Jump to content


Photo
- - - - -

คณิกาผล คนโกงชาติ...


  • Please log in to reply
ยังไม่มีผู้แสดงความเห็นในกระทู้นี้

#1 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 11:40

942275_10151630038840742_335327698_n.jpg

 

ส่องเข้าไปดูความเคลื่อนไหวจากเฟสบุ๊คของคนเสื้อแดงระดับแกนนำ  พบว่ามีคนป่วยหนัก 2 คนที่สังคมไทยกำลังจับตา-ก่นด่าและสาปแช่ง

 

คนแรกคือ “ดา ตอร์ปิโด” อยู่ระหว่างติดคุกจากความผิดในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ...พูดง่ายๆ...หมิ่นประมาท“พระเจ้าอยู่หัว-พระราชินีและพระบรมฯ”ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ และถ้อยคำที่หยาบคายต่ำช้าผิดมนุษย์มนาเขาทำกัน เฟสบุ๊คคนเสื้อแดงที่อ้างว่าเข้าไปเยี่ยมเยียนดา ตอร์ปิโดในคุกเล่าว่า... 

 

“ตามข่าวจึงพบว่าตอนนี้เธอป่วยหนักจริงๆไม่สามารถอ้าปากได้เกิน 2 ซม. ไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ เวลาแปรงฟัน ต้องกระทุ้งแปรงสีฟันเข้าไปเพราะอ้าปากไม่ได้ ที่ร้ายกว่านั้นคือ...แทบไม่มีเสื้อแดงไปเยี่ยม  ที่ไปก็เป็นกลุ่มเล็กๆ เป็นคนเล็ก คนน้อยเท่านั้น” ฟังข่าวแล้วก็ได้แต่พูดกันพึมพำว่า “เวรกรรมตามทัน”...ผิดจากนี้ก็ไมรู้จะว่ากล่าวกระไรแล้ว เพราะคนพูดไม่ได้คิด คนคิดริเริ่มให้ดาไปพูดก็ไม่ได้ติดคุก ส่วนเจ้าตัวคนพูด ก็รับความผิดตามกฏหมายและรับกรรมตามกฏมนุษย์อยู่ด้วยความเจ้บปวดระทมทุกข์

 

ผู้ป่วยอีกรายหนึ่งที่ยังลอยนวล  เงื้ยมมือกฏหมายยังเอื้อมไปไม่ถึง แม้จะก่อกรรมทำเข็ญทั้งกาย วาจา  ใจกับประเทศไทยไว้แค่ไหนก็ตามที คนๆนี้คือ “ตู่-จตุพร พรหมพันธ์” แกนนำคนเสื้อแดงที่พลาดเก้าอี้รัฐมนตรีครั้งแล้วครั้งเล่า “เสียใจ” ยังไม่ใหญ่โตเท่ากับ”ใจเสีย”เพราะหลังเดาะ...ไม่ใช่เพราะเพื่อนรักเตะตัดขาต่อหน้านายใหญ่ ไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์จนอัปโชค แต่เพราะอุบัติเหตุ !!!เรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดกับตู่  จตุพรในยามรุ่งเรืองขีดสุดเช่นนี้ แต่ก็เกิดจนได้เมื่อรถยนต์งามหรูของเขาชนกันอย่างจังกับรถชาวบ้านที่สวนมา ระหว่างเดินทางตระเวณปราศรัยให้เวทีเสื้อแดงในต่างจังหวัด งานนี้ส่งผลกระทบกระเทือนจนหมอนรองกระดูกคอเคลื่อน มีผลให้กระดูกหลังคดงอ เดินมากไม่ได้ นั่งนานไม่ดี เจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กาย  ลามถึงการพูดจาที่เคยแข็งกร้าว ขึงขังจับใจคนแดงถึงใจทักษิณ ก็แทบไร้เสียง เปล่งสรรพสำเนียงใดๆไม่ได้ 

 

ตู่ –จตุพร  เจ้าของวาทะ“กระสุนพระราชทาน” และอื่นๆอีกมากมายที่เฉียด“เจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน” ได้เล่าเองบนเวทีเสื้อแดงรำลึก 3 ปีที่ปิดแยกราชประสงค์ คืนนั้นเขาก้าวขึ้นเวทีแดงเมื่อล่วงเข้าหลังสองยามของวันที่ 20 พ.ค.แล้ว และพยายามเค้นเสียงปราศรัยอย่างเหนื่อยล้า เมื่อพูดไปได้สักพัก ก็ออกอาการเหนื่อยหอบ  ไม่เหลือเค้านายทหารกล้ามือขวาทักษิณ ชินวัตรเลยแม้แต่น้อย นาทีนั้นเองที่ข่าวลือจากเฟส บุ๊ค ไทกร  พลสุวรรณ ถึงอาการป่วยปางตายของตู่ จตุพร เริ่มเห็นจริงกับตา จตุพรอ้อนแม่ยกแดงรงฤทธิ์ว่า อุบัติเหตุทำให้หมอนรองกระดูกคอเคลื่อนและเจ็บหนัก ต้องหาหมอทั้งไทยและจีน ทั้งแผนโบราณและแผนปัจจุบัน เขาบอกว่าต้องฝังเข้มทุกเช้าและให้ยา ใน 40 เข็มฝังทุกวัน   ยาแรงช่วยคลายความเจ็บปวด พอให้ยืน เดิน นั่ง นอน พูดได้เหมือนคนทั่วไปบ้าง  แต่อีกนั่นละยาแรงก็มีผลให้จตุพร พูดไม่ได้ดี  เสียงไม่ค่อยมี ปากคอแข็ง ลิ้นไม่รับรส เวลานี้ตู่ จตุพร แกนนำเสื้อแดงที่เคยดุดัน  ดุเดือด ถมึงทึงเหมือนปีศาจเสื้อแดง บนเวทีราชประสงค์แล้วให้ใจหาย คนที่เคยพูดเคยจาเคยฟันมือฉับๆ ได้กลายเป็นคนป่วย เดินเหินพูดจาแทบไม่ได้ ต้องอาศัยเมียแบกไปหาหมอ ยัยเมียหรือก็กระไร กลัวคนไม่รู้ ไม่ดู ไม่ด่าผัวหรือไงไม่ทราบ เพราะระหว่างผัวคอพับคออ่อนในรถตู้หรูหราระหว่างทางไปหาหมอที่ ร.พ.พระรามเก้า ก็ดันถ่ายรูปอัพภาพผัวม่อยกระรอกจนกระฉ่อนโลกออนไลน์สบช่อง  สาปแช่ง สมน้ำหน้าและปิดท้ายด้วย  “กรรมตามทัน”

 

ส่วนนายใหญ่สบายดีหรือไฉนเป็นยังไงไม่รู้ได้ อะไรที่ไม่เห็นกับตาไม่ได้ยินกับหู พูดไปก็ไร้ประโยชน์ แต่ที่รู้ๆคือนายใหญ่โคตรรวยบักโกรกจากการ“ขายชาติ”จนได้กำไรงามกินไปสามสี่ชาติก็ไม่หมด

 

ล่าสุดนายใหญ่กำลังสุขสำราญบานใจที่“ลอนดอน” กิรดังได้ยินมาว่า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่– นายตำรวจผู้ใหญ่–นายทหารผู้ใหญ่และนายทุนใหญ่ แห่ไปกินเป็ดกินไก่ชนไวน์กับนายใหญ่ไม่เว้นแต่ละวัน  ยังไม่นับนักการเมืองขี้ข้าและทาสเสื้อแดงที่ตบเท้าไปกราบตีนถึงบันใดบ้านที่อังกฤษอีกพะเรอเกวียน หารือกันเรื่องพรบ.ปรองดอง แต่เห็นทีต้องข้ามศพ “พลังธรรมาธิปไตย” สนามหลวงก่อนซะละมัง บ้านเมืองกลับตารปัตรเหมือนคนกินยาคุมย้อนศร ไม่มีอีกแล้วที่ว่า“ตำรวจเจอโจรแล้วทำไมไม่จับโจรกลับมารับโทษ” ในเมื่อ“โจรกับตำรวจ”มันพวกเดียวกัน สันดานเดียวกันและสุมหัวกันปล้นชาติ แต่มีคนไทยส่วนหนึ่งเห็นชอบ แต่อีกส่วนเห็นต่าง เรื่องเลยยุ่ง บ้านเลยแยก คนเลยแตกเป็นสองสีอย่างทุกวันนี้ไงเล่า

 

