คุณได้อ่านบทความของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ในมติชนออนไลน์ เช้าวันที่ 3 มิถุนายน 56 กันหรือยังคะ?
ถ้ายังไม่อ่านก็ต้องรีบอ่านได้ที่นี่ น่าสนใจมาก...เจ้าของบล๊อกอ่านแล้วเม้นท์ไม่ออก ใครที่มีความคิดเห็นดีๆก็แบ่งปันกันบ้างนะคะ!
http://www.matichon....catid==
.....
นิธิ เอียวศรีวงศ์ เตือน"ยิ่งลักษณ์"ก้าวพลาดทางการเมือง
กระแสทรรศน์ ก้าวพลาดทางการเมือง โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ มติชน 3 มิถุนายน 2556
......
ผมอ่านปาฐกถาของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการประชุม "ประชาคมประชาธิปไตย" ที่อูลานบาตอร์หลายรอบแล้ว ก็ยังมองไม่ออกว่าแกขายชาติอย่างไร
เอาความในออกไปสู่ภายนอกใช่ไหม ใช่เลยครับ แต่ถ้าเป็นการประชุมเรื่องพลังงาน แล้วคุณยิ่งลักษณ์เปิดเผยแผนการสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศ ก็เป็นการนำความในไปภายนอกเหมือนกัน เพียงแต่เป็นความในที่ไม่มีใครรู้สึกเสียหายเท่านั้น
ดังนั้น ที่ไม่พอใจกันนั้นจึงอยู่ที่เนื้อหาของความในที่นำไปเผยแพร่ข้างนอก แต่ที่จริงแล้ว ภายใต้โลกาภิวัตน์ของปัจจุบัน ก็หาได้เป็นความลับที่คนข้างนอกไม่เคยล่วงรู้มาก่อนไม่ เพียงแต่อาจมีความเห็นกับข้อเท็จจริงซึ่งเกิดในเมืองไทยแตกต่างจากคุณยิ่ง ลักษณ์ได้ต่างๆ นานา
การนำความ ขัดแย้งภายในไปพูดข้างนอก ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลก เผด็จการทหารไทยเองก็เคยกล่าวหาสมาชิก พคท.ในที่ประชุมระหว่างประเทศว่า เป็นสมุนของมหาอำนาจต่างประเทศบ้าง เป็นผู้หลงผิดบ้าง ผมเชื่อว่าผู้เข้าร่วมประชุมต่างก็สำนึกได้ดีว่า เป็นการเสนอความขัดแย้งภายในจากมุมมองของผู้พูด ไม่ใช่ความจริง
และ ตรงนี้แหละที่ผมเห็นว่า ปาฐกถาของคุณยิ่งลักษณ์นั้นน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะคุณยิ่งลักษณ์ผูกชาติเข้ากับประชาธิปไตยอย่างที่แยกออกจากกันไม่ได้ ไม่จำเป็นที่คนอื่นจะต้องมีความเห็นอย่างเดียวกับคุณยิ่งลักษณ์ แต่ถ้ามองประเด็นบนหลักการเดียวกับคุณยิ่งลักษณ์ ก็เข้าใจได้ไม่ยากว่า เหตุใดคุณยิ่งลักษณ์จึงต้องนำเรื่องรัฐประหาร, กลไกที่ขัดขวางประชาธิปไตยซึ่งอำนาจรัฐประหารได้วางยาไว้ และภัยคุกคามประชาธิปไตยซึ่งยังมีอยู่ในการเมืองไทย ฯลฯ ขึ้นมากล่าว และเมื่อมองเห็นสถานการณ์ในประเทศไทยดังนี้แล้ว จึงไม่แปลกที่คุณยิ่งลักษณ์จะเรียกร้องให้ต่างชาติ "แทรกแซง" หากเกิดการรัฐประหารในประเทศไทยอีก ก็เพื่อรักษา "ชาติ" เอาไว้ไงครับ ดังที่กล่าวแล้วว่า หลักการของคุณยิ่งลักษณ์คือชาติและประชาธิปไตยนั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ใน ส่วนข้อความที่เอ่ยถึงพี่ชายคือคุณทักษิณนั้น แม้อาจแทรกเข้ามาในภายหลัง (อย่างที่เขาลือกัน) ก็ไม่ได้ทำให้เนื้อหาหลักของปาฐกถาแตกต่างไปจากที่ได้เตรียมไปจากกรุงเทพฯ แต่อย่างใด
สิ่งที่น่าสนใจแก่ผมเป็นพิเศษอยู่ตรงที่ว่า คุณยิ่งลักษณ์แสดงปาฐกถาเป็นภาษาอังกฤษ (ผมเดาเอาเองว่าจะใช้ภาษาไทยก็น่าจะได้ เพราะเขาคงมีการแปลทันทีผ่านหูฟังกระมัง) ซ้ำแสดงในประเทศที่ห่างไกลจากคนไทย - ทั้งทางภูมิศาสตร์และสำนึกรับรู้ - ต่างหาก เพราะทั้งหมดที่คุณยิ่งลักษณ์พูดนั้น ไปพูดที่ราชประสงค์ในเดือนเมษา-พฤษภา 2553 ก็ได้ หรือพูดในรายการนายกฯพบประชาชนก็ได้ แต่คุณยิ่งลักษณ์ไม่เคยทำ และจะมีคนไทยสักกี่คนรู้ว่า คุณยิ่งลักษณ์วางพันธกรณีของตนไว้กับประชาธิปไตยสูงถึงเพียงนั้น
และ เพราะสร้างภาพลักษณ์ของตนเองที่แตกต่างจากความเข้าใจของสังคมไทยได้ถึงเพียง นี้ จึงทำให้เกิดความตระหนก (ผมเดาว่าทั้งแก่ศัตรูและแก่มิตรพอๆ กัน) น่าเกลียด อุ๊ย น่าเกลียด ขายชาตินี่หว่า
นั่นคือที่มาของคำกล่าว "กะหรี่แค่เร่ขาย ตัว หญิงชั่วเร่ขายชาติ"
ผม อ่านยังไงๆ ก็ไม่เห็นว่าคุณชัย ราชวัตร ประณามคุณยิ่งลักษณ์ว่าเป็นกะหรี่ตรงไหน (อันที่จริงการประณามกะหรี่เสียอีก ที่แสดงความไร้เดียงสาต่อโลก ชีวิต และสังคมของผู้เขียน) ยกเว้นแต่จะอ่านว่า ประธานของอนุประโยคทั้งสองคือคนคนเดียวกัน ซึ่งในทรรศนะของผมก็ถือว่าอ่านหนังสือไม่แตก เพราะอนุประโยคทั้งสองนี้ต้องการชี้ว่า "หญิงชั่ว" นั้นเลวร้ายกว่ากะหรี่เสียอีก เนื่องจากกะหรี่ขายแต่ตัวเอง ในขณะที่ "หญิงชั่ว" ขายได้ทั้งชาติเลย
(ผม ยอมรับว่า สำนวน "หญิงคนชั่ว" เคยถูกใช้ในความหมายว่ากะหรี่มาก่อน แต่ดูเหมือนเลิกใช้กันไปนานแล้ว และถ้าจะให้มีความหมายเหมือนกะหรี่ในอนุประโยคแรก คำกล่าวนี้ก็ไม่มีความหมายไปเลย ... กะหรี่เร่ขายตัว กะหรี่เร่ขายชาติ... แล้วยังไงครับ)
ดัง นั้น การที่ไปกล่าวโทษฟ้องร้องว่าคุณชัย ราชวัตร ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ (ตำรวจคงไม่ดำเนินคดีเอง โดยไม่มีผู้เสียหายไปฟ้องร้องกล่าวโทษ) จึงเป็นการตัดสินใจที่ผิดอย่างยิ่ง
ทั้ง นี้ไม่เกี่ยวกับว่าจะชนะคดีหรือแพ้คดีนะครับ ถึงชนะคดีก็ยิ่งผิดพลาดหนักขึ้นไปอีก เพราะไม่มีใครอยากเห็นคุณชัย ราชวัตร ต้องโทษในคดีประเภทนี้ ไม่ว่าปรับหรือจำ คุณชัย ราชวัตร เป็นนักเขียนการ์ตูนการเมืองและสังคมซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางใน เมืองไทย ความเห็นทางการเมืองและสังคมของคุณชัยนั้น จะถูกผิดหรือน่าเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ตาม ใครๆ ก็รู้ว่าคุณชัยเขียนไปตามความคิดเห็นอันสุจริตของตน ไม่ได้มีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่ได้ไปเป็นสมัครพรรคพวกของกลุ่มอำนาจใดๆ นอกจากความศรัทธาต่ออำนาจ นั้นๆ อย่างจริงใจ
ในฐานะนักเขียนด้วยกัน ผมรู้สึกว่าเมื่อคุณชัยถูกฟ้องร้องในคดีแบบนี้ ผมก็ถูกคุกคามไปด้วย
นอก จากทำให้เกิดความหวั่นไหวในหมู่ผู้แสดงความเห็นในที่สาธารณะแล้ว (และในสังคมประชาธิปไตยที่คุณยิ่งลักษณ์ฝันถึงนั้น เสรีภาพในการแสดงความเห็นต่อสาธารณชนเป็นเรื่องสำคัญมาก) ผมยังมองไม่เห็นว่าคุณยิ่งลักษณ์จะได้อะไรจากการฟ้องร้อง
ตามปกติการ ฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทนั้น จุดมุ่งหมายก็เพื่อพิสูจน์ให้สาธารณชนเห็นว่า ข้อกล่าวหาของผู้หมิ่นไม่เป็นความจริง หากคุณยิ่งลักษณ์เชื่อว่าถูกใส่ร้ายว่าเป็นกะหรี่ จะพิสูจน์ไปทำไมว่าไม่ได้เป็น ในเมื่อไม่มีใครเชื่อว่าคุณยิ่งลักษณ์เป็น แม้แต่ศัตรูของคุณยิ่งลักษณ์ และมีความสามารถเพียงก่นด่าคุณยิ่งลักษณ์ด้วยถ้อยคำหยาบคายต่างๆ ก็รู้อยู่เต็มอกว่าคุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้เป็นกะหรี่
(โดยส่วนตัว ผมอยากเห็นเมืองไทยมีนายกฯเป็นกะหรี่สักครั้งด้วยซ้ำ หากความฝันถึงสังคมประชาธิปไตยของคุณยิ่งลักษณ์เป็นจริง)
ตลกไหมครับ ที่คุณยิ่งลักษณ์จะฟ้องร้องคุณชัย ราชวัตร เพื่อพิสูจน์ว่าฉันไม่ใช่กะหรี่
หรือ พิสูจน์ว่าไม่ใช่ "คนชั่ว" ก็ไม่จำเป็นเหมือนกัน ดีหรือชั่วเป็นเรื่องของวินิจฉัยนะครับ ในทรรศนะของคุณชัย การแสดงปาฐกถาของคุณยิ่งลักษณ์ในต่างประเทศ เป็นการสาวไส้ให้กากิน จึงเท่ากับขายชาติเพื่อประโยชน์ส่วนตนและครอบครัว ดังนั้น จึงเป็นการกระทำที่ "ชั่ว" สาธารณชนไทยไขว้เขวเพราะวิจารณญาณของคุณชัยหรือครับ ผมคิดว่าไม่ได้ทำให้ไขว้เขวมากไปกว่าที่ไขว้เขวไปแล้ว ฟ้องหรือไม่ฟ้องคุณชัย ก็เท่าเก่า
อัน ที่จริงน่ายินดีด้วยซ้ำ ที่ศัตรูของคุณยิ่งลักษณ์ใช้ความหยาบคายโจมตี (ยิ่งกว่านี้เสียอีกในสังคมออนไลน์) เพราะแสดงว่าพวกเขาเป็นศัตรูที่ไม่น่ากลัวเท่าไร เนื่องจากมีอะไรในสมองไม่มากนัก
ส่วน เรื่อง "ขายชาติ" ก็เป็นวินิจฉัยอีกเหมือนกัน การกระทำของสมเด็จพระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวรนั้น หากใช้มาตรฐาน "ชาติ" ปัจจุบัน ก็ "ขายชาติ" เหมือนกัน ปาฐกถาของคุณยิ่งลักษณ์นั้น หากใช้มาตรฐานของหมู่บ้านโบราณ คือความในไม่ให้ออก ความนอกไม่ให้เข้า ก็เป็นการ "ขายชาติ" แต่จะเป็นไรไปเล่าครับ หากได้แปลปาฐกถานั้นเป็นภาษาไทยและเผยแพร่ให้มากในเมืองไทย มิตรของคุณยิ่งลักษณ์ซึ่งมีทั่วประเทศจะยิ่งรักคุณยิ่งลักษณ์มากขึ้น ส่วนศัตรูของคุณยิ่งลักษณ์ก็ยังมีเท่าเก่าแหละครับ
ฟ้องหมิ่นประมาท เพื่อแก้แค้นที่มึงก่นด่ากูมานานก็มีเหมือนกัน แต่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอย่างที่คุณยิ่งลักษณ์เป็นอยู่เวลานี้ เขาไม่ทำกันหรอกครับ ยกเว้นแต่พี่ชายคุณยิ่งลักษณ์เท่านั้น
ฟ้องไป ก็ไม่ได้อะไรทางการเมืองอยู่ดี ที่น่าจะทำกว่าคือตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งทำหนังสือชี้แจงแก้ต่างแก่ต่าง ประเทศ ตอบโต้ด้วยการเผยแพร่ปาฐกถานั้นในเมืองไทย แล้วคอยดูว่าทำอย่างไหนจะได้คะแนนเสียงในการเลือกตั้งมากกว่ากัน
ตอน นี้ยังไม่สายเกินไป ส่งคนไปถอนฟ้องเสียเถิดครับ ในขณะเดียวกันก็เลิกฟังลิ่วล้อที่ยุให้ฟ้องด้วย ไอ้พวกนี้พาพี่ชายคุณยิ่งลักษณ์พังไปคนแล้ว ยังพยายามจะทำอย่างเดียวกันกับคุณยิ่งลักษณ์อยู่อีก
........
ปล. คุณยิ่งลักษณ์ ทราบแล้วกรุณาเปลี่ยนด้วยนะคะ ไม่จำเป็นต้องให้ศาลท่านเสียเวลาพิสูจน์หรอกค่ะ ตัวคุณยิ่งลักษณ์คนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองเป็นหรือไม่เป็น?
http://www.oknation....3/06/04/entry-1