Jump to content


Photo
- - - - -

ประวัติธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย

ทุจริต คอร์รัปชั่น ธนาคาร sme smes โกง แต่งบัญชี รายงานเท็จ สอบสวน เอาผิด

  • Please log in to reply
ยังไม่มีผู้แสดงความเห็นในกระทู้นี้

#1 Trrd

Trrd

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 1 posts

ตอบ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 19:19

Source : Link

 

               ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว. หรือเอสเอ็มอีแบงก์) เป็นธนาคารที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 เพื่อประกอบธุรกิจอันเป็นการพัฒนา ส่งเสริม ช่วยเหลือ และสนับสนุนการจัดตั้ง การดำเนินงาน การขยาย หรือการปรับปรุงวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยการให้สินเชื่อค้ำประกัน ร่วมลงทุน สนับสนุนบริการทางการเงิน ให้คำปรึกษาแนะนำหรือให้บริการที่จำเป็นแก่ผู้ประกอบการไทย

               การดำเนินงาน

               ธพว. มีฐานะเป็นนิติบุคคลโดยมีผู้ถือหุ้นทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกัน (จาก พ.ร.บ. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 มาตรา 8 ให้กำหนดทุนเรือนหุ้นของธนาคารไว้หนึ่งหมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็นหนึ่งร้อยล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละหนึ่งร้อยบาท โดยให้ธนาคารขายหุ้นให้แก่กระทรวงการคลัง สถาบันการเงิน หรือบุคคลอื่น ทั้งนี้ ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของธนาคาร

               ธพว. มีจำนวนสาขาทั่วประเทศไทย 83 สาขา มีกำไรในปี พ.ศ. 2553 รวมสุทธิ 128.48 ล้านบาท แต่พบภายหลังว่า ธพว. ตกแต่งบัญชีผลกำไรเท็จ ทั้งนี้ ธพว. มีผลประกอบการขาดทุนในปี พ.ศ. 2553 รวมสุทธิ 1,612.56 ล้านบาท

               จากการประเมินสภาวะการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ธพว. เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีสภาวะวิกฤต มีผลการดำเนินงานผันผวนตามสภาพตลาด และเป็น 1 ใน 4 รัฐวิสาหกิจของไทยที่มีผลการประเมินอยู่ในเกณฑ์วิกฤต ในปี พ.ศ. 2553

               ข้อมูล ณ 31 ธันวาคม 2555 ธพว. มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 4,039.31 ล้านบาท รวมเป็นยอดขาดทุนสะสมเท่ากับ 9,755 ล้านบาท มีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 1% โดยยอดหนี้เอ็นพีแอลคิดเป็น 40.68% และอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ

               การทุจริตและประพฤติมิชอบ 

               ในระหว่างปี 2547-2549 ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ได้ปล่อยสินเชื่อโดยทุจริตและส่งผลให้เกิดความเสียหายรวม 2,592 ล้านบาท ซึ่งพบว่า มีการให้กู้เงินโดยจำนองที่ดินเปล่ายังไม่พัฒนาโดยประเมินราคาสูงกว่าราชการ 10 เท่า ใช้เอกสารปลอมในการทำสัญญาและเบิกจ่ายเงินกู้ หรือกรณีลูกหนี้ประกอบการที่เดียวกัน มีกรรมการชุดเดียวกัน มาขอกู้เงินธนาคารโดยลูกหนี้ทุกรายเป็นคู่สัญญาระหว่างกันและกู้ไปแล้วไม่ได้มีการดำเนินการ และช่วงเวลาเดียวกันได้เกิดการทุจริตธุรกรรม Floating Rate Certificate of Deposit (FRCD)  ซึ่งมีการสอบสวนในเวลาต่อมา

               ในปี 2550 กระทรวงการคลังได้สอบสวนกรณีการทุจริตปล่อยสินเชื่อของธนาคารจำนวน 27 โครงการ มูลค่าความเสียหายมากกว่า 16,000 ล้านบาท

               ในปี 2551 มีการสอบสวนการทุจริตในการปล่อยสินเชื่อ วงเงิน 2,500 ล้านบาท จำนวน 80 เรื่อง

               ในปี 2552 มีการสอบสวนการทุจริตธุรกรรม FRCD โดยนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ได้ลงนามแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการไต่สวนอดีตผู้บริหารของเอสเอ็มอีแบงก์ 4 ราย โดยมีนายภักดี โพธิศิริ เป็นประธาน และมีตัวแทนจากธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ คณะกรรมการของเอสเอ็มอีแบงก์ได้ดำเนินการทางวินัยและอาญากับผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด

               ในปี 2553 ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ตกแต่งบัญชีและแจ้งผลกำไรเป็นเท็จ โดยธนาคารมิได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้ครบถ้วนตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมทั้งสิ้น 1,741.04 ล้านบาท ทำให้รายการเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ในงบการเงินเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2553 สูงเกินไปในจำนวนที่เท่ากันคือ 1,741.04 ล้านบาท และหากธนาคารตั้งสำรองเงินอย่างครบถ้วน จะทำให้ผลการดำเนินงานสิ้นปี 2553 ขาดทุนทั้งสิ้น 1,612.56 ล้านบาท โดยมิได้มีกำไรสุทธิ 128.48 ล้านบาทตามที่แจ้ง

               ในปี 2554 รายงานการตรวจสอบธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ของ ธปท. ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 พบว่า ลูกหนี้บางรายถูกปรับโครงสร้างหนี้ไปถึง 11 ครั้ง โดยไม่มีลายมือชื่อของลูกหนี้ ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้เข้าตรวจสอบและพบว่าได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง ถือว่าเป็นการประพฤติมิชอบ

               ในปี 2555 กระทรวงการคลังตรวจพบการปล่อยสินเชื่อที่ผิดวัตถุประสงค์เป็นสินเชื่อรายใหญ่จำนวนมาก มีวงเงินต่อรายมากกว่า 20 ล้านบาท โดยใช้หลักประกันเป็นสินทรัพย์ที่เสื่อมมูลค่า และพบการทุจริตในรูปแบบการรับซื้อเช็คในการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวรวมมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งกรณีนี้มีความเป็นไปได้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) จะเข้าทำการตรวจสอบ

               กระทรวงการคลังยังพบกรณีการร้องเรียนการเรียกรับค่าหัวคิว 10% ก่อนการปล่อยสินเชื่อ  และนอกจากนี้ธนาคารได้ถูกร้องเรียนไปยังดีเอสไอ เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างเกี่ยวกับการปรับปรุงสำนักงานสาขา เพราะไม่มีการเปิดประมูลทำให้ถูกมองว่าร่วมกันสมคบคิด (ฮั้ว) การว่าจ้าง โดยดีเอสไอจะตรวจสอบ ซึ่งกรณีที่มีมูลความผิดจริงจะต้องถูกดำเนินคดี

               ในปีเดียวกัน คณะกรรมการธนาคารได้สอบสวนกรรมการผู้จัดการเรื่องการทุจริต 9 กรณี ประกอบด้วย
1. การอำนวยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำในโครงการชะลอเลิกจ้างแรงงาน เกินวงเงินของโครงการ
2. การอำนวยสินเชื่อผิดหลักเกณฑ์ให้กับลูกค้ากลุ่มเดียวกันเกิน 500 ล้านบาท
3. การอำนวยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่มีลักษณะซื้อที่ดินราคาถูกมาเป็นหลักประกัน
4. การอนมัติทำแพ็กกิ้งเครดิตโดยผิดหลักเกณฑ์ ทำให้ลูกค้าได้รับสินเชื่อซ้ำซ้อน
5. การประชุมเวียนเพื่อพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้ารายใหญ่โดยไม่โปร่งใส
6. การรายงานเท็จต่อคณะกรรมการธนาคาร และกระทรวงการคลัง เรื่องจำนวนลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อภายใน 45 วัน
7. การประวิงเวลาปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องการออกหลักเกณฑ์สินเชื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
8. การแก้ไขคำสั่งเพื่อให้ผู้บริหารและพนักงานเบิกค่าที่พัก ได้เกินกว่าที่จ่ายจริง
9. การปลอมแปลงและปกปิด ข้อมูลที่แสดงสถานะที่แท้จริงของธนาคาร และนำไปรายงานต่อคณะกรรมการธนาคาร และกระทรวงการคลัง รวมถึงมีรายงานว่าเกิดการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างทำระบบคอร์แบงกิ้งของธนาคาร มูลค่า 300 ล้านบาท ซึ่งตามกฎหมายธนาคารไม่สามารถรับฝากเงินได้ แต่ระบบที่ติดตั้งกลับมีระบบรับฝากเงิน ซึ่งส่งผลให้ธนาคารต้องจ่ายเงินแพงกว่าที่จำเป็น

               ผลการสอบสวนพบว่ากรรมการผู้จัดการมีความผิดจริง ทำให้กรรมการธนาคารมีมติเลิกจ้างและให้มีผลทันที ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2555 โดยไม่บอกกล่าวและไม่ต้องจ่ายสินไหมทดแทน

 

ครับ !






ผู้ใช้ 2 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 2 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน