มารยาทไม่เคร่ง คุณธรรมไม่แคร์
พฤติกรรมของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี สะท้อนวุฒิภาวะที่เตี้ยต่ำ
คนไทยจะต้องไม่นิ่งเฉยกับพฤติกรรมของนักการเมืองพรรค์อย่างนี้
1) ก่อนอื่น... ลองนึกถึงกรณีผู้เข้าแข่งขันรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ชื่อ "สิทธัตถะ เอมเมอรัล" ออกมาโชว์ร้องเพลงเปาบุ้นจิ้น โดยไม่ยอมทักทายผู้ชมและกรรมการ
พูดจาห้วนๆ ไม่มีหาเสียง ไม่มีคำว่า “ครับ”
กรรมการคนหนึ่งถามว่า “แม่ไม่สอนให้พูดครับใช่ไหมจ้ะ”
ผู้เข้าแข่งขันที่เป็นเยาวชนคนนี้ตอบว่า “พอดีที่บ้านไม่เคร่งเรื่องมารยาท เพราะเห็นว่าคุณธรรมสำคัญกว่า”
หลังเหตุการณ์ ปรากฏเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึง โดยเฉพาะที่มีต่อรายการว่านำเยาวชนที่มีจิตไม่ปกติมาใช้เป็นเครื่องมือสร้าง เรตติ้งให้กับรายการ
และประโยคที่ว่า “ที่บ้านไม่เคร่งเรื่องมารยาท เพราะเห็นว่าคุณธรรมสำคัญกว่า” ก็กลายเป็นวลีที่ถูกนำไปล้อเลียนและวิพากษ์วิจารณ์ต่อไปอย่างกว้างขวาง
2) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กบอ.) ดูแลเงินกู้โครงการน้ำ 350,000 ล้านบาท ได้ขึ้นเวทีปราศรัยบนเวที "เพื่อไทย เพื่ออนาคตประเทศไทย" ซึ่งจัดโดยพรรคเพื่อไทย ที่สนามกีฬาสมโภช 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา
บางตอน กล่าวถึงประชาชนต้องการชุมนุมประท้วงในช่วงที่มีการประชุมน้ำด้วยถ้อยคำหยาบคาย กักขฬะ
“ช่วงที่ประชุมน้ำ มีไอ้พวกบ้าบอคอแตกไปประท้วง แล้วท่านทั้งหลายจัดคณะไปเก็บขยะ มันก็โกรธผมนะ ว่าไปด่ามันว่าขยะ ที่จริงยังน้อยไปนะ ในใจ อยากจะด่า ไอ้*** ด้วยซ้ำไป แต่ไม่ได้ด่า เพราะกลัวเขาฟ้องนะครับ
นอกจากนี้ นายปลอดประสพยังกล่าวบริภาษคนที่คิดต่างจากรัฐบาล ไม่ว่าจะเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ กู้เงิน 2 ล้านล้าน เงินเงิน 3.5 แสนล้านบาท โดยบอกว่า “ไอ้พวกนี้ชิงหมาเกิด ถ้ามันตายขอให้เกิดมาเป็นหมาจริงๆ หรือถ้าไม่เป็นหมา ให้เกิดปีจอแล้วกัน”
พฤติกรรมของรองนายกรัฐมนตรี ที่ด่าประชาชนว่า “ขยะ” - “ไอ้***” และ “ไอ้พวกชิงหมาเกิด” เยี่ยงนี้ สะท้อนถึงมารยาทต่ำทรามของผู้พูดอย่างหมดเปลือก
สงสัยว่า “ที่บ้านจะไม่เคร่งเรื่องมารยาท”
โตจนแก่ป่านนี้แล้ว ถึงได้มีพฤติกรรมหยาบคาย หยาบช้า และกักขฬะ ถึงเพียงนี้
3) ยิ่งกว่านั้น รองนายกฯ ปลอดประสพ ยังกล่าวเปิดเผยวิธีคิดในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่าง โล่งโจ้ง ประเด็นที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยกเลิกโครงการศูนย์ประชุมที่จังหวัดภูเก็ตอีก ด้วย
“วันนี้ไนท์ซาฟารีกลับมาอยู่กับพวกเราแล้ว กลับมาอยู่กับผม ภายใต้ชื่อใหม่คือ พิงคนคร มีศูนย์ประชุมซึ่งสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นคนสร้าง ผมและ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนเลือกที่ดิน สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์บอกว่าเชียงใหม่ไม่เข้าท่า จะไปสร้างที่ จ.ภูเก็ต แต่เราก็สร้างที่เชียงใหม่จนสำเร็จ มันก็ทวงให้เราไปสร้างที่ภูเก็ต ยังไม่สร้างให้จะมีปัญหาไหม วันหน้าจะสร้างแน่นอนเมื่อภูเก็ตเห็นความดีของพวกเรา และเลือกคนของเรา วันนั้นผมจะไปทำให้ วันนี้ไม่มีอารมณ์จะทำ”
