุมธานี ปากเกร็ด นนทบุรีแทบทุกวัน ใส่แกลลอนไปไม่มีขาย แจกให้คนละครอบครัวละแกลลอน ข้าวสารอาหารแห้ง ผมตั้งศูนย์รับบริจาค และก็ส่งตรงไปเลยครับ เรือทุกลำนะครับ ท้องแบน โรงพยาบาลใหญ่ๆ แม้กระทั่งโรงพยาบาลในกรุงเทพหลายแห่ง เราก็ไปแจกเรือท้องแบน ช่วยเหลือ หมอ และพยาบาล แถวดอนเมือง หลายลำนะครับ ไปถึงปทุม ไปถึงลพบุรี เราทำกิจกรรมไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเมื่อประเทศมีภัย ผมอยากให้พี่น้องคนไทยประเทศมั่นใจว่ามี GPO แล้วอย่างน้อยเราก็ช่วยท่านได้ไม่มากก็น้อย
ถาม: แล้วอะไรคือข้อผิดพลาด
นพ.วิทิต: ผมคิดว่าข้อผิดพลาดที่เป็นเจตนาทำให้มันผิดพลาด ผมคิดว่าผมก็นึกไม่ออก
มีอยู่อันนึงนะครับก็ไม่ใช่ความข้อผิดพลาด เป็นเรื่องที่เราเจตนาดี แต่สุดท้ายแล้วเนี่ยเราคิดถึงมุมนี้ไม่ได้ตอนที่เราห่วงคนไข้ มีอยู่ครั้งหนึ่งคือเรื่องของ CL ยาโคลพิโดเกรล โคลพิโดเกรลเนี่ยเราประกาศ CL ปึ๊ม เราหาบริษัทยามาขึ้นทะเบียน แล้วเราก็เปิดซองสอบราคา เราก็ได้ยาของอินเดียเม็ดละบาท นะครับ ในขณะที่ท้องตลาด original เค้าขายกัน 70-80 บาท หมอใช้กันจนกระทั่งขึ้นมาเป็นปีละ 10 กว่าล้านกว่าเม็ด 15 ล้านเม็ด 16 ล้านเม็ด วันดีคืนดียาที่เราสั่งเข้ามาจากอินเดียตรวจไม่ผ่าน ตรวจไม่ผ่านติดๆกันไม่ต่ำกว่า 7-8 กว่าลอต ตรวจไม่ผ่านจนคลังยาเราหร่อยหรอไปจนใกล้ศูนย์ เรากับสปสชก็เลยตัดสินใจกันว่า เราสั่งยาในประเทศ มีคนนำเข้า บริษัทหนึ่งนำเข้า แล้วก็มีทะเบียนตอนหลังด้วยเนี่ยนะครับ สั่งเข้ามาสำรองก่อนไหม แต่เม็ดหนึ่งมัน 12 บาทนะ แต่ Original เม็ดหนึ่งมัน 70 บาทนะ เราซื้อไม่ไหว สปสชเลยตัดสินใจว่า 12 บาท เอามาหนึ่งล้านเม็ดก่อน แล้วลองพยายามหายาอินเดียมาให้ทันซิ หนึ่งล้านเม็ดที่ซื้อมาแล้วกระจายไปเนี่ย ปรากฎว่าเราถูกบริษัท Original notice เลย ยื่น notice เลย ซึ่งเราก็คิดว่าประกาศ CL คุณยื่น notice เราได้อย่างไร เมื่อดูวิเคราะห์ทางกฎหมายอย่างลึกซึ่งแล้วเนี่ยนะครับ เขามีโอกาสที่จะชนะเราครับ เขาชนะในต่างประเทศแล้ว เค้ามีโอกาสที่จะชนะเราด้วย เพราะฉะนั้นเพื่อความไม่ประมาท เราก็เลย hold ยานั้นไว้ ขณะนี้ยาก็ยังไม่ได้เสื่อมนะครับ แต่ว่าอายุสั้นนะครับ
เราได้ประสานกับบริษัทที่นำเข้าแล้วนะครับ ก็เป็นข่าวดีว่าบริษัทได้แจ้งมาว่าบริษัทที่ผลิตยาตัวนี้ในต่างประเทศยินดีที่จะเปลี่ยนยาให้ทั้งหมด เป็นยาใหม่นะครับให้ทั้งหมด เรื่องนี้จะเห็นว่าที่เราพลาดก็ไม่เชิงนะครับ เพราะเจตนาเราต่อคนไข้ เราบริสุทธิ์ใจ เราตรวจสอบด้านกฎหมาย ตรวจสอบหลายๆอย่างแล้ว แต่มุมมองเป็นคนละด้านกับ CL เราก็เสียใจนะครับ แต่อย่างไรก็ตามรัฐยังไม่ได้เสียหายใดๆ แล้วที่กล่าวหาเราว่าฮั้วอะไรต่างเนี่ย ไม่มีโจทย์ โจทย์ที่เป็นบริษัทที่เสียผลประโยชน์ ที่เสียโอกาส หรือถูกกีดกันขึ้นมาร้องสักรายเดียว ไม่มีครับ เพราะฉะนั้นต้องเรียนว่า เราได้บริหารทุกอย่างด้วยความรอบคอบโปร่งใสที่สุดแล้ว แต่ว่าเมื่อมันจะพลาดด้วยที่เป็นเชิงเทคนิคมากๆ ทางเชิงกฏหมายมากๆก็เป็นเหตุสุดวิสัย...
(บางช่วงบางตอนของการแถลงข่าวเปิดใจ ของ นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม, 15 พ.ค.56)
เครดิตภาพ: คมชัดลึก
ยาแพงขึ้นเมื่อไหร่ ก็กลับหาหญ้า หาเปลือกไม้, เขาควายต้มยาแดรกวัดดวงกันเองแล้วกันนะ ไพร่ทั้งหลาย... รัดบานเค้าคงจะสงเคราะห์แบบไปเผาบ้านเผาเมืองคงไม่ได้หรอก...