ขอให้ผู้อ่านจงสดับบทกลอน“สลิ่มรำพัน”ตอน“ทำไมข้าพเจ้าจึงสวมหน้ากาก”ของ“เจริญขวัญ บาฮาสสกี้” นักเขียนสาวไทยใจสู้ที่ไปอยู่ต่างแดนแต่ยังตามข่าวเมืองไทย เมื่อเห็นกลุ่ม“หน้ากากขาว”กำลังต่อกรกับระบอบทักษิณในโลกออนไลน์ อดรนทนไม่ไหวส่งกลอนส่งกำลังใจ อ่านแล้วคึก อยากเผยแพร่ ^ ^

 

“สลิ่มรำพัน : ทำไมข้าพเจ้าจึงสวมหน้ากาก“

 

พร่ำกล่าวหาว่าพวกเราไม่ก้าวข้าม

ก่อนลามปามความคิดไหนไร้สติ

ลองใคร่ครวญสักนิดคิดดูซิ

ใครดำริบัญชาการผ่านสไกป์?

ปลุมระดม-ล้มเจ้า-เข้าข่มขู่

อ้างว่าสู้เพื่อวิถีที่ยิ่งใหญ่

เหยียบศพคนเป็นฐานขั้นบันได

ช่างประชาธิปไตยอย่างเหลือล้น !

กูปวดร้าวเฝ้ามองแผ่นดินแม่

ชุ่มโชกเลือดและบาดแผลทุกแห่งหน

อยากก้าวข้ามเพียงใดก็ไม่พ้น

เมื่อสุดทนโจรปล้นชาติ-ประกาศตัว

มึงปั่นปลุกลุกลามความสามานย์

เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านอันโฉดชั่ว

จึงลุกต้านอำนาจไม่ขลาดกลัว

อย่าเยาะยั่ว-กูไม่กลัวพวกมึงแล้ว !

 

"เจริญขวัญ"29 พฤษภาคม 2556

…………………………………

 

“กูไม่กลัวพวกมึงแล้ว”เป็นประโยคปิดท้ายที่เห็นถึงความเหลืออดเหลือทนกับระบอบทักษิณสามานย์ที่โกงกินโดยรัฐบาลอ้างประชาธิปไตยบังหน้า ตะกละตะกลาม โกยและแก่งแย่งเหมือนหมาแย่งชามน้ำข้าว กะล่อนตอแหลปลิ้นปล้อนจนงูพิษลิ้นสองแฉกยังอาย ทั้งยังกดขี่ข่มเหงคนคิดต่างด้วยกองทัพเสื้อแดงอันธพาล เชื่อว่าอีกไม่นานประชาชนคนเหลืออดจะออกไปเนืองนองเต็มท้องถนน แล้วสู้กับทักษิณ เสื้อแดงอย่างไม่กลัวเกรงหรือต้องสวมหน้ากาก

 

การอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 57 น่าจะกระตุ้นให้คนไทยหันมารู้รักสามัคคี  ไม่เฉยเมย ไม่ชินชา และไม่ชิงการนำ  แค่ยกแรกเรื่อง โกงข้าว โกงชาวนา ก็แทบกระอักทั้งฝ่ายเขาและฝ่ายเรา ฝ่ายเขาถูกจับได้ว่าโกงเงินไป 40 %จากงบจำนำข้าว 600,000 ล้านบาทในรอบ 2 ปี 4 ครั้งของการเกี่ยวที่ชาวนาไม่มีเงินเก็บ เพราะเงินส่วนใหญ่ตกในมือ“นักการเมือง” “นายหน้า”และ“โรงสี”  การสืบสาวราวเรื่องเริ่มมาจาก“คนใน”กระทรวงพาณิชย์สวมบทหัวหมู่ทะลวงฟัน กล้าฝ่าดงแดงหอบแฟ้มออกมาแฉว่า นายใหญ่–เสี่ยเปี๋ยง–ไอ้เปี้ยก–และอีเลขา  ล่อกันนัว ฟัดกันมัน  โกงเงินจำนำข้าวชาวนาที่สุดท้ายกระดูกสันหลังของเราได้รับอานิสงฆ์จากการจำนำแค่ต้อยติ่ง สะอิ้งสะอื้นไห้ร้องหาการประกันราคาข้าวกันเป็นแถว เห็นโรงพักที่ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ กันไหมที่ทาสีแดงเสียจัดจ้านเหมือนเสื้อ-กางเกงของจ่าประสิทธิ์  จอมซ่าส์แห่งสภาไทย  หวานใจคนโปรดของเจ้แดง  คนนี้เลี้ยง ส.ส.เหมือนทาสในเรือนเบี้ย และมี“***” คอยป้วนเปี้ยนเหนือฝ้าเพดาน โลกออนไลน์แชร์ภาพ โรงพัก อ. รัตนบุรีทาสีแดงใหม่เอี่ยม แต่ไม่มีรูปพระบรมฉายาลักษณ์ของล้นเกล้าสองพระองค์ที่เคยประดับเหนือทางเข้าโรงพัก  ในหัวข้อโพสต์ 