สะท้อนความไร้คุณธรรมของผู้บริหารประเทศที่คิดและพูดออกมาเยี่ยงนี้
ในความเป็นจริง โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ได้รับอนุมัติงบประมาณไว้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ มูลค่า 2,600 ล้านบาท คนละส่วนกับงบก่อสร้างศูนย์ประชุมที่เชียงใหม่ แต่กลับมาถูกยกเลิกไปโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
นายปลอดประสพโกหก เพื่อหวังสร้างความเกลียดชัง แบ่งแยกประชาชน โดยใส่ร้ายว่ารัฐบาลพรรคคู่แข่งขัดขวางการสร้างศูนย์ประชุมที่จังหวัด เชียงใหม่ ทั้งๆ ที่ ไม่เป็นความจริง
ยิ่งกว่านั้น ยังเหิมเกริม ย่ำยีความรู้สึกประชาชน โดยประกาศกึ่งๆ สารภาพว่า เหตุที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยกเลิกโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมที่ภูเก็ตนั้น ก็เพียงเพราะคนภูเก็ตไม่เลือกคนของพรรคเพื่อไทย
ทั้งๆ ที่ จังหวัดภูเก็ตสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 180,000 ล้านบาท รองจากกรุงเทพฯ ที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยว 400,000 ล้านบาท และโครงการนี้ได้รับการคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ กระตุ้นการท่องเที่ยว และดึงดูดการจัดการประชุมให้มาลงที่ภูเก็ตอีกจำนวนมาก
การยกเลิกโครงการไปแบบนี้ ก็เสมือนปล้นโครงการไปซึ่งๆ หน้า
นักการเมืองที่กระทำเยี่ยงนี้ “สงสัยพรรคจะไม่แคร์เรื่องคุณธรรม” รัฐบาลจึงได้บริหารราชการแผ่นดินโดยไร้คุณธรรม ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน แต่เอาตัณหาทางการเมืองของพรรคพวกตนเป็นใหญ่
4) ***เจ้านายเป็นอย่างไร ขี้ข้าก็มีพฤติกรรมอย่างนั้น?
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2548 ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปราศรัยหาเสียงที่ อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์
บอกว่า “ผมตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่เราต้องดูแลคนทั้งประเทศด้วย แต่เวลาจำกัด ต้องเอาเวลาไปจังหวัดที่เราได้รับความไว้วางใจมากเป็นพิเศษ จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง ไม่ใช่ไม่ไป คิวต้องเรียงอย่างนี้”
หลังจากแสดงพฤติกรรมเหิมเกริมเช่นนี้ เมื่อทับถมเข้าไปกับความเลวทรามของระบอบทักษิณในอีกมากมายหลายเรื่อง ประชาชนที่ทนไม่ไหวก็ลุกฮือ การต่อต้านรัฐบาลทักษิณก็ขยายวงกว้างมากขึ้น และมากขึ้น
สุดท้าย ก็เดินไปถึงจุดจบของรัฐบาลทักษิณ!
***นักการเมืองและจุดจบของนักการเมือง เจ้านายกับขี้ข้า มันจะซ้ำรอยเหมือนกันหรือไม่?
Edited by pglovethai, 5 June 2013 - 09:05.