จากกรณีการลุกขึ้นมาแต่งชุดดำของพนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ที่อ้างว่า ไม่พอใจการบริหารงานของ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี การตัดงบวิจัยของ สวทช. และการแทรกแซงการทำงานของฝ่ายการเมือง แบบไร้จริยธรรม ประเด็นดังกล่าว สังคมวงกว้างต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ว่าเรื่องนี้ จะจบลงอย่างไร
ที่ผ่านมา นายวรวัจน์ ปฎิเสธที่จะตอบข้อข้องใจให้กระจ่าง แต่กลับเลือกที่จะให้ข่าวผ่านสื่อ และเลี่ยงที่จะประจันหน้ากับพนักงาน สวทช. และสุดท้าย กลับออกมาเร่งให้ดำเนินการ "จ่ายโบนัส" ให้พนักงาน สวทช. และแน่นอนว่า ต้องมีคำถามค้างคาใจ แก่สังคมว่า สิ่งที่ สวทช.ต่อต้าน ลุกฮือ หรือประท้วง ก่อนหน้านี้ สุดท้ายแล้ว หนีไม่พ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ เท่านั้นหรือไม่? แต่ผู้ที่รู้เช่นเห็นชาติ ของผู้นำองค์กร ระดับมันสมองของชาติ จำเป็นต้องไขความกระจ่างให้สังคมได้รับรู้ว่า เรื่องเงินไม่สำคัญเท่าศักดิ์ศรี
โดยกลุ่มที่อ้างตัวว่า "นักวิจัยรักชาติ" ได้ให้ข้อมูลกับแนวหน้าออนไลน์ ถึงพฤติกรรมของ นายวรวัจน์ และล่าสุด ได้นำข้อมูลคนใกล้ชิด ของนายวรวัจน์ ที่ "นักวิจัยรักชาติ" อ้างว่า เป็น "ทายาทอสูร" ไว้อย่างน่าสนใจ
"วรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล" รัฐมนตรีผู้ย่ำยีวงการวิจัยและปัญญาชนของชาติ ผ่าน "อัปรีย์บริวาร"
การลุกขึ้นมาแต่งชุดดำประท้วงของบุคคลระดับมันสมองของชาติคงมิใช่เป็นเพราะมาเรียกร้องเงินโบนัสตามที่นายวรวัจน์พยายามจะใช้สื่อต่างๆเป็นเครื่องมือในการป้ายสีบุคลากรของสวทชว่าเป็นพวกที่ซื้อได้ด้วยเงิน แต่การลุกขึ้นมาแต่งชุดดำเป็นการบอกกับสังคมไทยให้รับรู้ว่า ความไร้ซึ่งธรรมาภิบาลของผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดนี้มิได้เกิดขึ้นกับหน่วยงานในกระทรวงใหญ่ๆที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงเท่านั้น กระทรวงเล็กๆอย่าง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่กำลังเผชิญกับวิกฤตที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน วิกฤตการณ์ดังกล่าวดูเหมือนจะชัดเจนขึ้นเมื่อมีการเปิดเผยโผรายชื่อของคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (กวทช ) (กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 30 พฤษภาคม 2556) ชุดใหม่ที่สรรหาโดยนายวรวัจน์ และพวกพ้อง และ กำลังเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เป็นที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่งว่าโผรายชื่อดังกล่าวกว่าครึ่ง มีรายชื่อของ ญาติพี่น้อง บริวาร คนใกล้ชิด ของนายวรวัจน์ได้รับการคัดสรรให้ดำรงตำแหน่งที่รับผิดชอบกำหนดอนาคตวงการวิทยาศาสตร์และงานวิจัยของชาติ กำพืดของบุคคลเหล่านี้สมควรให้สังคมได้รับรู้และตัดสินว่าสมควรได้รับเกียรติในการทำหน้าที่อันสำคัญยิ่งนี้หรือไม่…
1. นางพรรณี แสงสันต์ รู้จักกันดีในนาม หญิงเหล็กแกนนำ นปช.เสื้อแดง แห่ง จังหวัดแพร่ หญิงผู้มีอำนาจสั่งการในการชุมนุม เคลื่อนไหวทางการเมืองในกลุ่มคนเสื้อแดงภาคเหนือ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นเลขาคู่ใจของ นายวรวัจน์ ที่ติดตามนายไปทุกที่ ทุกการประชุม แม้แต่ที่อยู่บ้านในทะเบียนบ้านยังใช้ที่อยู่เดียวกัน เชื่อว่า หญิงผู้นี้ได้รับความไว้วางใจจาก นายวรวัจน์ เป็นอย่างมาก เพราะเธอได้รับการเสนอชื่อโดย นายวรวัจน์ ให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารองค์กรวิทยาศาสตร์สำคัญของชาติหลายแห่ง เช่น สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน และ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และไม่น่าแปลกใจที่ชื่อของ นางพรรณี แสงสันต์ จะอยู่ในโผของ กวทช อีกเช่นกัน พื้นฐานการศึกษาของนางพรรณีไม่ชัดเจนนัก แต่การศึกษาสูงสุดที่ได้รายงานไว้คือ รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิษถ์ ซึ่งชัดเจนว่า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเลย นอกจากจะเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงเรื่องการขายควายเผือกที่ได้รับบริจาคมาให้กับชาวบ้านจนเป็นข่าวใหญ่โต
2. นายณรงค์ศักดิ์ ผ้าเจริญ นักธุรกิจชื่อดังจากภาคเหนือ ครั้งเมื่อ นายวรวัจน์ เป็นรัฐมนตรีอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายณรงค์ศักดิ์ เคยมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็น "ที่ปรึกษาส่วนตัวที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นเป็นพิเศษกับนายวรวัจน์" (บางกอกทูเดย์ 23 กันยายน 2554 และสยามธุรกิจ ฉบับที่ 1239 ประจำวันที่ 24-9-2011 ถึง 27-9-2011 http://www.siamturak...ws_id=413355612) พื้นฐานการศึกษานายณรงค์ศักดิ์ไม่เคยมีการแสดงไว้ในเอกสารของทางราชการ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า นายณรงค์ศักดิ์ มีธุรกิจเฟอร์นิเจอร์หัตถกรรมขนาดใหญ่ที่ จ. เชียงใหม่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ว่าที่กรรมการ กวทช. ท่านนี้แม้จะไม่มีพื้นฐานความรู้ที่จะนำไปใช้พัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ของชาติได้ แต่ได้รับความไว้วางใจจาก รัฐมนตรีให้ทำหน้าที่นี้ เพราะน่าจะเป็นผู้รับผลประโยชน์โดยตรงจากงานวิจัยไม้สักที่ นายวรวัจน์ ทุ่มเงินวิจัยลงไปมากกว่าร้อยล้านบาท และ นำไปต่อยอดได้ผลกำไรเข้าสู่กระเป๋าของใครต่อใครอีกร้อยเท่าพันทวี
3.นายสักกฉัตร ศิวะบวร เป็นอีกหนึ่งรายชื่อที่สร้างความอเนจอนาถให้กับวงการวิทยาศาสตร์ไทยเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหาเหตุผลหรือตรรกะใดๆมาอธิบายว่า เหตุใดท่านรัฐมนตรีถึงคัดเลือกบรรณาธิการนิตยสารไอดีไซน์ มาเป็นผู้ร่วมกำหนดทิศทางงานวิจัยของประเทศ นอกจากนี้ เนื่องจาก นายสักกฉัตร ดำเนินธุรกิจเป็นผู้รับจัดงานอีเว้นท์ต่างๆ จึงเป็นที่น่ากังขาเป็นอย่างยิ่งว่า นายวรวัจน์ จะคัดเลือก นายสักกฉัตร มาเป็นคณะกรรมการ กวทช ด้วยเหตุผลอะไร มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ ความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือไม่ แต่ที่แน่ๆการเลือกคนแบบผิดฝาผิดตัวอย่างอัปลักษณ์เช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
