มาตรา ๕๗ เมื่อมีการประกาศให้มีการเลือกตั้งในกรณีอื่นนอกจากถึงคราวออกตามวาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือให้งดเว้นการลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครใดด้วยวิธีการดังนี้
(๑) จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์
อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด
(๒) ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่า
โดยทางตรง หรือทางอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถาบันการศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบัน
อื่นใด ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา
(๓) ทำการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ
(๔) เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด
(๕) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใด
อันเกี่ยวกับผู้สมัครใด
กรณีตามวรรคหนึ่ง หากเป็นการเลือกตั้งอันเนื่องมาจากการครบวาระการดำรง
ตำแหน่งของสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นห้ามมิให้กระทำภายในหกสิบวันก่อนวันครบวาระ
การดำรงตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง
การประกาศนโยบายหรือการดำเนินการตามแนวทางในการแก้ไขปัญหาตามอำนาจ
หน้าที่ของท้องถิ่นด้วยวิธีการใช้จ่ายจากเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มิให้ถือว่าเป็น
กรณีตาม (๑) หรือ (๒)
เพื่อให้การหาเสียงเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง
ประกาศเพื่อแนะนำวิธีการหรือลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครในราชกิจจานุเบกษา
____________________________________________________________________________________
1.กรณีนายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์รูปภาพตัดต่อรถหาเสียงของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้สมัคร พร้อมทีมงานหาเสียง ซึ่งในนั้นมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมอยู่ด้วย ขณะที่ฉากหลังเป็นภาพเหตุการณ์ไฟใหม้กรุงเทพฯ เมื่อเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ซึ่งมองว่าเป็นการใส่ร้าย
2.กรณีที่นายเสรี วงษ์มณฑา โพสต์เฟซบุ๊กด้วยข้อความที่ระบุว่า "ใครก็ตามที่ไม่ต้องการให้เพื่อไทยยึดครองกรุงเทพ ปราการด่านสุดท้ายที่เหลืออยู่ เราต้องถามตัวเองว่าจะลงคะแนนให้ใครที่จะทำให้พงศพัศไม่ได้เป็นผู้ว่า คำตอบก็คือคุณชายสุขุมพันธุ์หมายเลข 16" ซึ่ง กกต.กทม.มองว่า กรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายการจูงใจให้เข้าใจผิดในผู้สมัคร
และยังมีเรื่องภายหลังอีก 2 เรื่อง คือ
1.พรรคเพื่อไทยร้องว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 4 คน ปราศรัยโค้งสุดท้ายเชื่อมโยงเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง และกล่าวหาเรื่องการกินรวบประเทศ ผูกขาดประเทศ โดยผู้ร้องเห็นว่า ตามมาตรา 57 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น กรณีที่จงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยม
2.กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ร้องว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์แต่งตั้งคณะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ 31 คน ซึ่งผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการบริหารราชการ กทม. ที่ให้ตั้งที่ปรึกษาได้เพียง 9 คน จึงทำหน้าที่เกินกว่าอำนาจของผู้ว่าฯ เป็นการหาเสียงแบบหลอกลวง
ทั้ง4 เรื่องที่มันยื่นมา มันเข้าข้อกฎหมายซักข้อมั๊ยล่ะ?
โดยเฉพาะข้อ 5
(๕) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใด
อันเกี่ยวกับผู้สมัครใด
มีใครด่าหรือให้ร้ายเบอร์ 9 หรือเปล่า?
ไม่มีหรอก เค้ามีแต่พูดเรื่องจริงโยนใส่ให้อีเม๊ยกับพวกแกนนำเผาเมืองทั้งนั้น
และมาตรา 57 เป็นผลเฉพาะตัวผู้กระทำการเองเท่านั้น ตัวหม่อมไม่เกี่ยว
Edited by คนกรุงธน, 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:52.