วันนี้ 25 พ.ค.56 ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ วิพากษ์วิจารณ์ผลการประชุมร่วมกันระหน่วยงานภาครัฐกับผู้ประกอบการผู้เลี้ยงไก่ไข่เพื่อกำหนดแนวทางร่วมกันในการดูแลเสถียรภาพราคาไข่ไก่ ว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มขยับสูงขึ้นต่อเนื่องกันแทบทุกวันจนถึงราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มที่ราคาฟองลพ 3.20 บาท คณะกรรมการราคากลาง กระทรวงพาณิชย์ ติดตามเรื่องนี้และเห็นตรงกันว่าน่าจะเอาผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยเพื่อกำหนดแนวทางร่วมกัน จึงมอบหมายให้กรมการค้าภายในประสานงาน โดยประเด็นที่ต้องมีข้อสรุปร่วมกัน คือ เรื่องต้นทุนที่แท้จริงของผู้ผลิตไข่ไก่ออกจากฟาร์มว่าต้นทุนจะมีอัตราที่ฟองละเท่าไหร่ ก็ได้รับรายงานจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ว่า กลุ่มผู้เลี้ยงไก่ไข่ตลอดจนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องหารือรือร่วมกัน และยอมรับตัวเลขต้นทุนที่ 2.65 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขต้นทุนข้อสรุปตั้งแต่เดือนตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ช่วงปลายเดือน เม.ย. - พ.ค.สภาพอากาศในประเทศไทยร้อนผิดปกติส่งผลกระทบให้แม่ไก่ออกผลผลิตไข่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อผลผลิตน้อยทำให้ต้นทุนขยับสูงขึ้น สศก.และผู้ประกอบการ จึงประเมินร่วมกันกว้างๆว่าสถานการณ์แบบนี้ระดับราคาต้นทุนการผลิตน่าจะขยับสูงขึ้น 10 -15 สตางค์ต่อฟอง
ดังนั้นจากเดิมฟองละ 2.65 บาท สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะอยู่ที่ 2.75 – 2.80 บาท เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ส่งผลให้ระดับราคาไข่ไก่ขยับสูงขึ้นตั้งแต่หน้าฟาร์มจนถึงราคาสุดท้ายก่อนถึงมือผู้บริโภค ตนเห็นสถานการณ์ดังกล่าวจึงชวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาคุยกันว่าน่าจะมีการหาระดับราคาสูงสุดในสถานการณ์นี้เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้บริโภค ขณะที่ผู้ประกอบการก็ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพต้นทุนที่สูงขึ้น ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ปัจจุบันที่ราคาอยู่ที่ฟองละ 3.20 บาท ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาจนถึงสิ้นเดือน พ.ค.นี้ จะขยับขึ้นลงตามกลไกตลาด แต่ว่าสูงสุดคละหน้าฟาร์มต้องไม่เกินฟองละ 3.30 บาท หากย้อนหลังไปดูสัดส่วนจะพบว่าหนึ่งสัปดาห์ราคาขยับขึ้นเกินกว่า 10 สตางค์ จึงต้องมีหลักประกันว่าจะไม่ขยับมากไปกว่าอัตราส่วนในรอบหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ประเด็นดังกล่าวถูกนำไปขยายความว่าเป็นการดูแลสถานการณ์ราคาไข่ไก่ที่แปลกประหลาดเพราะมีราคาเพดานที่สูงขึ้นกว่าราคาปัจจุบัน แต่ที่แปลกประหลาดยิ่งกว่า คือ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ศึกษาไม่ได้เปิดตาดูเลยว่ารัฐบาลไม่ได้ทำเพียงมาตรการนี้อย่างเดียว แต่เรามีมาตรการอื่นรองรับด้วย เราได้หารือกับผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ ห้างสรรพสินค้าโมเดิร์นเทรด ขอความร่วมมือให้ตรึงราคาไข่ไก่ก่อนถึงมือผู้บริโภคไว้เท่าเดิมจนถึงสิ้นเดือน พ.ค. ขณะนี้โลตัสกับบิ๊กซีก็ตอบรบมาตรการนี้ นอกจากนี้ที่โลตัสยังมีมาตรการส่งเสริมการขายพิเศษ โดยกำหนดราคาขายไข่ไก่เบอร์ 3 ฟองละ 1.90 บาท โดยแพ๊คเป็นชุดชุดละ 10 ฟอง โดยจำกัดครอบครัวละไม่เกิน 2 ชุด นอกจากนี้ยังมอบหมายให้สำนักตรวจสอบและปฏิบัติการกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เก็บไข่ไก่ของผู้ผลิตและผู้ค้ารายใหญ่ในแหล่งสำคัญ เพื่อประเมินผลผลิตไข่ไก่ที่อยู่ในสต๊อกว่ามีปริมาณเท่าไหร่ ขณะเดียวกันก็กำลังประสานกับผู้ประกอบการผลิตไข่ไก่รายใหญ่ของประเทศ เพื่อขอความร่วมมือในการออกมาตรการต่างๆเป็นการประคับประคองราคา ส่วนเหตุผลที่กำหนดกรอบเวลาไปจนถึงสิ้นเดือนพ.ค. เพราะเดือน มิ.ย. – ก.ค.มีข้อมูลพยากรณ์ของกรมปศุสัตว์ว่าเมื่อภาวะอากาศเข้าสู่ปกติก็อาจจะทำให้ผลผลิตไข่ไก่เพิ่มกว่าเดิม และเป็นไปได้ว่าผลผลิตอาจเกินความต้องการของตลาดทำให้ราคาลดต่ำลง ตนจึงมอบหายให้คณะกรรมการนโยบายไข่ไก่และผลิตภัณฑ์ (เอ้กบอร์ด) เข้ามาดูแลหากเกิดภาวะเช่นนั้น จึงเห็นได้ว่ารัฐบาลมีมาตรการดูแลทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตไม่ให้ได้รับผลกระทบ จึงไม่มีอะไรแปลกประหลาด เพราะทำหลายมาตรการควบคู่กันไป
“ที่แปลกมากๆในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ประมาณปลายปี 53 มีการหารือในที่ประชุม ครม. เรื่องราคาไข่ไก่ทั้งๆที่ขณะนั้นเอ้กบอร์ดก็ยังไม่ได้เสนอมาตรการอะไรเข้าไป แต่ก็สรุปเป็นมติเปิดให้นำเข้าแม่พันธุ์ไก่ไข่แบบเสรีทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน เมื่อราคาไข่ไก่สูงขึ้นพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาตรการเอาไข่ไก่ช่างกิโลขาย” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า รัฐบาลพยายามอย่างที่สุดในการดูแลประชาชนทั้งในฐานะผู้ผลิต ผู้บริโภค เราไม่ประสงค์นำประเด็นการแก้ปัญหาประชาชนมาเป็นประเด็นโต้ตอบกันรายวัน ขอเรียกร้องฝ่ายค้านให้ทำงานสร้างสรรค์เอาความจริงทั้งมาพูดกัน ไม่ใช่คิดแต่มิติทางการเมืองขยายความใหญ่โตไม่ตรงข้อเท็จจริงสร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชน
http://www.naewna.com/politic/53049
แล้วก็ซวยเพราะม๊ากชั่งใข่อีกต่างหาก กรูแพงมั่งไม่เห็นมีอันใด...