4. นักธุรกิจแห่งบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัท บ้านปู จำกัด เป็นกลุ่มธุรกิจที่ครอบครัวเอื้ออภิญญกุล และ ครอบครัวว่องกุศลกิจ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ การเสนอรายชื่อของนักธุรกิจจากทั้งสองตระกูลเป็นคณะกรรมการ กวทช.เป็นหลักฐานชัดเจนที่สุดที่บ่งชี้ว่า นายวรวัจน์ เอื้อผลประโยชน์ให้พวกพ้อง ไร้ซึ่งธรรมาภิบาลในการทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรี และ ประธานบอร์ด คงไม่มีคณะกรรมการในหน่วยงานวิจัยไหนในโลกใบนี้ที่จะน่าเวทนาเท่ากับ กวทช. ชุดใหม่ของไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้ว ที่น้องชายจะมานั่งเป็นประธาน โดยมีการคัดเลือกพี่ชาย (นายเมธี เอื้ออภิญญกุล) และ น้องชายของพี่เขย (นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์) และ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางธุรกิจ อย่าง นายชนินทร์ ว่องกุศลกิจ และ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ มาลงความมติอนุมัติโครงการต่างๆขององค์กรวิจัยระดับชาติที่มีงบประมาณเป็นหลายพันล้านบาทต่อปี เป็นที่แน่นอนว่า ถ้าสังคมไทยยังปล่อยให้นักการเมืองผู้มีอำนาจมาทำความชั่วได้ตามอำเภอใจเช่นนี้ วงการวิทยาศาสตร์ไทยคงจะเสื่อมถอยไร้ซึ่งศักยภาพในการพัฒนาประเทศชาติ และ ล้มเหลวไปในที่สุด
นอกจากบุคคลที่รายงานไว้ข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหลายชื่อที่ยังเป็นที่น่ากังขาถึงความเหมาะสมในการคัดสรร เช่น นางอำไพวรรณ ภราดรนุวัฒน์ ที่ปรึกษาคนสนิทของนายวรวัจน์ นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ เพื่อนสนิทซึ่งนายวรวัจน์สนับสนุนให้เป็นอธิการบดีของมศว และ นั่งอยู่ในคณะกรรมการของหน่วยงานของกระทรวงวิทย์ และ นางนลินี ทวีสิน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกผู้อื้อฉาวที่ติดแบล็กสิสต์จากสหรัฐอเมริกา
รายชื่อบุคคลนับสิบคนนี้จำเป็นที่ต้องให้สังคมเข้าร่วมตรวจสอบว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิหรือเป็น "ทายาทอสูร" ที่นายวรวัจน์ วางหมากเอาไว้ควบคุมเงินงบประมาณแผ่นดินและกำหนดทิศทางของงานวิจัยของหน่วยงานวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดของชาติอย่างไร้ซึ่งธรรมาภิบาล เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ถึงแม้จะถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี หรือ รัฐบาลชุดปัจจุบันจะถึงจุดอวสานด้วยเหตุใดๆ ความชั่วเหล่านี้ก็จะยังคงปนเปื้อนอยู่ในวงการวิจัยไทย ถึงเวลาแล้วหรือยัง…ที่สังคมไทยจะช่วยกันพิพากษา ลงโทษ นักการเมืองเลวๆ ให้หยุดเหยียบย่ำสังคมแห่งปัญญาของชาติ ช่วยยให้คนดีมีที่ยืนในประเทศนี้...
http://www.naewna.com/politic/53824
แต่ล่ะชื่อ... ขึ้นชั้นระดับจั นไรทั้งนั้นจริงจริ๊ง...
Edited by wat, 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 14:34.