ระดับโลกนี่ถือว่าถ่อมตนมากแล้วนะ
จริงๆแล้วแกระดับจักรวาลครับ
จริงๆ อวกาศเราประกอบด้วยหลายล้านๆจักรวาลนะครับ
และอาจมี "จักรวาลซ้อนจักรวาล" ได้อีกในทุกๆจักรวาล
จึงควรเจาะจงไปเลยว่าด็อกแกระดับจักรวาลไหนครับ โซ่ยตีกรอบให้แกนิดนุงครับ
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:31
หาเรื่องไปเรื่อยนะครับ
ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวครับ และก็ไม่ได้มีอคติอะไรกับท่านด้วย อ่านแล้วเกิดความสงสัย ก็อยากให้ท่านชื้แจง
เพราะไม่ชอบพวกแอบอ้างหรือกระทำการใดๆที่มิบังควรต่อสถาบัญฯครับ
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:33
ผ่านมา 200 ความเห็น ผู้โพสสูงสุด 5 อันดับแรกในกระทู้นี้ ได้แก่
pornchokchai 45 ความเห็น
phoebus 15 ความเห็น
ผึ้งน้อย For Vendetta 13 ความเห็น
Ballbk 11 ความเห็น
tonythebest 11 ความเห็น
รัก pornchokchai ช่วยกันโพสเยอะๆนะคร้าบ
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:36
ด็อกห้ามคนที่ด็อกไม่อยากสนทนาด้วยเข้ามู้นี้
ถามว่าด็อกมีสิทธิ์อะไรไม่ทราบ
บอร์ดเสรีไทยนี้เป็นบอร์ดสาธารณะ
เมื่อตั้งมู้แล้วใครๆก็มีสิทธิ์จะเข้ามาอ่านหรือแชร์ความคิดเห็นได้
ไปเปิดบล็อกส่วนตัวเลยด็อก รับรองไม่มีใครตามไปอ่านแน่
"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:39
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:40
คนจริงกล้าเปิดเผย ขนาดนี้ ไม่โกหกครับ
ทักษิณยังโกหกทุกวันเรย
ข้าจักล้มล้าง ระบอบทักษิณ ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:42
เค้ากล้าเปิดเผย แต่ เรื่องเล็ก ๆ เค้าก็ไม่บอกนะ
"มีลูกมีเมียหรือยัง"
"ความดี กับ ความเลว
ความจริง กับ คำโกหก
ความถูกต้อง กับ การทำผิดกฎหมาย"
ถ้าเกิดเป็น คน ไม่ได้เกิดเป็น ควาย มันไม่ต้องให้ทายหรอก ว่าจะเลือกอย่างไหน
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:45
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:48
ตกลงประเด็นมันคืออะไรวะผมนั้งไล่อ่านมานานเเละ
เอาล่ะใกล้บ่าย2ล่ะ ฟังวีระเเก้เซงไปพล่างๆ
Edited by มานพ มานพ บุญมี, 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:51.
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:51
ด๊อก ทำตัวแบบนี้ ลงสมัคร ผู้ว่ากทม สมัยหน้าก็ไม่ได้เป็นอยู๋ดี
ผมเป็นแฟนคลับ แคนไท , ริดกุน , เช neverdie , eAT , Moon , tonythebest [/color][color=#0000FF;], -3- , Limmy , amplepoor , ติ๊บไตบูชาเงิน . เด็กปากดี , โจโฉ นายกตลอดกาล , อารยา, ตะนิ่นตาญี , ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่
พอดีผมลืม password เก่า และ e-mail ที่ใช้สมัครครับก็เลยจำเป็นต้องสมัครใหม่
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:53
ด๊อก ทำตัวแบบนี้ ลงสมัคร ผู้ว่ากทม สมัยหน้าก็ไม่ได้เป็นอยู๋ดี
ผมว่าเขาจะลงไม่ลงไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขา ผมว่าคิิดเเบบนี้ดีกว่านะครับ
Edited by มานพ มานพ บุญมี, 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:53.
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:55
เผลอแผลบเดียว กระทู้ของผมมีคนมาดู มาตอบมากกว่ากระทู้ที่ด่าผมอีก กระทู้เหล่านั้นตกไปเลยครับ ขอบคุณทุกท่านที่ีเมตตาผมครับ จำไว้นะครับ ไม่มี ดร.หรืออาจารย์คนไหนกล้ามาเกลือกกลั้วแบบนี้ครับ แต่ผมถือเป็นการให้การศึกษา ผมไม่ถือตัวครับ ไม่ได้คุย นี่เป็นความสัตย์จริงครับ
นี่เป็นตัวอย่างว่า ขนาดไม่มีปัญญา ก็ยังจะพยายามยกหางให้ได้นะครับ
เฮ้อ เพื่อนผมที่จบด็อกเตอร์ก็แบบนี้หลายคน
โชคดีที่ผมยังไม่จบ แต่จบมาก็ไม่เป็นแบบนั้นแน่
เอ่อ ถ้าคุยเรื่องฝีไม้ลายมือ ผมว่าคนละ field กัน อย่ามาเกทับกันดีกว่าครับ
เพราะงานของคุณ ผมไม่รู้เรื่อง
แต่งานที่เพื่อนๆ หลายคนทำ ไม่เมพขิงๆ หมดสิทธิ์ทำ
เท่าที่เห็นด็อกก็ชอบพูดยกหางตัวเองไม่ใช่เหรอครับ เช่นว่าหากด็อกเป็นผู้ว่าจะทำได้ทำสำเร็จ แต่มันไม่เกิดขึ้นจริง อวดอ้างสรรพคุณ (ไม่ทราบว่าเกินจริงมั้ย แต่ยังไม่เกิดขึ้นจริงขอบอกว่ามันเกินจริงก่อนนะครับ เพราะพิสูจน์ไม่ได้) ของตนเองเกินความจริง
ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ เพราะบอกว่าคนอื่นรุมด่าว่า ผมว่าด็อกเป็นคนนึงที่ชอบว่าคนอื่นนะครับ เช่นว่าๆเค้ายกหาง หรือใช้คำว่าเกลือกกลั้ว..... การที่คุณมาเล่นในบอร์ดนี้ถ้าเป็นการเกลือกลั้วคุณก็ย้ายเถอะครับ เพราะฟังแล้วคุณคิดว่าที่นี่ต่ำมาก ต้องมาให้การศึกษา ผมนึกว่าเรามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันซะอีก การใช้คำพูดนี้แสดงให้เห็นว่าคุณคิดว่าตนสูงศักดิ์กว่าทุกคนที่อยู่ในนี้ และการที่คุณมานี่เปรียบเสมือนการโปรดสัตว์.... อันนี้คือข้อบกพร่องขอด็อกที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นคนที่มีการศึกษาที่สูง ควรใช้เหตุผล งดการใช้อารมณ์ เพื่อแสดงวุฒิภาวะ แต่ที่เห็นผมไม่เห็นด็อกทำได้เลยครับ แค่เอาหน้ายิ้มๆด่าว่าคนอื่นจะบอกว่าไม่ได้ใช้อารมณ์มันก็เป็นการโกหกแล้วครับ ลองเอาไปคิดดูหากท่านเป็นผู้เจริญทางปัญญาตามที่กล่าวอ้างเพื่อปรับปรุงการกระทำของด็อกต่อคนอื่นๆในบอร์ดนี้ครับ
ตกลงด็อกจะสามารถตอบไขข้อข้องใจผมได้มั้ยครับ? คุยกันอย่างลูกผู้ชายที่มีการศึกษา พูดกันตรงๆเลย ตามที่ผมได้พิมพ์ไว้ก่อนหน้านี้ ทำไมการกระทำของด็อกถึงทำให้ผมรู้สึกว่าด็อกเป็นพวก Hypocrite อ่าครับ? รวมถึงเรื่องเก็บค่าที่จอดรถริมถนนใน กทม. ครับ ช่วยชี้แจง เห็นว่าด็อกเลี่ยงที่จะตอบแบบมีสาระ และทำตัวขาดวุฒิภาวะตามเช่น 2 กระทู้นี้
หาเรื่องไปเรื่อยนะครับ
พอรู้จักกันไหมครับ
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:59
เเค่นี้เอง จะให้เราพิมพ์อะไรดีละ โอว เก่งจังเลย เหรอ
เด่วสมศักดิ์เจียมมันเขียนประวัติเเข่งนะ
รำคาญสลิ่มเที่ยมที่เข้ามาปล่อยสารพิษเรียกร้องความรุนเเรงเสดงออกถึงความคลั่งสงครามกลางเมืองยุเเยงสร้างภาพชั่วๆ
เอียนวะ เห็นคนเเถวนี้ไอคิวต่ำกว่า 90 หรือไง
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:02
เหอๆ นี่มันกระทู้แสดงความเกรียนชัดๆ
คุณภาพ ระดับปริญญาเอก มีพฤติกรรมและสติปัญญาเท่านี้
พวกใช้จินตนาการว่า อาหารไม่ได้แพงขึ้นบ้างล่ะ โดยสำรวจแค่ในพื้นที่ กทม. บางส่วนเท่านั้น แล้วมาบอกว่า อาหารไม่ได้แพงขึ้น ถุยส์
แน่จริงเอาเรื่องนี้ไปนำเสนอเป็นงานวิจัยให้สังคมรับรู้สิ
ถ้าไม่ได้ลอกเพื่อนจบปริญญามานะ น่าจะรู้ตัวแล้วว่า ตัวเองกำลังมี Fallacy of Composition อยู่
แต่อย่างว่าล่ะครับ
ความกล้า กับ หนังหน้า ของคนเรามันไม่เท่ากันอยู่แล้ว
โถ จบแค่มหาลัยระดับ Regional ทำมาคุย
Advisor ระดับ ป.โท ของผมจบจาก U ระดับ Top 5 ของเอเชีย Top 30 ในระดับโลก เขายังไม่ ขี้อวด และ ทำตัวเสร่อแบบนี้เลย
เห็นไอ้พวกเสร่อแบบนี้เริ่มคิดอยากเรียนต่อปริญญาเอกแล้วมาแข่งกับหมาบางตัวจริงๆ
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:03
ตกลงด็อกจะสามารถตอบไขข้อข้องใจผมได้มั้ยครับ? คุยกันอย่างลูกผู้ชายที่มีการศึกษา พูดกันตรงๆเลย ตามที่ผมได้พิมพ์ไว้ก่อนหน้านี้ ทำไมการกระทำของด็อกถึงทำให้ผมรู้สึกว่าด็อกเป็นพวก Hypocrite อ่าครับ? รวมถึงเรื่องเก็บค่าที่จอดรถริมถนนใน กทม. ครับ ช่วยชี้แจง เห็นว่าด็อกเลี่ยงที่จะตอบแบบมีสาระ และทำตัวขาดวุฒิภาวะตามเช่น 2 กระทู้นี้
เอานิ ท่านด๊อกรีบตอบสะนะครับ กระทู้ที่213เขาถามมา ผมมาย้ำอีกครั้งเพื่อไม่ให้ประเด้นมันเลยเถิด
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:07
คือมีคนสองคนบอกไม่อยากคุยด้วย ผมก็ bye / ไม่ต้องมา แต่ถ้าพูดคุยฉันมิตร ไม่หยาบ ผมก็ ยินดีเสมอครับ
แร้วไอ้ที่เขาถาม ๆ มาทั้งหมดนั้น ตอบหรือยังล่ะ ?