 

"สิ่งที่หายไป หลังโรงพักที่อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ กลายเป็นสีแดง"( เครดิตภาพจาก...สาธิต ปิตุเตชะ ) เหมือนกับที่ข้าราชการ กท พาณิชย์ แฉว่า ห้องทำงานของนักการเมืองคนหนึ่งก็แทบหาที่ประดับพระบรมฉายาลักษณ์ได้ไม่ ???

 

อจ. กิตติวัน พลคุณ หมอดูไพ่ยิปซีชื่อดังจากดอนเมือง เพียรโทรไปถามเจ้าหน้าที่ประจำโรงพักรัตนบุรีว่า มีเหตุผลอันใดทำไมไม่ประดับพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง-ราชินี คำตอบที่ได้จากจ่าแก่ๆคนหนึ่งที่ปลายสายคือ “เป็นนโยบายผู้บังคับบัญชา ไม่ทราบอะไรด้วย และเวลานี้มีคนโทรเข้ามาด่าเพียบแล้ว” อาจารย์กิติวันเล่ามาอย่างนี้

 

เวลาเปลี่ยน ยุคสมัยเปลี่ยน คนก็เปลี่ยนได้ตามกาลเวลา...ง่ายอย่างนั้นหรือ?...สำหรับบางคนจะว่าง่ายก็ไม่ผิดนัก  โดยเฉพาะข้าราขการไทยวันนี้ ที่รัก สรรเสริญ และ ก้มกราบศิโรณาบต่อทักษิณอย่างสิ้นเชิง  เพียงเพราะลาภ ยศ สรรเสริญ โดยลืมไปเลยว่าทักษิณคิดร้ายกับไทยมาเท่าไรต่อเท่าไร เวลานี้เงินใต้โต๊ะสูงเกืยบ 50%แล้ว โครงการประชานิยมมีไว้โกงกิน ซื้อเสียง มอมเมาประชาชนให้อ่อนแอศิโรราบ โครงการลงทุนใหญ่ๆมีไว้ตบทรัพย์ หาพวกและกอบโกยอีก กระทั่งในตลาดหุ้นก็ไม่เว้น ในรอบสองปีที่ผ่านมา หุ้นตัวดังของคนใกล้ชิดผู้บริหารประเทศถูกปั่น ซื้อ- ขายด้วยข้อมูลภายใน จนราคาหุ้นพุ่งพรวด 100 %

 

“คนใกล้ชิด”หลังม่านผู้นำหญิงซึ่งมีห้องทำงานบนทำเนียบ เห็นแฟ้มงานราชการทุกแฟ้ม ล่วงรู้แผนบริหารประเทศทุกบรรทัด รู้ว่าจะมีอะไร เกิดอะไร รถไฟวิ่งไปไหนบ้าง เอาข้อมูลภายในใช้ดักคอ ลงทุนล่วงหน้า ค้ากำไรมหาศาล ง่ายเหมือนลัดนิ้วมือ ชนิดที่นักลงทุนคนอื่น ได้แต่ยืนอิจฉา มองตากันปริบๆ เวลาพรรคการเมืองไป”แย่ง”สมาชิกพรรคอื่นมา เขาเรียกตกปลาในบ่อเพื่อน เวลานักการเมืองไปอยู่พรรคโน้นทีพรรคนี้ทีเขาเรียก“โสเภณีการเมือง” เวลาที่ผู้นำแย่งประโยชน์ประชาชนไปเป็นของตัว เขาเรียก “ทรราชย์” แต่ถ้าผู้นำแย่งผัวชาวบ้านเราจะเรียกเธอว่าอะไร...ขอ 3 คำฝากไว้ในกล่องความเห็นท้ายคอลัมน์นี้ที่เว็บแนวหน้าคะ...

 

  • 1004.jpg
  • เล่าหลังไมค์
  •  อัญชะลี ไพรีรัก

http://www.naewna.com/columnist/1004

  •  
  •  
  •  
 
 

 


:) Sometime...Sun shine through the rain...




ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน