จากที่คุยโอ้โออวดว่าทางญี่ปุ่นจะมาลงทุนที่ท่าเรือทวาย หลังจาก รบ.ไทยเข้าไปมีส่วนลงทุน
ในท่าเรือทวาย
ฝั่งเสื้อแดง ระริกระรี้ ว่านังยกสามารถพูดคุยรู้เรื่องกับนายกญี่ปุ่น
เพราะหลังจากนั้น 2 วัน นายกอาแบะเดินทางมาเยือนพม่า
แต่สุดท้าย นายกอาแบะ ไม่สนใจท่าเรือทวาย กลับไปสนใจท่าเรืออีกแห่งหนึ่ง
ซึ่งห่งจากท่าเรือทวาย ประมาณ 25 กม.
และท่าเรือนี้จะมีการสร้างโรงสี เพื่อแข่งขันการขายข้าวกับประเทศไทย
แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรละนังขายชาติ
เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา..สื่อมวลชนกระบอกเสียงรัฐบาลพม่าได้ตีข่าว
ญี่ปุ่นทำสัญญาเช่าที่ดินกับรัฐบาลพม่าเป็นจำนวน 375,000 ไร่ (150,000 เอเคอร์) บริเวณมะละแหม่ง ทางตอนเหนือของทวาย เพื่อปลูกข้าว..
https://maps.google....3f5444a4928ecbe
คาดว่าจะมีการเช่าที่ดินแปลงใหญ่เพื่อปลูกข้าวลักษณะนี้อีกจำนวนหนึ่ง..
เราจะสังเกตเห็นได้ว่า แรงงานพม่าในไทยนั้นทยอยเดินทางกลับบ้านจำนวนมาก ทำให้เกิดวิกฤติแรงงาน แม้กระทั่งในพม่าเองก็ขาดแคลนแรงงาน
คาดว่าญี่ปุ่นจะนำเข้าเทคโนโลยีการเกษตร โดยใช้พม่าเป็นแหล่งผลิตและฐานการส่งออกไปยังประเทศแม่และทั่วโลก
อนึ่ง..นอกจากญี่ปุ่นแล้ว ยังมีสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลี ที่ทำสัญญาเช่าที่ดินแปลงมหึมาหลายล้านไร่ ปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมัน
มีความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นอาจลงทุนสร้างท่าเรือน้ำลึกเอง หรืออาจร่วมทุนกับสิงคโปร์ หรือมาเลเซีย เพื่อเป็นฐานการส่งออกสินค้าเกษตร และลดปัญหาจากการร่วมทุนกับไทย
ไทยจึงอย่าได้ทนงตัวเองว่าเป็นฮับโลจิสติกส์ของอาเซียน เพราะหากมองขึ้นไปทางทิศเหนือของพม่า เราจะเห็นตลาดชายแดนขนาดยักษ์..มีประชากรรวมกันถึง 2,500 ล้านคน ซึ่งก็คือ จีน อินเดียและบังคลาเทศ
หากรัฐบาลพม่าได้บริหารจัดการ ตั้งตัวเองเป็นฮับโลจิสติกส์แทนไทย ย้ายจุด CG จากไทยไปพม่าแล้วไซร้..
ไทยก็คงได้แต่แหงนหน้ามองความสำเร็จของประเทศเพื่อนบ้านของเรา..
Edited by pookem, 6 June 2013 - 06:05.