ข้าจักล้มล้าง ระบอบทักษิณ ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:07
ท่าทาง ด๊อก เค้าอยากจะลง แล้วว่ะ
"ความดี กับ ความเลว
ความจริง กับ คำโกหก
ความถูกต้อง กับ การทำผิดกฎหมาย"
ถ้าเกิดเป็น คน ไม่ได้เกิดเป็น ควาย มันไม่ต้องให้ทายหรอก ว่าจะเลือกอย่างไหน
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:07
ด๊อก ทำตัวแบบนี้ ลงสมัคร ผู้ว่ากทม สมัยหน้าก็ไม่ได้เป็นอยู๋ดี
ผมว่าเขาจะลงไม่ลงไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขา ผมว่าคิิดเเบบนี้ดีกว่านะครับ
แล้วดร.มาวุ่นวายอะไรกับบอร์ดเรา?
แล้วอิเห็นมาวุ่นวายอะไรกับกระทู้นี้?
เข้าใจประเด็นนะครับ ศูนย์กลางจักรเย็บผ้า
แล้ว แมงวันมา วุ่นวายอะไรกับกระทู้นี้? ทำไมละ.. ทำไมแมงวันมาได้ ผมจะมาไม่ได้..
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:10
เอาาา มาก็มา ไม่ได้ว่าไร
Edited by มานพ มานพ บุญมี, 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:10.
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:11
ผมว่าเขาจะลงไม่ลงไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขา ผมว่าคิิดเเบบนี้ดีกว่านะครับ
แล้วดร.มาวุ่นวายอะไรกับบอร์ดเรา?
แล้วอิเห็นมาวุ่นวายอะไรกับกระทู้นี้?
เข้าใจประเด็นนะครับ ศูนย์กลางจักรเย็บผ้า
แล้ว แมงวันมา วุ่นวายอะไรกับกระทู้นี้? ทำไมละ.. ทำไมแมงวันมาได้ ผมจะมาไม่ได้..
ก็นั่นแหละครับ คือ ประเด็น ของผมละ
นิสัยเจ้ากี้เจ้าการนี่ มันเลิกไม่ได้จริงๆนะ เป็นซิกเนเจอร์ของตานี่ไปแล้ว เปลี่ยนกี่ร้อยล็อกอินนิสัยเยี่ยงเดิม
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:11
ผ่านมา 200 ความเห็น ผู้โพสสูงสุด 5 อันดับแรกในกระทู้นี้ ได้แก่
pornchokchai 45 ความเห็น
phoebus 15 ความเห็น
ผึ้งน้อย For Vendetta 13 ความเห็น
Ballbk 11 ความเห็น
tonythebest 11 ความเห็น
รัก pornchokchai ช่วยกันโพสเยอะๆนะคร้าบ
แสดงว่า ผมรักไอ้ลี รักแพร่ด รักไอ้เวร รักตำรวจบ้าน รักหมื่นปีด้วยสิครับ
ตรรกแปลกๆ ครับ พึ่งรู้
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:11
เหอๆ นี่มันกระทู้แสดงความเกรียนชัดๆ
คุณภาพ ระดับปริญญาเอก มีพฤติกรรมและสติปัญญาเท่านี้
พวกใช้จินตนาการว่า อาหารไม่ได้แพงขึ้นบ้างล่ะ โดยสำรวจแค่ในพื้นที่ กทม. บางส่วนเท่านั้น แล้วมาบอกว่า อาหารไม่ได้แพงขึ้น ถุยส์
แน่จริงเอาเรื่องนี้ไปนำเสนอเป็นงานวิจัยให้สังคมรับรู้สิ
ถ้าไม่ได้ลอกเพื่อนจบปริญญามานะ น่าจะรู้ตัวแล้วว่า ตัวเองกำลังมี Fallacy of Composition อยู่
แต่อย่างว่าล่ะครับ
ความกล้า กับ หนังหน้า ของคนเรามันไม่เท่ากันอยู่แล้ว
โถ จบแค่มหาลัยระดับ Regional ทำมาคุย
Advisor ระดับ ป.โท ของผมจบจาก U ระดับ Top 5 ของเอเชีย Top 30 ในระดับโลก เขายังไม่ ขี้อวด และ ทำตัวเสร่อแบบนี้เลย
เห็นไอ้พวกเสร่อแบบนี้เริ่มคิดอยากเรียนต่อปริญญาเอกแล้วมาแข่งกับหมาบางตัวจริงๆ
ด่าได้สะใจดีฮะ
ข้าจักล้มล้าง ระบอบทักษิณ ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:14
มีกระทู้ไหนด่าเรื่องเท็จใส่ท่านด๊อกฯ อย่างนั้นหรือ
ผมเห็นก็แสดงความคิดเห็นต่อสิ่งที่ด๊อกฯ สำรอกออกมา ก็เท่านั้น ??
ถ้าอยากแสดงความคิดเห็นคนเดียวไม่ต้องการให้คนอื่นวิจารณ์ความคิดของตนเอง ผมแนะนำนะด๊อกฯ ไปพูดกับตัวเองในกระจกจะเหมาะที่สุด
อย่ามาอวดอ้าง โวยวายให้ขำไปหน่อยเลย
ผมเข้าใจแล้วว่าการศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรด๊อกได้เลยจริงๆ
• เอือมระอากับบรรดาพี่น้องที่หลงทางจริงๆ เห็นต่างกันยังรับได้ครับ แต่เห็นผิดเป็นชอบแบบนี้มันบัดซบจริงๆ •
• หายนะของประเทศไทย ก็คือการที่ "ควายเลือกควาย" เข้ามาทำลายประเทศ •
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:17
คนจริงกล้าเปิดเผย ขนาดนี้ ไม่โกหกครับ
ผมไม่ได้เป็นหน้าม้าคุณโสภณนะ แต่ผมว่าคุณโสภณแกเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ดัดจริตเสแสร้งเหมือนสมาชิกส่วนใหญ่ของที่นี่
แกมั่นใจว่าแกมีดี มีความรู้มีความสามารถ ทำประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์ชาติได้ แกก็กล้าประกาศตัวชัดเจน
ต่างจากบางคนที่ไม่รู้จะหาใครมาชื่นชมหรือสนใจ ก็แกล้งออกมาประกาศตัวแบบอีแอบ อ้างตัวเองเป็นบุคคลสาธารณะเหมือนด็อกเพื่อเรียกร้องความสนใจ
อยากให้คนสนใจอยากรู้ประวัติตัวเอง ถึงขนาดเคยตั้งกระทู้เรื่องตัวเอง
แต่กลับไม่มีใครสนใจ ผมเห็นแต่ทำลับๆ ล่อๆ อวดอ้างดีกอล์ฟกับคนโน้นคนนี้ เห็นก๊วนกอล์ฟที่เอามาแอบอ้างมีแต่เหล่าอมนุษย์มือสกปรกทั้งนั้น
แต่กลับไม่มีใครเคยถามหรือสงสัยว่าคนดีๆ ที่ไหนเขาจะไปมั่วสุมกับเหล่าอมนุษย์ แล้วยังมีหน้าเอามาอวดโม้ให้สมาชิก สรท ฟังอีก
คุณโสภณเขาเอาประวัติการทำงาน ผลงานที่เขาเคยทำมาให้ดู แต่อมนุษย์ที่ชอบยกยอตัวเองผมไม่เคยเห็นเขาเอาผลงานการทำประโยชน์อะไรกับประเทศชาติมาให้ดูเลย มีแต่ผลงานการไปตีกอล์ฟกับอมนุษย์คนโน้น อมนุษย์คนนี้ ก็เห็นคนที่นี่เฮฮากับเขาดี แล้วอ้างว่าตัวเองเป็นคนดีมีคุณธรรม
โลกนี้มันแปลกแต่จริง
กระทู้เดียว เล่นเอา 3 ลอคอินเลยหรือ ไอ้ลี
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:17
เอาาา มาก็มา ไม่ได้ว่าไร
อะไรมาก็มาครับ?
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:17
ผมว่าเขาจะลงไม่ลงไม่ต้องไปวุ่นวายกับเขา ผมว่าคิิดเเบบนี้ดีกว่านะครับ
แล้วดร.มาวุ่นวายอะไรกับบอร์ดเรา?
แล้วอิเห็นมาวุ่นวายอะไรกับกระทู้นี้?
เข้าใจประเด็นนะครับ ศูนย์กลางจักรเย็บผ้า
แล้ว แมงวันมา วุ่นวายอะไรกับกระทู้นี้? ทำไมละ.. ทำไมแมงวันมาได้ ผมจะมาไม่ได้..
ก็นั่นแหละครับ คือ ประเด็น ของผมละ
นิสัยเจ้ากี้เจ้าการนี่ มันเลิกไม่ได้จริงๆนะ เป็นซิกเนเจอร์ของตานี่ไปแล้ว เปลี่ยนกี่ร้อยล็อกอินนิสัยเยี่ยงเดิม
ผมเชื่อมั่นว่า ไม่ใช่ คุณ ลีครับ... คุณลีโดนแบนไปแล้ว.
"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"
"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"
"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:17
คนจริงกล้าเปิดเผย ขนาดนี้ ไม่โกหกครับ
ผมไม่ได้เป็นหน้าม้าคุณโสภณนะ แต่ผมว่าคุณโสภณแกเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ดัดจริตเสแสร้งเหมือนสมาชิกส่วนใหญ่ของที่นี่
แกมั่นใจว่าแกมีดี มีความรู้มีความสามารถ ทำประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์ชาติได้ แกก็กล้าประกาศตัวชัดเจน
ต่างจากบางคนที่ไม่รู้จะหาใครมาชื่นชมหรือสนใจ ก็แกล้งออกมาประกาศตัวแบบอีแอบ อ้างตัวเองเป็นบุคคลสาธารณะเหมือนด็อกเพื่อเรียกร้องความสนใจ
อยากให้คนสนใจอยากรู้ประวัติตัวเอง ถึงขนาดเคยตั้งกระทู้เรื่องตัวเอง
แต่กลับไม่มีใครสนใจ ผมเห็นแต่ทำลับๆ ล่อๆ อวดอ้างดีกอล์ฟกับคนโน้นคนนี้ เห็นก๊วนกอล์ฟที่เอามาแอบอ้างมีแต่เหล่าอมนุษย์มือสกปรกทั้งนั้น
แต่กลับไม่มีใครเคยถามหรือสงสัยว่าคนดีๆ ที่ไหนเขาจะไปมั่วสุมกับเหล่าอมนุษย์ แล้วยังมีหน้าเอามาอวดโม้ให้สมาชิก สรท ฟังอีก
คุณโสภณเขาเอาประวัติการทำงาน ผลงานที่เขาเคยทำมาให้ดู แต่อมนุษย์ที่ชอบยกยอตัวเองผมไม่เคยเห็นเขาเอาผลงานการทำประโยชน์อะไรกับประเทศชาติมาให้ดูเลย มีแต่ผลงานการไปตีกอล์ฟกับอมนุษย์คนโน้น อมนุษย์คนนี้ ก็เห็นคนที่นี่เฮฮากับเขาดี แล้วอ้างว่าตัวเองเป็นคนดีมีคุณธรรม
โลกนี้มันแปลกแต่จริง
กระทู้เดียว เล่นเอา 3 ลอคอินเลยหรือ ไอ้ลี
จุ๊ๆๆ อย่าอึงไป
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:18
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:22
อย่าใส่ไคล้ ตัดแปะ นะครับ ผมคนเดียว log in เดียว ไม่มีใครอื่นครับผม
คนจริงกล้าเปิดเผย ขนาดนี้ ไม่โกหกครับ
ผมไม่ได้เป็นหน้าม้าคุณโสภณนะ แต่ผมว่าคุณโสภณแกเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ดัดจริตเสแสร้งเหมือนสมาชิกส่วนใหญ่ของที่นี่
แกมั่นใจว่าแกมีดี มีความรู้มีความสามารถ ทำประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์ชาติได้ แกก็กล้าประกาศตัวชัดเจน
ต่างจากบางคนที่ไม่รู้จะหาใครมาชื่นชมหรือสนใจ ก็แกล้งออกมาประกาศตัวแบบอีแอบ อ้างตัวเองเป็นบุคคลสาธารณะเหมือนด็อกเพื่อเรียกร้องความสนใจ
อยากให้คนสนใจอยากรู้ประวัติตัวเอง ถึงขนาดเคยตั้งกระทู้เรื่องตัวเอง
แต่กลับไม่มีใครสนใจ ผมเห็นแต่ทำลับๆ ล่อๆ อวดอ้างดีกอล์ฟกับคนโน้นคนนี้ เห็นก๊วนกอล์ฟที่เอามาแอบอ้างมีแต่เหล่าอมนุษย์มือสกปรกทั้งนั้น
แต่กลับไม่มีใครเคยถามหรือสงสัยว่าคนดีๆ ที่ไหนเขาจะไปมั่วสุมกับเหล่าอมนุษย์ แล้วยังมีหน้าเอามาอวดโม้ให้สมาชิก สรท ฟังอีก
คุณโสภณเขาเอาประวัติการทำงาน ผลงานที่เขาเคยทำมาให้ดู แต่อมนุษย์ที่ชอบยกยอตัวเองผมไม่เคยเห็นเขาเอาผลงานการทำประโยชน์อะไรกับประเทศชาติมาให้ดูเลย มีแต่ผลงานการไปตีกอล์ฟกับอมนุษย์คนโน้น อมนุษย์คนนี้ ก็เห็นคนที่นี่เฮฮากับเขาดี แล้วอ้างว่าตัวเองเป็นคนดีมีคุณธรรม
โลกนี้มันแปลกแต่จริง
กระทู้เดียว เล่นเอา 3 ลอคอินเลยหรือ ไอ้ลี
จุ๊ๆๆ อย่าอึงไป
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:22
แนะนำตัวสะขนาดนี้ เที่ยวหน้า น่าชนะ ลีนาจัง นะ ถ้าไปว่ายคลองแสนแสบ
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:25
ต่างจากบางคนที่ไม่รู้จะหาใครมาชื่นชมหรือสนใจ ก็แกล้งออกมาประกาศตัวแบบอีแอบ อ้างตัวเองเป็นบุคคลสาธารณะเหมือนด็อกเพื่อเรียกร้องความสนใจ
อยากให้คนสนใจอยากรู้ประวัติตัวเอง ถึงขนาดเคยตั้งกระทู้เรื่องตัวเอง
แต่กลับไม่มีใครสนใจ ผมเห็นแต่ทำลับๆ ล่อๆ อวดอ้างดีกอล์ฟกับคนโน้นคนนี้ เห็นก๊วนกอล์ฟที่เอามาแอบอ้างมีแต่เหล่าอมนุษย์มือสกปรกทั้งนั้น
แต่กลับไม่มีใครเคยถามหรือสงสัยว่าคนดีๆ ที่ไหนเขาจะไปมั่วสุมกับเหล่าอมนุษย์ แล้วยังมีหน้าเอามาอวดโม้ให้สมาชิก สรท ฟังอีก
สรุปคือ อิจฉาคนดัง ว่างั้น
กระทู้เดียว เล่นเอา 3 ลอคอินเลยหรือ ไอ้ลี
มีไลค์ให้กันด้วยนะครับท่าน กรี๊ดดดดดดดดดดดดกันเลยทีเดียว
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:25
ผมได้อ่านบทความเรื่อง “หอกข้างแคร่รีเทิร์น: “ด็อกเตอร์” เทวดารุ่นใหม่ในสังคมการเมืองไทย” * โดย “ดร.หอกหัก” แล้ว นับเป็นปฏิกิริยาที่วิพากษ์พวก “ดอกเตอร์” อย่างรุนแรง ผมจึงเขียนบทความนี้ขึ้นมาแบ่งปันแบบ “ฟังความรอบข้าง” กันบ้าง เพื่อให้เกิดบรรยากาศ สังคมอุดมปัญญา แต่อาจโดน “จวก” เข้าบ้าง แต่ไม่เป็นไรครับ ยินดีรับฟังและยินดีเป็นกระสอบทรายให้ระบายเพื่อผ่อนคลายครับ
ไม่ใช่ความผิดของดอกเตอร์หรอก
คนที่เรียกตัวเองว่าดอกเตอร์นั้น แสดงว่าเขาอยากยกหางตัวเอง เบื้องต้นเราก็ควรอนุโมทนาว่าเขาอุตสาหะร่ำเรียนมา เราจะได้สบายใจ ผมรู้จักอาจารย์อยู่คนหนึ่ง ท่านเป็นคนไม่ถือตัว แต่ถ้าเราจะให้เกียรติท่าน เราอาจเขียนคำนำหน้าท่านได้ยาวมาก เช่น “ร.ต.อ. รศ. ดร. ม.ร.ว. อคิน รพีพัฒน์” เป็นต้น
การเรียกตัวเองว่าดอกเตอร์ย่อมทำให้บางคนหมั่นไส้ ถือเป็นบาปเคราะห์ที่หลีกเลี่ยงได้ยากจากผลของการยกหางตัวเอง และก็เป็นความร้อนรุ่มในอกของคนที่อิจฉาหรือหมั่นไส้คนอื่นเองเช่นกัน
สำหรับคนขี้หมั่นไส้นั้น ผมเชื่อว่ามีอยู่มากพอสมควร บางคนก็อาจเสียดายที่ตนเองไม่ได้จบดอกเตอร์ บางคนก็อาจคิดหรือมั่นใจว่าตนเก่งกว่าดอกเตอร์ ในโลกแห่งความเป็นจริง เชื่อว่ามีคนขี้อิจฉาอยู่พอสมควรเช่นกัน
บางคนชอบเรียกตัวเองว่าดอกเตอร์หรืออาจารย์กับทุกคนที่สนทนาด้วย ข้อนี้อาจจะยังความหมั่นไส้ให้กับผู้คนได้มากพอดู เราอย่าไปหมั่นไส้เลยครับ พระพยอมเคยบอกว่า “โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ไม่โกรธดีกว่า จะได้ไม่บ้าไม่โง่”
ผมมีข้อแนะนำผู้ที่ไม่ชอบที่จะเห็นคนอื่นยกหางตัวเอง กล่าวคือถ้าพบคนเรียกตัวเองว่าดอกเตอร์ เราก็อาจตอบโต้เขาโดยเรียกขานเขากลับไปว่า “คุณ” แทน ให้เขารู้ว่าเราไม่ได้สนใจการเป็นดอกเตอร์ของเขา ในสังคมอารยะ เราไม่ยกย่องเขาได้ แต่เราไปหลู่เกียรติ เช่น เรียกเขาว่าไอ้หรืออีคงไม่ได้ อย่างไรก็ตามเรายังอาจเออออเรียกขานตามความประสงค์ของเขาเพื่อเอาบุญก็ยังได้ การยกย่องคนมันไม่เสียหายนะครับ
ดอกเตอร์กิ๊กก๊อกกับดอกเตอร์ชั่ว
อย่างไรก็ตามบางคนก็อาจได้ดอกเตอร์มาจากการรับแจกแบบกิตติมศักดิ์ หรือเป็นดอกเตอร์ห้องแถวจริง ๆ ยิ่งในปัจจุบัน สถาบันการศึกษาจำนวนมากผลิตดอกเตอร์แบบไร้คุณภาพออกมามากมาย จึงยิ่งทำให้ดอกเตอร์ดูด้อยค่าลงจริง ๆ
ปัญหาดอกเตอร์กิ๊กก๊อกก็ยังไม่ร้ายเท่าการมีดอกเตอร์แท้ ๆ จากมหาวิทยาลัยชั้นยอดของโลกหลายคน ทำตัวเป็น “สุนัขรับใช้” ทางการเมือง เพราะยิ่งทำให้ความเป็นดอกเตอร์ด้อยลง ดอกเตอร์หรือนักวิชาการพวกนี้ “พายเรือให้โจรนั่ง” หรืออาจหนักหนาขนาด “ให้โจรพายเรือให้ตนนั่ง” (ประสบความสำเร็จโดยไม่เลือกวิธีที่ใช้)
บางคนอาจกลัวว่า คำพูดที่เป็นพิษของดอกเตอร์ชั่ว ๆ อาจทำให้ประชาชนหลงเชื่อตามคุณวุฒิ ข้อนี้เราพึงเชื่อมั่นในวิจารณญาณของประชาชนว่าเขาสามารถแยกแยะความผิดถูกเองได้ และแม้เขาจะแยกแยะไม่ได้ในช่วงต้น ก็พึงให้เวลาประชาชนได้เรียนรู้
โดยนัยนี้ เราจะต่อกรกับดอกเตอร์ ดอกเตอร์ชั่ว ดอกเตอร์ต่ำชั้น เราก็ยิ่งต้องตอบโต้ที่ประเด็นสาระเป็นสำคัญ เราควรยกระดับจิตใจให้สูงด้วยการตอบโต้กันตามเหตุผล ให้เห็นว่าดอกเตอร์ผิดอย่างไร ไม่ใช่ไปตอบโต้หรือหมั่นไส้เขาในเรื่องความเป็นดอกเตอร
โลกของเปลือกนอก
ในโลกนี้ เรามักพยายามใช้เปลือกเพราะเป็นอาภรณ์ ซึ่งในแง่หนึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการปกปิดความอุจจาด แต่ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นอารยธรรม ซึ่งรวมความไปถึงการแสดงสถานะ รสนิยม การโอ้อวด เป็นต้น
ผมเชื่อว่าความหมั่นไส้อาจารย์มหาวิทยาลัยมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเรื่องส่วนบุคคลคือ ความหมั่นไส้-อิจฉา แต่ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเรื่องหลักการที่เป็นผลสะท้อนจากการที่สถานะของคนกลุ่มนี้สูงเกินจริง อาจารย์พวกนี้อยู่กันอย่างสบาย ๆ แถมยัง “ได้ทั้งเงิน ทั้งกล่อง” แถมบางทียังอาจ “ได้เด็ก” อีกด้วย ข้อนี้ผิดกับในสังคมตะวันตกที่เขาคงไม่ได้ยกหางอาจารย์เท่านี้
ปฏิกิริยาต่อกรณีนี้จึงปรากฏเป็นคำค่อนแคะอาจารย์มหาวิทยาลัยต่าง ๆ นานา เช่น ใช้คำว่า “อาจม” แทน “อาจารย์” “ผศ.” ย่อมาจาก “ผัวนักศึกษา” “รศ.” ย่อมาจาก “รอเสียบ” หรือ “ศ.” หมายถึง “เสียบแล้ว” เป็นต้น ในเชิงหลักการ เราควรลดการยกย่องสถานะพวกนี้ลงบ้าง โดยเฉพาะที่กร่าง ๆ ไม่กี่สิบคนจากจำนวนอาจารย์มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ 50,000 คน
ดูกันที่ผลงานดีกว่า
เป็นเวลานับร้อยปีมาแล้ว ที่ประเทศไทยส่งคนไปเรียนต่อยังสถาบันชั้นนำในต่างประเทศโดยเฉพาะที่จบดอกเตอร์ พวกนี้พอร่ำเรียนจบ ก็มักกลับมาใหญ่ในทันที จึงกลายเป็นคน “กร่างแต่กลวง” เพราะขาดความรู้จริงในภาคปฏิบัติ ไม่เคยฝึกงาน ไม่ค่อยพัฒนาความรู้ตนเองหลังจากจบการศึกษาแล้ว ภาวะ “เน่าใน” จึงเกิดขึ้นกับนักวิชาการไทย
ในภาคปฏิบัติ สิ่งที่จะพอใช้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของดอกเตอร์ก็คือ การพิจารณาดูว่าสิ่งที่พูดนั้นมีเหตุผลเพียงใด มีข้อมูลประกอบเพียงใด มีการศึกษามาดีเพียงใด หรือเป็นพวกแสดงความเห็นได้ทุกเรื่องโดยไม่ต้องศึกษาวิจัย
ความรู้จริงต้องเกิดจากการศึกษาวิจัยอย่างจริงจังต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงยืมจมูกคนอื่นหายใจหรือยืนอยู่บนหอคอยงาช้าง คำพูดที่ดอกเตอร์เทียม ๆ แสดงออกดูได้ไม่ยากเลย ชาวบ้านก็รู้ แต่อาจไม่ได้พูดเท่านั้น
เราไม่พึงไปหมั่นไส้พวกดอกเตอร์โดยเฉพาะนักวิชาการชั่วหรือกร่างแต่กลวงเหล่านี้หรอก ลำพังความกระหายในการมี “ฟอร์ม” ให้สังคมยอมรับตนเอง ก็เป็นบาปเคราะห์หลอกหลอนตัวเขาเองอย่างแสนสาหัสตลอดเวลาอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญก็คือ เราต้องอภิปรายกันด้วยการยึดหลักการ หลักเหตุผล เพื่อช่วยกันสร้างสรรค์สังคมอุดมปัญญา ถ้าไม่มีหลักก็เป็นสังคมป่าเถื่อน
* โปรดอ่านได้จาก http://www.prachatai...b/th/home/13819
หมายเหตุ:
ขออนุญาตเอาบทความของ “แดง ไบเล่” ที่เขียนเรื่อง “สถาบันอาจารย์มหาวิทยาลัย” เมื่อราวปี 2525 มากำนัลแด่ทุกท่านในที่นี้ด้วยครับ
ในเมืองไทยเรานั้น มีการกล่าวขวัญถึงสถาบันต่างๆ แทบจะหมดทุกสถาบันแล้วตั้งแต่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตย เผด็จการ ทหารพลเรือน ข้าราชการ นายทุน กรรมกร นักธุรกิจ ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ นักหนังสือพิมพ์ นักเรียน นักศึกษา นักการเมือง ฯลฯ ยังเหลืออีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีใครแตะต้องกันนัก นั่นคือ อาจารย์มหาวิทยาลัย
เนื่องจากสถาบันอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญยิ่งกลุ่มหนึ่ง สำหรับนักศึกษา เพราะหากขาดอาจารย์เสียแล้วมหาวิทยาลัยก็ไม่เป็นมหาวิทยาลัย จึงใคร่จักกล่าวถึงคนกลุ่มนี้ สักเล็กน้อย พอหอมปากหอมคอ
ขอแนะนำให้นักศึกษาใหม่ รู้จักกับพวกเขาก่อนเป็นเบื้องแรก : เขาคือใคร ?
๑. เขาเป็นข้าราชการพลเรือนสังกัดทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ
๒. เขาต่างจากข้าราชการพลเรือนอื่นๆ ตรงที่สามารถเลื่อนชั้นขั้นตอนได้คล่องกว่า เขามีเวลาการทำงานที่ flexible มาก ตลอดจนมีฮอลิเดย์อันยาวนาน
๓. ระบบการบังคับบัญชา และการวัดผลงานของพวกเขาหละหลวม กว่าระบบการบังคับบัญชา และวัดผลงานข้าราชการพลเรือนอื่นๆ
๔. เขามีหน้าที่ให้บริการทางวิชาการ คือ การสอนหนังสือ เป็นเบื้องแรก การวางระบบการเรียนการสอนและการบริหารวิทยาลัยเป็นเบื้องสอง
๕. นอกจากนี้ เขาก็ไปวิ่งรอกหากิน ด้วยการสอนกวดวิชา สอนพิเศษ ทำงานกับธุรกิจเอกชนบ้าง แต่ยังไม่เคยเห็นที่ขายทัปเป้อร์แวร์ หรือรับเป็นพิธีกรทัปเป้อร์แวร์
๖. เขาได้รับการยกย่อง จากสังคมอย่างมากพอสมควรตลอดจนยกย่องกันไปยกย่องกันมาในหมู่พวกเดียวกันอีกด้วยโดยใช้สรรพนาม เรียกกันไปเรียกกันมาว่า “อาจารย์” เช่น “แหม, วันนี้อาจารย์ดอกท้อ หน้าตาไม่สบายเลย ทั้งๆ ที่เพิ่งพาอาซ้อไปทัวร์ยุโรปมาหยกๆ” อาจารย์ไขลูกล่าว อาจารย์ดอกท้อตอบว่า “อาจารย์ไขลู ไม่ทราบหรือคะ ว่าหมู่นี้เดี๊ยนแองเชียสม้ากมาก มีเทนชั่นตบตีกันเพราะ แย่งกันสอนซัมเมอร์ค้า”
ความสำคัญผิดของนักศึกษาที่มีต่ออาจารย์ และสมควรแก้ไข
๑. นักศึกษาใหม่ส่วนมาก นึกว่าอาจารย์เป็นบุคคลพิเศษอันทรงความรู้ ความคิด ข้อเท็จจริงคือ อาจารย์ส่วนมากมิได้เป็นเช่นนั้น ตรงกันข้าม อาจารย์มหาวิทยาลัยส่วนมาก เป็นผู้มีความรู้ความคิดเพียงแคบๆ เฉพาะในสาขาวิชาของตนเท่านั้น อย่าหวังอะไรมากไปกว่านั้น
๒. นักศึกษาอาจคิดว่า อาจารย์คือผู้หยั่งรู้โลกและสังคม ข้อเท็จจริงคือ อาจารย์มหาวิทยาลัยส่วนมาก เป็นผู้ขาดประสพการณ์ชีวิตและขาดความรู้อันเกิดจากการได้สัมผัสกับความเป็นจริงในสังคม อาจารย์พูดถึงสังคมเหมือนกำลังพูดถึงสิ่งเลื่อนลอยบางอย่าง
๓. โปรดระลึกไว้เสมอว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยส่วนมาก สอนหนังสือไม่เป็นและมักจะบ่นว่าตามตำรา ตามตัวอักษร มากกว่าที่จะพยายามถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้น ด้วยวิธีการอันจะสร้างความเข้าใจให้เกิดแก่คุณ
๔. อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมาก ใช้ภาษาไทยไม่เป็น เพราะเขาเห็นเป็นของธรรมดาเกินกว่าที่จะทำความรู้จักกับมัน เขาจึงขาดเครื่องมือสำคัญในอาชีพ นอกจากใช้ภาษาไทยไม่เป็นแล้ว อาจารย์อีกร้อยละ ๙๖–๙๗ ก็ใช้ภาษาอื่นไม่เป็นอีกด้วย อย่าสำคัญผิดคิดว่าเมื่อเขาใช้ภาษาไทยไม่เป็นแล้วเขาจะใช้ภาษาฝรั่งเป็น-ไม่เป็นหรอกคู้ณ
๕. อาจารย์มหาวิทยาลัยครึ่งหนึ่ง ไม่แตกฉานในเนื้อหาวิชาที่ตนสอน เมื่อคุณเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่คุณตั้งใจเรียน จึงมิใช่ความผิดของคุณทั้งหมดหรอก
๖. อาจารย์มหาวิทยาลัยกว่าครึ่ง ไม่ติดตามความก้าวหน้าในศาสตร์ที่ตนสอน ตลอดจนไม่เหลือบแล ข้อเท็จจริงในแง่การปฏิบัติการ เพราะละอายเกินไปที่จะยอมรับว่าตนยังไม่รู้อะไรอีกบ้าง
๗. อาจารย์มหาวิทยาลัยที่หย่อนประสิทธิภาพมากที่สุดได้แก่พวกที่สอนสังคมศาสตร์ เพราะเป็นสาขาวิชาที่ “รู้” ยาก และ “สอน” ยาก แต่บุคคลากรที่เข้ามาในแขนงสังคมศาสตร์กลับเป็นบุคคลากรที่มักจะด้อยคุณภาพ จึงไปกันใหญ่ไม่น่าประหลาดที่คุณไปฟังอาจารย์วิชาสังคมศาสตร์แขนงต่างๆ เช่น สังคมวิทยา สอนคุณเหมือนกับกำลังนินทาชาวบ้านให้คุณฟัง หรือไม่ก็เหมือนกับกำลังเล่าวิวัฒนาการของสังคมอเมริกาหรือสังคมจีนให้คุณฟัง ไม่ใช่สังคมไทย
๘. อาจารย์มหาวิทยาลัยที่เป็น สาวโสด มีเป็นจำนวนมาก คนกลุ่มนี้บางคนที่เขา “ทำใจ” กับวิถีชีวิตของตนเองได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่อีกส่วนหนึ่งที่ “ทำใจ” ไม่ได้จะมีผลต่องาน และอย่าลืมว่า จริงๆ แล้ว งานอาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัยนั้น เป็นงานที่demand สมาธิ, intellectual capacity, objectivity และมี pressure พอสมควร คนที่ “ไม่เป็นกันเองกับตัวเอง” รับภาระงานชนิดนี้ได้โดยยากลำบาก
๙. อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมาก มาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วยสิ่งล่อหลอกเปลือกนอกของอาชีพนี้ เช่น การได้รับการยอมรับจากสังคม การได้ไปเมืองนอก เขามิได้มาเป็นอาจารย์เพราะเขารักอาชีพครู หรือมีวิญญาณแห่งการเป็นครู เขาเป็นครูเพราะเวรกรรมพามาและในที่สุดเวรกรรมของคุณ ก็พาคุณมาพบกับพวกเขา
๑๐. โปรดระวัง อาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นบุคคลที่มักสำคัญตนผิดได้ง่ายมาก เพราะโดยอาชีพ เขาคบหาสมาคมอยู่กับคนประเภท”ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันโง่” (สำนวนอันมีชื่อเสียงของคุณวิทยากร เชียงกูล) คนเขลารุ่นนี้เริ่มฉลาดขึ้นนิดหน่อยก็จากเขาไป คนเขลาคลื่นลูกใหม่ก็มาแทนที่ชีวิตของเขาเวียนว่ายอยู่กับ “คนเขลา” รุ่นแล้วรุ่นเล่า หาที่สิ้นสุดมิได้นานๆ เข้าจึงสำคัญตนผิด คิดว่าคนทั้งโลกมันเขลากันอย่างนั้นทุกคน ตัวเองฉลาดเป็นการถาวรอยู่แต่ผู้เดียว
๑๑. ในทางกลับกัน ก็อาจเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจได้เมื่อคนเขลาๆ ที่ตนเคยพบอยู่แต่เดิม เสือกฉลาดขึ้นมากมายในอีก ๓-๔ ปี ให้หลัง
๑๒. อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมากมาเป็นอาจารย์ด้วยจิตใจที่คิดจะมา “เอา” (take) มิใช่ จะมา “ให้” (give) คือ จะมา take อภิสิทธิ์ต่างๆ ทั้งในรูปธรรมนามธรรมของการที่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เช่น ทุนการศึกษาไปต่างประเทศ ฯลฯ ฯลฯ จึงไม่น่าประหลาดใจแต่ประการใด ที่คนพวกนี้บางคน “ให้” แก่มหาวิทยาลัยได้น้อย และ “ให้” แก่นักศึกษาได้น้อย หลังจากที่ “สวาปาม” หยิบชิ้นปลามันไปรับประทานเรียบร้อยและชินชา ตลอดจนขับถ่ายหมดแล้ว
๑๓. คนที่ไม่ได้รักอาชีพครู จำนวนมากเหล่านี้ มีชีวิตประจำวันอย่างเซ็งๆ ไป ปีแล้วปีเหล่า ถึงเวลาเขาก็มา “ให้บริการ” การสอนพอให้หมด “หน้าที่” (และเขาจำกัดกรอบหน้าที่ของเขาให้แคบมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้)
๑๔. ท้ายที่สุด ในสายตาของคน “แย่ๆ” เหล่านี้ นักศึกษาจึงถูกลอยแพและเป็นเพียง “instrument” แห่งการ “ดำเนินชีวิตประจำวัน” ของเขาเท่านั้น ไม่มีความหมายมากไปกว่านั้น
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:25
คนบางคนในบอร์ดนี้ สาระไม่ต้อง พูดส่อเสียดอย่างเดียวครับ
แนะนำตัวสะขนาดนี้ เที่ยวหน้า น่าชนะ ลีนาจัง นะ ถ้าไปว่ายคลองแสนแสบ
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:28
พระพุทธเจ้ายังมีคนเกลียด คิดฆ่า อย่างผมแค่ปุถุชน ผมจึงไม่โกรธหรอกครับ สงสารคุณครับผม Take Care นะครับ
เหอๆ นี่มันกระทู้แสดงความเกรียนชัดๆ
คุณภาพ ระดับปริญญาเอก มีพฤติกรรมและสติปัญญาเท่านี้
พวกใช้จินตนาการว่า อาหารไม่ได้แพงขึ้นบ้างล่ะ โดยสำรวจแค่ในพื้นที่ กทม. บางส่วนเท่านั้น แล้วมาบอกว่า อาหารไม่ได้แพงขึ้น ถุยส์
แน่จริงเอาเรื่องนี้ไปนำเสนอเป็นงานวิจัยให้สังคมรับรู้สิ
ถ้าไม่ได้ลอกเพื่อนจบปริญญามานะ น่าจะรู้ตัวแล้วว่า ตัวเองกำลังมี Fallacy of Composition อยู่
แต่อย่างว่าล่ะครับ
ความกล้า กับ หนังหน้า ของคนเรามันไม่เท่ากันอยู่แล้ว
โถ จบแค่มหาลัยระดับ Regional ทำมาคุย
Advisor ระดับ ป.โท ของผมจบจาก U ระดับ Top 5 ของเอเชีย Top 30 ในระดับโลก เขายังไม่ ขี้อวด และ ทำตัวเสร่อแบบนี้เลย
เห็นไอ้พวกเสร่อแบบนี้เริ่มคิดอยากเรียนต่อปริญญาเอกแล้วมาแข่งกับหมาบางตัวจริงๆ
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:37
ถามจริงๆ คุณๆ ไม่สงสัยกันเลยเหรอว่าคนดีๆ ที่ไหนจะไปตีกอล์ฟก๊วนเดียวกับอมนุษย์ แล้วยังมีหน้าเอามาคุยอวดให้คนอื่นฟังอีก?
คุณไปตีกอล์ฟกับอมนุษย์แล้วยังเอาเขามานินทาให้คนอื่นฟังอีก
ผมว่าสำหรับผม มันเกินอมนุษย์ไปไกลแล้วครับ
แต่ไม่เห็นมีใครสงสัยอะไรเลย??? ผมงงมาก???
ส่วนคุณโสภณ เขาเปิดเผยตัวเอง อยู่ในที่โล่งแจ้งมาตลอด ทำอะไรตรงไปตรงมา คิดยังไง พูดอย่างนั้น ไม่แคร์ว่าคุณจะคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร
คุณควรนับถือคนอย่างนี้ โลกมันจึงจะน่าอยู่มากกว่านี้
อิจฉาละสิ
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:42
หลายความเห็นของด๊อกฯ เหมือนให้ทีมงานมาตอบมากกว่าตอบด้วยตัวเอง
ไม่ตอบตรงๆ ถามช้างตอบม้า ไม่อธิบาย แต่แปะข้อมูลของตัวเองแทน เหมือนเป็นการประชาสัมพันธ์
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:43
ถามจริงๆ คุณๆ ไม่สงสัยกันเลยเหรอว่าคนดีๆ ที่ไหนจะไปตีกอล์ฟก๊วนเดียวกับอมนุษย์ แล้วยังมีหน้าเอามาคุยอวดให้คนอื่นฟังอีก?
คุณไปตีกอล์ฟกับอมนุษย์แล้วยังเอาเขามานินทาให้คนอื่นฟังอีก
ผมว่าสำหรับผม มันเกินอมนุษย์ไปไกลแล้วครับ
แต่ไม่เห็นมีใครสงสัยอะไรเลย??? ผมงงมาก???
ส่วนคุณโสภณ เขาเปิดเผยตัวเอง อยู่ในที่โล่งแจ้งมาตลอด ทำอะไรตรงไปตรงมา คิดยังไง พูดอย่างนั้น ไม่แคร์ว่าคุณจะคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร
คุณควรนับถือคนอย่างนี้ โลกมันจึงจะน่าอยู่มากกว่านี้
อิจฉาละสิ
อิจฉาอมนุษย์เนี่ยนะ?
ผมแค่เอา Hypocrite ของแท้มาให้ดูครับ
คุณโสภณถึงเขาจะออกแนวตลกขบขัน นั่นเป็นบุคลิกเขา
แต่ตัวจริงเขาเปิดเผย ตรงไปตรงมา อยู่ในที่แจ้งตลอด ไม่เป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง
ต่างจากอมนุษย์ที่ผมยกตัวอย่าง
อันนั้น Hypocrite ของจริงครับ
ผมอยู่บนโลกนี้มานาน ผมดูคนไม่ผิดหรอก
ที่บ้าน ขาดกระจก
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:44
ถามจริงๆ คุณๆ ไม่สงสัยกันเลยเหรอว่าคนดีๆ ที่ไหนจะไปตีกอล์ฟก๊วนเดียวกับอมนุษย์ แล้วยังมีหน้าเอามาคุยอวดให้คนอื่นฟังอีก?
คุณไปตีกอล์ฟกับอมนุษย์แล้วยังเอาเขามานินทาให้คนอื่นฟังอีก
ผมว่าสำหรับผม มันเกินอมนุษย์ไปไกลแล้วครับ
แต่ไม่เห็นมีใครสงสัยอะไรเลย??? ผมงงมาก???
ส่วนคุณโสภณ เขาเปิดเผยตัวเอง อยู่ในที่โล่งแจ้งมาตลอด ทำอะไรตรงไปตรงมา คิดยังไง พูดอย่างนั้น ไม่แคร์ว่าคุณจะคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร
คุณควรนับถือคนอย่างนี้ โลกมันจึงจะน่าอยู่มากกว่านี้
อิจฉาละสิ
อิจฉาอมนุษย์เนี่ยนะ?
ผมแค่เอา Hypocrite ของแท้มาให้ดูครับ
คุณโสภณถึงเขาจะออกแนวตลกขบขัน นั่นเป็นบุคลิกเขา
แต่ตัวจริงเขาเปิดเผย ตรงไปตรงมา อยู่ในที่แจ้งตลอด ไม่เป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง
ต่างจากอมนุษย์ที่ผมยกตัวอย่าง
อันนั้น Hypocrite ของจริงครับ
ผมอยู่บนโลกนี้มานาน ผมดูคนไม่ผิดหรอก
หางออกแล้ว
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:44
ถามจริงๆ คุณๆ ไม่สงสัยกันเลยเหรอว่าคนดีๆ ที่ไหนจะไปตีกอล์ฟก๊วนเดียวกับอมนุษย์ แล้วยังมีหน้าเอามาคุยอวดให้คนอื่นฟังอีก?
คุณไปตีกอล์ฟกับอมนุษย์แล้วยังเอาเขามานินทาให้คนอื่นฟังอีก
ผมว่าสำหรับผม มันเกินอมนุษย์ไปไกลแล้วครับ
แต่ไม่เห็นมีใครสงสัยอะไรเลย??? ผมงงมาก???
ส่วนคุณโสภณ เขาเปิดเผยตัวเอง อยู่ในที่โล่งแจ้งมาตลอด ทำอะไรตรงไปตรงมา คิดยังไง พูดอย่างนั้น ไม่แคร์ว่าคุณจะคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร
คุณควรนับถือคนอย่างนี้ โลกมันจึงจะน่าอยู่มากกว่านี้
อิจฉาละสิ
อิจฉาอมนุษย์เนี่ยนะ?
ผมแค่เอา Hypocrite ของแท้มาให้ดูครับ
คุณโสภณถึงเขาจะออกแนวตลกขบขัน นั่นเป็นบุคลิกเขา
แต่ตัวจริงเขาเปิดเผย ตรงไปตรงมา อยู่ในที่แจ้งตลอด ไม่เป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง
ต่างจากอมนุษย์ที่ผมยกตัวอย่าง
อันนั้น Hypocrite ของจริงครับ
ผมอยู่บนโลกนี้มานาน ผมดูคนไม่ผิดหรอก
ตามหามานานแล้ว คนที่ดูคนไม่ผิด
บอกหน่อยจิ ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนอย่างไร
ตอบให้รอบด้านนะ
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:45
มีความคิดที่เลวมากเลยครับ แถมคงไม่เคยไปยุโรปนะครับ เขาไม่แยกเพศกันแล้วครับ ที่พักแบบนี้ เขาจัดให้นอนห้องเดียวกัน ไม่มีแยกเพศครับผม
ผมเป็นแบบอย่างความพอเพียง ลองอ่านดูครับ
ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
(พฤษภาคม 2554)ทุกท่านคงเคยได้ยินคำว่าความพอเพียงกันมามากพอสมควร วันนี้ผมจะเล่าจากประสบการณ์จริงของผมบ้างครับ เพื่อให้เห็นความพอเพียงที่แท้ที่พวกข้าราชการระดับสูง ๆ ต่างหากที่ควรน้อมนำไปปฏิบัติ
เรื่องก็คือ ผมได้รับมอบหมายจากสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทยในฐานะรองประธานให้ไปประชุม UN Global Compact ขององค์การสหประชาชาติ ที่สภาฯ เป็นองค์กรผู้แทนในประเทศไทย และผมเป็นคนประสานงานกับองค์การสหประชาชาติในเรื่องนี้ การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ในระหว่างวันที่ 16-20 พฤษภาคม ศกนี้
ตอนแรกผมก็คิดจะใช้บริการบินตรง 11 ชั่งโมงครึ่งของการบินไทยครับ แต่ค่าตั๋วชั้นประหยัดราคา 48,000 บาท ผมเลยเปลี่ยนใจไปใช้กาตาร์แอร์เวย์ ซึ่งค่าตั๋วอยู่ที่ 38,000 บาท แต่ต้องเปลี่ยนเครื่องที่กรุงโดฮาประมาณสองชั่วโมง ทำให้เวลาเดินทาง 13 ชั่วโมง แต่ผมก็ยินดีครับเพื่อประหยัดเงินให้สภาฯ บางท่านอาจอยากถามว่าแล้วทำไมผมไม่ออกเองล่ะ ผมก็คงตอบว่า งานนี้ผมช่วยด้วยการสละเวลาทำมาหากินไป 5 วันเต็มครับ
สำหรับกาตาร์แอร์เวย์ เครื่องบินก็ใหม่ อาหารดี ดนตรีไพเราะ พร้อมมีภาพยนตร์ให้ดูนับร้อยเรื่อง บริการก็ไม่แพ้ (ไม่อยากบอกว่าชนะ) การบินไทย แอร์โฮสเตสก็มีหลายสัญชาติ ให้บริการใกล้ชิดกับลูกค้าได้หลายภาษา และก็มีอายุไม่มาก เหมาะกับงานแบบนี้ ต่างกับสายการบินบางแห่งที่แอร์ฯ ชราจนน่าเป็นห่วง ซึ่งคงเป็นเพราะ (จำต้อง) เอาใจแอร์ (ลูกจ้าง) มากกว่าจะยึดเอาประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง ท่านทราบไหม ข้าราชการถูกกำหนดให้ใช้การบินไทย นี่ถ้าไม่กำหนดไว้ ป่านนี้การบินไทยจะอยู่รอดหรือไม่
ยิ่งถ้าเป็นข้าราชการระดับสูงยังได้สิทธิบินชั้นธุรกิจที่ค่าตั๋วเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 3 เท่า (ราคา 130,000 บาท) อันที่จริงถ้าเราเกรงว่าพวกข้าราชการระดับสูงจะเหนื่อยเกินไป ก็น่าให้เขาบินล่วงหน้าสัก 1 วัน และเมื่อกลับก็ให้หยุดงานได้ 1 วัน จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินมากมาย แต่ก็ไม่แน่ว่าถ้าให้พวกเขาเดินทางก่อน 1 วัน พวกเขาอาจใช้เวลาดังกล่าวไป “ช็อบสนั่น” หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งมากกว่านอนพักหรือไม่
ผมเองเดินทางไปอเมริกาปีละ 2 ครั้ง เสียค่าเครื่องบินครั้งละ 65,000 บาท ผมยังเสียดายเงินนัก ผมมักพูดเล่นออกบ่อย ๆ ว่า ถ้ามีตั๋วยืน 10,000 บาท ผมซึ่งอายุปูนนี้ยังจะยอมยืนสัก 17 ชั่วโมงเพราะสามารถประหยัดได้ถึง 55,000 บาท ผมไปรับจ้างพวกองค์การระหว่างประเทศบรรยายหรือทำวิจัย ก็ได้วันละราว ๆ นี้
ทางออกอีกทางหนึ่งในการประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็คือ การเสนอให้ข้าราชการระดับสูงที่มีสิทธินั่งตั๋วธุรกิจ ให้มีทางเลือกว่า ถ้าไม่นั่ง ส่วนต่างได้กันคนละครึ่ง คือข้าราชการผู้นั้นได้ครึ่งและคืนคลังหลวงอีกครึ่ง ผมเชื่อว่าข้าราชการหลายคนอาจยินดีรับเงินเพิ่ม ทำให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินไปอีกมาก และในปัจจุบัน ข้าราชการระดับสูง ๆ ก็ยังได้เบี้ยเลี้ยง ค่าแต่งตัวสำหรับตนเองและคู่ครอง และอื่น ๆ อีกต่างหากเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ
ในเรื่องค่าที่พัก เราควรให้ข้าราชการได้รับค่าที่พักแบบประหยัดก็พอเพราะเป็นเงินภาษีของประชาชนทั้งนั้น การให้ข้าราชการระดับสูงหรือบอร์ดรัฐวิสาหกิจไปต่างประเทศแบบหรูหรา ใช้เงินนับสิบล้านบาท ถือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินและไม่ได้เจริญรอยตามหลักความพอเพียงเลย ข้าราชการไม่พึงอ้างศักดิ์ศรีของประเทศเพราะความจริงอาจกลัวเสียโอกาสเสพสุขเกินพอเพียงต่างหาก สำหรับการเดินทางของผมในครั้งนี้ ผมยังประหยัดกว่ามาตรฐานอีก ผมจองห้องพักแบบนอนรวม 6 เตียง ค่าที่พักตกเป็นเงินคืนละ 1,700 บาทเท่านั้น แต่ถ้าผมพักแบบปกติก็คงต้องเสียค่าที่พักคืนละ 4,000-8,000 บาท
ท่านเชื่อหรือไม่คืนแรกผมโชคดีได้พักกันเพียง 2 คน มีผมกับสาวสวยชาวเกาหลี ซึ่งดูเธอก็ตกใจเล็กน้อยที่มาพักกับชายแปลกหน้าสองต่อสอง แต่ที่เดนมาร์ก เขาไม่ถือเรื่องเพศ คืนแรกผ่านไปด้วยดี คืนที่สองมีสาวสวยชาวจีนอีก 2 คนมาพักด้วย คืนที่สามมีหนุ่มญี่ปุ่นมาอีก 1 ราย ส่วนคืนสุดท้ายได้ปู่อายุ 70 ปีชาวเบลเยียมมานอนครบ 6 เตียงพอดี โชคร้ายหน่อยที่ปู่แกกรนหนัก
ผมยังถือปฏิบัติ “ยิ่งกว่าความพอเพียง” อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การเดินทางระหว่างโรงแรมที่พักกับที่ประชุม ซึ่งอยู่ห่างไกลกัน 3.5 กิโลเมตร มีทางเลือกหลายทาง เช่น นั่งแท็กซี่ รถไฟ หรือรถประจำทาง ซึ่งก็ยังต้องเดินอีกพอสมควร หรือไม่ก็เช่ารถจักรยานสองล้อ ซึ่งผมขี่เป็นประจำตอนเรียนอยู่เบลเยียมเมื่อ 25 ปีก่อน แต่ตอนนี้คงไม่ไหวแล้ว สุดท้ายผมเลือกการเดินครับ ผมเดินวันละประมาณ 8-10 กิโลเมตร เพื่อไปประชุมและเดินชมเมือง บางวันที่เดิน ผมถือร่มด้วยเพราะฝนตก แต่วันหลัง ๆ ฟ้าโปร่งก็เลยสบาย
ผมไม่อายที่เล่าเรื่องข้างต้นให้ฟังเพราะฝรั่งเองก็ใช้ชีวิตแบบนี้ แม้เรามีฐานะที่ดีกว่าแต่ก็ควรอยู่อย่าง “ติดดิน” บ้าง จะได้ไม่กลายเป็นศักดินาบนหอคอยที่ไม่เห็นหัวของปุถุชน อย่างไรก็ตามสาระสำคัญที่ผมอยากบอกก็คือ พวกข้าราชการใหญ่โตที่ควรน้อมนำความพอเพียงมาใช้ กลับไม่นำพา พวกเขาอ้างว่าทำงานรับใช้ประชาชนและราชบัลลังก์ แต่กลับเสพสุขกันโดยใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชนอย่างสุรุ่ยสุร่าย เรื่องนี้ไม่มีใครคิดแก้ไขเพราะต่างเป็นอภิสิทธิ์ชนส่วนน้อยที่ได้รับแจกจ่ายประโยชน์กันถ้วนหน้า และนับวันประโยชน์เหล่านี้จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ในทางตรงกันข้ามหน่วยงานของรัฐกลับพยายามประชาสัมพันธ์เรื่องความพอเพียงอย่างเป็นบ้าเป็นหลังให้กับ ประชาชนนำไปปฏิบัติกันฝ่ายเดียว
เส้นทางเดินจากที่พัก สู่ที่ประชุมนานาชาติ
My wife felt a bit angry that I drag this 700 pound Dunhill luggage to the hotel instead of taking a taxi.
ถูกภริยาต่อว่าใหญ่เลย!!! ที่เดินลากกระเป๋าจากสถานีรถไฟไปโรงแรม เพราะกระเป๋าใบนี้ราคา 40,000 บาท!!! เธอกลัวกระเป๋าเปื้อน-ล้อสึก สั่งให้นั่งแท็กซี่ นับเป็นของที่แพงที่สุดที่ผมพาไปในครั้งนี้
I humbly stayed here in Copenhagen.
น่าขายหน้านัก ...'เศรษฐกิจพอเพียง' จริงๆ
ผมนอนแบบนี้ 6 เตียงใน 1 ห้องที่โคเปนเฮเกนครับ ยังล่อไป 7,000 บาทสำหรับ 4 คืน พอดีอยากประหยัดเงินให้สภาองค์การนายจ้างฯ ที่ออกเงินให้ (ผมสละเวลาทำงานและออกแรงไป) ผมไม่อายเลยเอามาให้ดูครับ ไปคนเดียวเลยลุยซะหน่อย จะได้ทดสอบว่ายังหนุ่มอยู่ (ฮา) คืนแรกโชคดีมีสาวเกาหลีคราวลูกอยู่ด้วย คืนสองเจอสาวจีนอีก 2 รวมนอน 4 คน คืนสามมีหนุ่มยุ่นมาผสมโรง คืนที่ 4 สุดท้ายมีเฒ่าเบลเยียมอีก 1 ครบ 6 พอดี!
ส่วนมากห้อง dorm แยกชาย หญิง
เจตนาเลือก mix dorm
แค่นี้ก็รู้แล้วเป็นคนแบบไหน
อ่านหนังสือไม่แตก
ส่วนมากห้อง dorm แยกชาย หญิง
ตัวเองเลือกห้องแบบ mix แถมบอกเองว่า "โชคดีมีสาวเกาหลีคราวลูกอยู่ด้วย"
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:48
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:49
ยังมีความคิดเลวไม่สร่างนะครับผม ที่นั่นเขาไม่แยกเพศ และอายุ 1 ห้องมี 6 เตียงครับ ไม่รู้ ผมก็อุตส่าห์ให้การศึกษาก็แล้ว ก็ยังเป็นอย่างนี้อีก วิญญูชนพึงสังวร อย่าให้เป็นแบบนี้นะครับ
มีความคิดที่เลวมากเลยครับ แถมคงไม่เคยไปยุโรปนะครับ เขาไม่แยกเพศกันแล้วครับ ที่พักแบบนี้ เขาจัดให้นอนห้องเดียวกัน ไม่มีแยกเพศครับผม
ผมเป็นแบบอย่างความพอเพียง ลองอ่านดูครับ
ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
(พฤษภาคม 2554)ทุกท่านคงเคยได้ยินคำว่าความพอเพียงกันมามากพอสมควร วันนี้ผมจะเล่าจากประสบการณ์จริงของผมบ้างครับ เพื่อให้เห็นความพอเพียงที่แท้ที่พวกข้าราชการระดับสูง ๆ ต่างหากที่ควรน้อมนำไปปฏิบัติ
เรื่องก็คือ ผมได้รับมอบหมายจากสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทยในฐานะรองประธานให้ไปประชุม UN Global Compact ขององค์การสหประชาชาติ ที่สภาฯ เป็นองค์กรผู้แทนในประเทศไทย และผมเป็นคนประสานงานกับองค์การสหประชาชาติในเรื่องนี้ การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ในระหว่างวันที่ 16-20 พฤษภาคม ศกนี้
ตอนแรกผมก็คิดจะใช้บริการบินตรง 11 ชั่งโมงครึ่งของการบินไทยครับ แต่ค่าตั๋วชั้นประหยัดราคา 48,000 บาท ผมเลยเปลี่ยนใจไปใช้กาตาร์แอร์เวย์ ซึ่งค่าตั๋วอยู่ที่ 38,000 บาท แต่ต้องเปลี่ยนเครื่องที่กรุงโดฮาประมาณสองชั่วโมง ทำให้เวลาเดินทาง 13 ชั่วโมง แต่ผมก็ยินดีครับเพื่อประหยัดเงินให้สภาฯ บางท่านอาจอยากถามว่าแล้วทำไมผมไม่ออกเองล่ะ ผมก็คงตอบว่า งานนี้ผมช่วยด้วยการสละเวลาทำมาหากินไป 5 วันเต็มครับ
สำหรับกาตาร์แอร์เวย์ เครื่องบินก็ใหม่ อาหารดี ดนตรีไพเราะ พร้อมมีภาพยนตร์ให้ดูนับร้อยเรื่อง บริการก็ไม่แพ้ (ไม่อยากบอกว่าชนะ) การบินไทย แอร์โฮสเตสก็มีหลายสัญชาติ ให้บริการใกล้ชิดกับลูกค้าได้หลายภาษา และก็มีอายุไม่มาก เหมาะกับงานแบบนี้ ต่างกับสายการบินบางแห่งที่แอร์ฯ ชราจนน่าเป็นห่วง ซึ่งคงเป็นเพราะ (จำต้อง) เอาใจแอร์ (ลูกจ้าง) มากกว่าจะยึดเอาประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง ท่านทราบไหม ข้าราชการถูกกำหนดให้ใช้การบินไทย นี่ถ้าไม่กำหนดไว้ ป่านนี้การบินไทยจะอยู่รอดหรือไม่
ยิ่งถ้าเป็นข้าราชการระดับสูงยังได้สิทธิบินชั้นธุรกิจที่ค่าตั๋วเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 3 เท่า (ราคา 130,000 บาท) อันที่จริงถ้าเราเกรงว่าพวกข้าราชการระดับสูงจะเหนื่อยเกินไป ก็น่าให้เขาบินล่วงหน้าสัก 1 วัน และเมื่อกลับก็ให้หยุดงานได้ 1 วัน จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินมากมาย แต่ก็ไม่แน่ว่าถ้าให้พวกเขาเดินทางก่อน 1 วัน พวกเขาอาจใช้เวลาดังกล่าวไป “ช็อบสนั่น” หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งมากกว่านอนพักหรือไม่
ผมเองเดินทางไปอเมริกาปีละ 2 ครั้ง เสียค่าเครื่องบินครั้งละ 65,000 บาท ผมยังเสียดายเงินนัก ผมมักพูดเล่นออกบ่อย ๆ ว่า ถ้ามีตั๋วยืน 10,000 บาท ผมซึ่งอายุปูนนี้ยังจะยอมยืนสัก 17 ชั่วโมงเพราะสามารถประหยัดได้ถึง 55,000 บาท ผมไปรับจ้างพวกองค์การระหว่างประเทศบรรยายหรือทำวิจัย ก็ได้วันละราว ๆ นี้
ทางออกอีกทางหนึ่งในการประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็คือ การเสนอให้ข้าราชการระดับสูงที่มีสิทธินั่งตั๋วธุรกิจ ให้มีทางเลือกว่า ถ้าไม่นั่ง ส่วนต่างได้กันคนละครึ่ง คือข้าราชการผู้นั้นได้ครึ่งและคืนคลังหลวงอีกครึ่ง ผมเชื่อว่าข้าราชการหลายคนอาจยินดีรับเงินเพิ่ม ทำให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินไปอีกมาก และในปัจจุบัน ข้าราชการระดับสูง ๆ ก็ยังได้เบี้ยเลี้ยง ค่าแต่งตัวสำหรับตนเองและคู่ครอง และอื่น ๆ อีกต่างหากเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ
ในเรื่องค่าที่พัก เราควรให้ข้าราชการได้รับค่าที่พักแบบประหยัดก็พอเพราะเป็นเงินภาษีของประชาชนทั้งนั้น การให้ข้าราชการระดับสูงหรือบอร์ดรัฐวิสาหกิจไปต่างประเทศแบบหรูหรา ใช้เงินนับสิบล้านบาท ถือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินและไม่ได้เจริญรอยตามหลักความพอเพียงเลย ข้าราชการไม่พึงอ้างศักดิ์ศรีของประเทศเพราะความจริงอาจกลัวเสียโอกาสเสพสุขเกินพอเพียงต่างหาก สำหรับการเดินทางของผมในครั้งนี้ ผมยังประหยัดกว่ามาตรฐานอีก ผมจองห้องพักแบบนอนรวม 6 เตียง ค่าที่พักตกเป็นเงินคืนละ 1,700 บาทเท่านั้น แต่ถ้าผมพักแบบปกติก็คงต้องเสียค่าที่พักคืนละ 4,000-8,000 บาท
ท่านเชื่อหรือไม่คืนแรกผมโชคดีได้พักกันเพียง 2 คน มีผมกับสาวสวยชาวเกาหลี ซึ่งดูเธอก็ตกใจเล็กน้อยที่มาพักกับชายแปลกหน้าสองต่อสอง แต่ที่เดนมาร์ก เขาไม่ถือเรื่องเพศ คืนแรกผ่านไปด้วยดี คืนที่สองมีสาวสวยชาวจีนอีก 2 คนมาพักด้วย คืนที่สามมีหนุ่มญี่ปุ่นมาอีก 1 ราย ส่วนคืนสุดท้ายได้ปู่อายุ 70 ปีชาวเบลเยียมมานอนครบ 6 เตียงพอดี โชคร้ายหน่อยที่ปู่แกกรนหนัก
ผมยังถือปฏิบัติ “ยิ่งกว่าความพอเพียง” อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การเดินทางระหว่างโรงแรมที่พักกับที่ประชุม ซึ่งอยู่ห่างไกลกัน 3.5 กิโลเมตร มีทางเลือกหลายทาง เช่น นั่งแท็กซี่ รถไฟ หรือรถประจำทาง ซึ่งก็ยังต้องเดินอีกพอสมควร หรือไม่ก็เช่ารถจักรยานสองล้อ ซึ่งผมขี่เป็นประจำตอนเรียนอยู่เบลเยียมเมื่อ 25 ปีก่อน แต่ตอนนี้คงไม่ไหวแล้ว สุดท้ายผมเลือกการเดินครับ ผมเดินวันละประมาณ 8-10 กิโลเมตร เพื่อไปประชุมและเดินชมเมือง บางวันที่เดิน ผมถือร่มด้วยเพราะฝนตก แต่วันหลัง ๆ ฟ้าโปร่งก็เลยสบาย
ผมไม่อายที่เล่าเรื่องข้างต้นให้ฟังเพราะฝรั่งเองก็ใช้ชีวิตแบบนี้ แม้เรามีฐานะที่ดีกว่าแต่ก็ควรอยู่อย่าง “ติดดิน” บ้าง จะได้ไม่กลายเป็นศักดินาบนหอคอยที่ไม่เห็นหัวของปุถุชน อย่างไรก็ตามสาระสำคัญที่ผมอยากบอกก็คือ พวกข้าราชการใหญ่โตที่ควรน้อมนำความพอเพียงมาใช้ กลับไม่นำพา พวกเขาอ้างว่าทำงานรับใช้ประชาชนและราชบัลลังก์ แต่กลับเสพสุขกันโดยใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชนอย่างสุรุ่ยสุร่าย เรื่องนี้ไม่มีใครคิดแก้ไขเพราะต่างเป็นอภิสิทธิ์ชนส่วนน้อยที่ได้รับแจกจ่ายประโยชน์กันถ้วนหน้า และนับวันประโยชน์เหล่านี้จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ในทางตรงกันข้ามหน่วยงานของรัฐกลับพยายามประชาสัมพันธ์เรื่องความพอเพียงอย่างเป็นบ้าเป็นหลังให้กับ ประชาชนนำไปปฏิบัติกันฝ่ายเดียว
เส้นทางเดินจากที่พัก สู่ที่ประชุมนานาชาติ
My wife felt a bit angry that I drag this 700 pound Dunhill luggage to the hotel instead of taking a taxi.
ถูกภริยาต่อว่าใหญ่เลย!!! ที่เดินลากกระเป๋าจากสถานีรถไฟไปโรงแรม เพราะกระเป๋าใบนี้ราคา 40,000 บาท!!! เธอกลัวกระเป๋าเปื้อน-ล้อสึก สั่งให้นั่งแท็กซี่ นับเป็นของที่แพงที่สุดที่ผมพาไปในครั้งนี้
I humbly stayed here in Copenhagen.
น่าขายหน้านัก ...'เศรษฐกิจพอเพียง' จริงๆ
ผมนอนแบบนี้ 6 เตียงใน 1 ห้องที่โคเปนเฮเกนครับ ยังล่อไป 7,000 บาทสำหรับ 4 คืน พอดีอยากประหยัดเงินให้สภาองค์การนายจ้างฯ ที่ออกเงินให้ (ผมสละเวลาทำงานและออกแรงไป) ผมไม่อายเลยเอามาให้ดูครับ ไปคนเดียวเลยลุยซะหน่อย จะได้ทดสอบว่ายังหนุ่มอยู่ (ฮา) คืนแรกโชคดีมีสาวเกาหลีคราวลูกอยู่ด้วย คืนสองเจอสาวจีนอีก 2 รวมนอน 4 คน คืนสามมีหนุ่มยุ่นมาผสมโรง คืนที่ 4 สุดท้ายมีเฒ่าเบลเยียมอีก 1 ครบ 6 พอดี!
ส่วนมากห้อง dorm แยกชาย หญิง
เจตนาเลือก mix dorm
แค่นี้ก็รู้แล้วเป็นคนแบบไหน
อ่านหนังสือไม่แตก
ส่วนมากห้อง dorm แยกชาย หญิง
ตัวเองเลือกห้องแบบ mix แถมบอกเองว่า "โชคดีมีสาวเกาหลีคราวลูกอยู่ด้วย"
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:52
อย่าใส่ไคล้ ตัดแปะ นะครับ ผมคนเดียว log in เดียว ไม่มีใครอื่นครับผม
คนจริงกล้าเปิดเผย ขนาดนี้ ไม่โกหกครับ
ผมไม่ได้เป็นหน้าม้าคุณโสภณนะ แต่ผมว่าคุณโสภณแกเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ดัดจริตเสแสร้งเหมือนสมาชิกส่วนใหญ่ของที่นี่
แกมั่นใจว่าแกมีดี มีความรู้มีความสามารถ ทำประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์ชาติได้ แกก็กล้าประกาศตัวชัดเจน
ต่างจากบางคนที่ไม่รู้จะหาใครมาชื่นชมหรือสนใจ ก็แกล้งออกมาประกาศตัวแบบอีแอบ อ้างตัวเองเป็นบุคคลสาธารณะเหมือนด็อกเพื่อเรียกร้องความสนใจ
อยากให้คนสนใจอยากรู้ประวัติตัวเอง ถึงขนาดเคยตั้งกระทู้เรื่องตัวเอง
แต่กลับไม่มีใครสนใจ ผมเห็นแต่ทำลับๆ ล่อๆ อวดอ้างดีกอล์ฟกับคนโน้นคนนี้ เห็นก๊วนกอล์ฟที่เอามาแอบอ้างมีแต่เหล่าอมนุษย์มือสกปรกทั้งนั้น
แต่กลับไม่มีใครเคยถามหรือสงสัยว่าคนดีๆ ที่ไหนเขาจะไปมั่วสุมกับเหล่าอมนุษย์ แล้วยังมีหน้าเอามาอวดโม้ให้สมาชิก สรท ฟังอีก
คุณโสภณเขาเอาประวัติการทำงาน ผลงานที่เขาเคยทำมาให้ดู แต่อมนุษย์ที่ชอบยกยอตัวเองผมไม่เคยเห็นเขาเอาผลงานการทำประโยชน์อะไรกับประเทศชาติมาให้ดูเลย มีแต่ผลงานการไปตีกอล์ฟกับอมนุษย์คนโน้น อมนุษย์คนนี้ ก็เห็นคนที่นี่เฮฮากับเขาดี แล้วอ้างว่าตัวเองเป็นคนดีมีคุณธรรม
โลกนี้มันแปลกแต่จริง
กระทู้เดียว เล่นเอา 3 ลอคอินเลยหรือ ไอ้ลี
จุ๊ๆๆ อย่าอึงไป
ดร อย่าพึ่งร้อนตัวครับ
ผมไม่ได้เอ่ยชื่อ ดร เลยสักคำครับ
ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ
เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน
จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:54
ยังมีความคิดเลวไม่สร่างนะครับผม ที่นั่นเขาไม่แยกเพศ และอายุ 1 ห้องมี 6 เตียงครับ ไม่รู้ ผมก็อุตส่าห์ให้การศึกษาก็แล้ว ก็ยังเป็นอย่างนี้อีก วิญญูชนพึงสังวร อย่าให้เป็นแบบนี้นะครับ
มีความคิดที่เลวมากเลยครับ แถมคงไม่เคยไปยุโรปนะครับ เขาไม่แยกเพศกันแล้วครับ ที่พักแบบนี้ เขาจัดให้นอนห้องเดียวกัน ไม่มีแยกเพศครับผม
ผมเป็นแบบอย่างความพอเพียง ลองอ่านดูครับ
ความพอเพียงตอนไปต่างประเทศ
(พฤษภาคม 2554)ทุกท่านคงเคยได้ยินคำว่าความพอเพียงกันมามากพอสมควร วันนี้ผมจะเล่าจากประสบการณ์จริงของผมบ้างครับ เพื่อให้เห็นความพอเพียงที่แท้ที่พวกข้าราชการระดับสูง ๆ ต่างหากที่ควรน้อมนำไปปฏิบัติ
เรื่องก็คือ ผมได้รับมอบหมายจากสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทยในฐานะรองประธานให้ไปประชุม UN Global Compact ขององค์การสหประชาชาติ ที่สภาฯ เป็นองค์กรผู้แทนในประเทศไทย และผมเป็นคนประสานงานกับองค์การสหประชาชาติในเรื่องนี้ การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ในระหว่างวันที่ 16-20 พฤษภาคม ศกนี้
ตอนแรกผมก็คิดจะใช้บริการบินตรง 11 ชั่งโมงครึ่งของการบินไทยครับ แต่ค่าตั๋วชั้นประหยัดราคา 48,000 บาท ผมเลยเปลี่ยนใจไปใช้กาตาร์แอร์เวย์ ซึ่งค่าตั๋วอยู่ที่ 38,000 บาท แต่ต้องเปลี่ยนเครื่องที่กรุงโดฮาประมาณสองชั่วโมง ทำให้เวลาเดินทาง 13 ชั่วโมง แต่ผมก็ยินดีครับเพื่อประหยัดเงินให้สภาฯ บางท่านอาจอยากถามว่าแล้วทำไมผมไม่ออกเองล่ะ ผมก็คงตอบว่า งานนี้ผมช่วยด้วยการสละเวลาทำมาหากินไป 5 วันเต็มครับ
สำหรับกาตาร์แอร์เวย์ เครื่องบินก็ใหม่ อาหารดี ดนตรีไพเราะ พร้อมมีภาพยนตร์ให้ดูนับร้อยเรื่อง บริการก็ไม่แพ้ (ไม่อยากบอกว่าชนะ) การบินไทย แอร์โฮสเตสก็มีหลายสัญชาติ ให้บริการใกล้ชิดกับลูกค้าได้หลายภาษา และก็มีอายุไม่มาก เหมาะกับงานแบบนี้ ต่างกับสายการบินบางแห่งที่แอร์ฯ ชราจนน่าเป็นห่วง ซึ่งคงเป็นเพราะ (จำต้อง) เอาใจแอร์ (ลูกจ้าง) มากกว่าจะยึดเอาประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นที่ตั้ง ท่านทราบไหม ข้าราชการถูกกำหนดให้ใช้การบินไทย นี่ถ้าไม่กำหนดไว้ ป่านนี้การบินไทยจะอยู่รอดหรือไม่
ยิ่งถ้าเป็นข้าราชการระดับสูงยังได้สิทธิบินชั้นธุรกิจที่ค่าตั๋วเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 3 เท่า (ราคา 130,000 บาท) อันที่จริงถ้าเราเกรงว่าพวกข้าราชการระดับสูงจะเหนื่อยเกินไป ก็น่าให้เขาบินล่วงหน้าสัก 1 วัน และเมื่อกลับก็ให้หยุดงานได้ 1 วัน จะได้ไม่ต้องเปลืองเงินมากมาย แต่ก็ไม่แน่ว่าถ้าให้พวกเขาเดินทางก่อน 1 วัน พวกเขาอาจใช้เวลาดังกล่าวไป “ช็อบสนั่น” หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งมากกว่านอนพักหรือไม่
ผมเองเดินทางไปอเมริกาปีละ 2 ครั้ง เสียค่าเครื่องบินครั้งละ 65,000 บาท ผมยังเสียดายเงินนัก ผมมักพูดเล่นออกบ่อย ๆ ว่า ถ้ามีตั๋วยืน 10,000 บาท ผมซึ่งอายุปูนนี้ยังจะยอมยืนสัก 17 ชั่วโมงเพราะสามารถประหยัดได้ถึง 55,000 บาท ผมไปรับจ้างพวกองค์การระหว่างประเทศบรรยายหรือทำวิจัย ก็ได้วันละราว ๆ นี้
ทางออกอีกทางหนึ่งในการประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็คือ การเสนอให้ข้าราชการระดับสูงที่มีสิทธินั่งตั๋วธุรกิจ ให้มีทางเลือกว่า ถ้าไม่นั่ง ส่วนต่างได้กันคนละครึ่ง คือข้าราชการผู้นั้นได้ครึ่งและคืนคลังหลวงอีกครึ่ง ผมเชื่อว่าข้าราชการหลายคนอาจยินดีรับเงินเพิ่ม ทำให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินไปอีกมาก และในปัจจุบัน ข้าราชการระดับสูง ๆ ก็ยังได้เบี้ยเลี้ยง ค่าแต่งตัวสำหรับตนเองและคู่ครอง และอื่น ๆ อีกต่างหากเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ
ในเรื่องค่าที่พัก เราควรให้ข้าราชการได้รับค่าที่พักแบบประหยัดก็พอเพราะเป็นเงินภาษีของประชาชนทั้งนั้น การให้ข้าราชการระดับสูงหรือบอร์ดรัฐวิสาหกิจไปต่างประเทศแบบหรูหรา ใช้เงินนับสิบล้านบาท ถือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินและไม่ได้เจริญรอยตามหลักความพอเพียงเลย ข้าราชการไม่พึงอ้างศักดิ์ศรีของประเทศเพราะความจริงอาจกลัวเสียโอกาสเสพสุขเกินพอเพียงต่างหาก สำหรับการเดินทางของผมในครั้งนี้ ผมยังประหยัดกว่ามาตรฐานอีก ผมจองห้องพักแบบนอนรวม 6 เตียง ค่าที่พักตกเป็นเงินคืนละ 1,700 บาทเท่านั้น แต่ถ้าผมพักแบบปกติก็คงต้องเสียค่าที่พักคืนละ 4,000-8,000 บาท
ท่านเชื่อหรือไม่คืนแรกผมโชคดีได้พักกันเพียง 2 คน มีผมกับสาวสวยชาวเกาหลี ซึ่งดูเธอก็ตกใจเล็กน้อยที่มาพักกับชายแปลกหน้าสองต่อสอง แต่ที่เดนมาร์ก เขาไม่ถือเรื่องเพศ คืนแรกผ่านไปด้วยดี คืนที่สองมีสาวสวยชาวจีนอีก 2 คนมาพักด้วย คืนที่สามมีหนุ่มญี่ปุ่นมาอีก 1 ราย ส่วนคืนสุดท้ายได้ปู่อายุ 70 ปีชาวเบลเยียมมานอนครบ 6 เตียงพอดี โชคร้ายหน่อยที่ปู่แกกรนหนัก
ผมยังถือปฏิบัติ “ยิ่งกว่าความพอเพียง” อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การเดินทางระหว่างโรงแรมที่พักกับที่ประชุม ซึ่งอยู่ห่างไกลกัน 3.5 กิโลเมตร มีทางเลือกหลายทาง เช่น นั่งแท็กซี่ รถไฟ หรือรถประจำทาง ซึ่งก็ยังต้องเดินอีกพอสมควร หรือไม่ก็เช่ารถจักรยานสองล้อ ซึ่งผมขี่เป็นประจำตอนเรียนอยู่เบลเยียมเมื่อ 25 ปีก่อน แต่ตอนนี้คงไม่ไหวแล้ว สุดท้ายผมเลือกการเดินครับ ผมเดินวันละประมาณ 8-10 กิโลเมตร เพื่อไปประชุมและเดินชมเมือง บางวันที่เดิน ผมถือร่มด้วยเพราะฝนตก แต่วันหลัง ๆ ฟ้าโปร่งก็เลยสบาย
ผมไม่อายที่เล่าเรื่องข้างต้นให้ฟังเพราะฝรั่งเองก็ใช้ชีวิตแบบนี้ แม้เรามีฐานะที่ดีกว่าแต่ก็ควรอยู่อย่าง “ติดดิน” บ้าง จะได้ไม่กลายเป็นศักดินาบนหอคอยที่ไม่เห็นหัวของปุถุชน อย่างไรก็ตามสาระสำคัญที่ผมอยากบอกก็คือ พวกข้าราชการใหญ่โตที่ควรน้อมนำความพอเพียงมาใช้ กลับไม่นำพา พวกเขาอ้างว่าทำงานรับใช้ประชาชนและราชบัลลังก์ แต่กลับเสพสุขกันโดยใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชนอย่างสุรุ่ยสุร่าย เรื่องนี้ไม่มีใครคิดแก้ไขเพราะต่างเป็นอภิสิทธิ์ชนส่วนน้อยที่ได้รับแจกจ่ายประโยชน์กันถ้วนหน้า และนับวันประโยชน์เหล่านี้จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ในทางตรงกันข้ามหน่วยงานของรัฐกลับพยายามประชาสัมพันธ์เรื่องความพอเพียงอย่างเป็นบ้าเป็นหลังให้กับ ประชาชนนำไปปฏิบัติกันฝ่ายเดียว
เส้นทางเดินจากที่พัก สู่ที่ประชุมนานาชาติ
My wife felt a bit angry that I drag this 700 pound Dunhill luggage to the hotel instead of taking a taxi.
ถูกภริยาต่อว่าใหญ่เลย!!! ที่เดินลากกระเป๋าจากสถานีรถไฟไปโรงแรม เพราะกระเป๋าใบนี้ราคา 40,000 บาท!!! เธอกลัวกระเป๋าเปื้อน-ล้อสึก สั่งให้นั่งแท็กซี่ นับเป็นของที่แพงที่สุดที่ผมพาไปในครั้งนี้
I humbly stayed here in Copenhagen.
น่าขายหน้านัก ...'เศรษฐกิจพอเพียง' จริงๆ
ผมนอนแบบนี้ 6 เตียงใน 1 ห้องที่โคเปนเฮเกนครับ ยังล่อไป 7,000 บาทสำหรับ 4 คืน พอดีอยากประหยัดเงินให้สภาองค์การนายจ้างฯ ที่ออกเงินให้ (ผมสละเวลาทำงานและออกแรงไป) ผมไม่อายเลยเอามาให้ดูครับ ไปคนเดียวเลยลุยซะหน่อย จะได้ทดสอบว่ายังหนุ่มอยู่ (ฮา) คืนแรกโชคดีมีสาวเกาหลีคราวลูกอยู่ด้วย คืนสองเจอสาวจีนอีก 2 รวมนอน 4 คน คืนสามมีหนุ่มยุ่นมาผสมโรง คืนที่ 4 สุดท้ายมีเฒ่าเบลเยียมอีก 1 ครบ 6 พอดี!
ส่วนมากห้อง dorm แยกชาย หญิง
เจตนาเลือก mix dorm
แค่นี้ก็รู้แล้วเป็นคนแบบไหน
อ่านหนังสือไม่แตก
ส่วนมากห้อง dorm แยกชาย หญิง
ตัวเองเลือกห้องแบบ mix แถมบอกเองว่า "โชคดีมีสาวเกาหลีคราวลูกอยู่ด้วย
ไม่ได้บอกว่าไม่มี Mix dorm
dorm 4 dorm 6 มีทั้งแบบแยกชายหญิง และแบบรวม
คุณเขียนเองจะให้คนอ่านคิดแบบอื่นได้ไง
ตอบ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:58
เห็นสไตล์ด๊อกฯ ตอบกระทู้ ทำให้นึกถึง Mark Lover อีกคนเลยแฮะ
อะไรที่ตอบไม่ได้ ถามช้าง ก็ตอบม้า ... อันไหนดริฟท์ไม่ได้ ก็แกล้งตาบอดมองไม่เห็นคำถามไป
อันไหนที่ต้องตอบฟันธง ก็เลี่ยงบาลี เอานู่นเอานี่มาแปะ ... ถ้าตอบกระทู้แบบนี้ ตำแหน่งด๊อกฯ ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้นะ
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน