ถ้าไม่เห็นเหลือบ่ากว่าแรง ผมจะไม่ค่อยค้านนะครับ เพราะเคารพสิทธิ์ทุกท่านที่จะเห็นต่าง
แต่เรื่องนี้ต้องขออธิบายหน่อย เฉพาะตัวแดงนะครับ
อย่างที่บอก หาจุดพอดีให้เจอ ผมไม่ได้บอกว่าเราต้องเป็นเสื้อแดงที่ชื่นชมไปซะหมด 1.แต่ก็ไม่ถึงขั้นคิดแต่จะล้มล้างเพียงอย่างเดียว
คิดซะว่าเป็นการเตือนสติ ผมเองก็ใช่ว่าฟังมาแค่นั้นแล้วจะทำให้ชอบตระกูลนี้ได้(ยกเว้นบรรพบุรุษเค้าที่ 2.เคยสร้างคุณงามความดี ดูแลอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น) แต่ก็ทำให้ลดความเคียดแค้นชิงชังลงได้ 3.ลดความวิตกกังวลว่าบ้านเมืองจะพินาศล่มจมลงได้ ผมเองก็ได้แต่หวังว่าสักวันพวกคุณจะได้พบเจอท่านแล้วจะได้สบายใจอย่างผมบ้าง แต่ก็เปรียบเหมือนสิ่งมีค่าที่สุดเราย่อมรักษาไว้ไม่บอกให้ใครรู้เพราะเกรงกลัวภยันตราย ฉันใดก็ฉันนั้น ผมก็แค่จะมาบอกให้ได้สบายใจกัน 4.เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์สิ่งที่ผมพูดเองครับ
สิ่งที่ผมเชื่อและศรัทธาไม่ได้เป้นจากตัวยิ่งลักษณ์เพราะผมยังไม่เห็นข้อดีของเธอ(หรือเพราะอคติบังตาก็ไม่ทราบ) 5. แต่ผมเคารพศรัทธาผู้มีบารมีท่านนี้ ซึ่งท่านช่วยเหลือมาหลายรัฐบาลไม่ได้เกี่ยงว่าเป็นฝ่ายไหน แต่ถึงเวลานี้มันเป็นยุคของยิ่งลักษณ์และท่านก็เตือนผมมาแบบนี้ ผมอาจจะเชื่อคนง่ายก็ได้ แต่ผมแค่หวังดีกับชาวเสรีไทยจึงได้มาเตือน
ยิ่งลักษณ์เองก็มีแต่คนด่าว่า 6. แต่เธอก็มีความอดทน (เมื่อก่อนผมก็คิดว่านั่นคือความหน้าด้าน แต่ถ้ามองทางธรรมนั่นคือขันติ) 7.ถ้าเธอดำรงตนไปในทางที่ถูกต้องไม่ทำผิดแบบพี่ชาย แม้เธอจะไม่มีสมองนักแต่ได้ที่ปรึกษาดี แล้วเธอยอมทำตามโดยดี ทำให้ประเทศเจริญได้ ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดีนะครับ
ตอบทีละข้อ ใช้สมองส่วนเหตุผล ซึ่งเป็นส่วนหน้า เรียกว่าซีรีบรัล คอร์เท็กซ์ ร่วมกับสมองส่วนสามัญสำนึก เรียกว่าคอร์ปัส คาโลซัม
(common sense=the basic level of practical knowledge and judgment that we all need to help us live in a reasonable and safe way)
ตอบทีละข้อ
1. ความชั่วประดุจต้นไม้ใหญ่ที่มีพิษ หากเราเพียงหักโค่นต้นไม้ลงแล้วไม่ถอนรากถอนโคน
รากแก้วนั้นก็สร้างพิษต่อไปเรื่อยๆไม่จบ
นอกจากทำมให้สังคมเกิดอันตรายเพิ่มขึ้น ผู้กระทำยังก่อเวรก่อกรรมมากขึ้นด้วย
การหักโค่นล้มล้าง ไม่จำเป็นต้องทำด้วยความเกลียดชังเพียงอย่างเดียว
แต่สามารถกระทำด้วยความรักต่อสังคมอย่างสูงสุด ทำเพื่อให้สังคม ให้ชาติบ้านเมือง รอดพ้นจากอันตรายจากระบบที่ชั่ว คนที่ชั่ว
และอาจกระทำได้ด้วยความเมตตากรุณาต่อคนชั่วนั้น คือหยุดยั่งไม่ให้เขากระทำผิดเพิ่มเติมอย่างเด็ดขาด ช่วยไม่ให้เขาก่อเวรขึ้นอีก
จิตเจตนาคือเรื่องสำคัญสูงสุดในการกระทำการใดๆ
2. ข้อนี้ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งหาได้ง่ายๆ ไม่ต้องใช้วาระจิตหรือญาณ
ว่าในอดีต บรรพบุรุษเคยรับใช้หลวงปู่จริงหรือไม่ เพราะไม่ได้สาวไปไกลถึงพุทธกาล
หากไม่มีหลักฐาน ก็เป็นเพียง Hearsay-เขาเล่าว่า
3. การได้รับฟัง Hearsay แล้วลดความวิตกกังวลลงได้ โดยปราศจากหลักฐานเชิงประจักษ์
วิธีคิดเช่นนี้ ไม่ใช่วิถีพุทธ
และไม่ใช่หลักกาลามสูตรข้อ 10 "อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)"
หากเพียงสดับฟังครูบอก ท่านก็เชื่อแล้ว แบบนี้มิใช่พุทธจิต
4. กาลเวลาต้องสอดคล้องกับการกระทำ
เราไม่จำเป็นต้อง "รอกาลเวลา" เพียงอย่างเดียว ต้องดูที่ "กรรมปัจจุบัน" ด้วย จะสามารถคาดการณ์อนาคตได้เลย
เพราะอดีตเป็นเครื่องส่งมาปัจจุบัน และปัจจุบันเป็นเครื่องส่งไปสู่อนาคต
หากรอกาลเวลาเพียงอย่างเดียว ก็ไม่ต่างจากคำตอบจำนำข้าวของบุญทรงกับเต้น(กาลเวลา)
ทั้งที่ดูบัญชีรายจ่ายรายรับกับบัญชีสต๊อกข้าว(การกระทำ)ก็รู้ได้แล้ว
5. หากครูท่านนี้ช่วยรัฐบาลแบบไม่เกี่ยง แต่ละเลย "ชาติบ้านเมือง"
แปลว่าท่านเห็นการช่วยเหลือรัฐบาลเป็นความดี มิใช่การช่วยแผ่นดินแม่เป็นความดี
Nation trumps government - ชาติต้องชนะรัฐ เสมอครับ
6. ท่านตีความการอดทนของยิ่งลักษณ์เป็นขันติทางธรรม ซึ่งผิด
ในศาสนาพุทธมีคำว่า "ดื้อรั้น" ด้วย คือ ทิฏฐุปาทาน(ยึดติดในทิฏฐิหรือความคิดเห็นที่ตนมีอยู่เดิม ๆ)
เพราะหากเธอมีขันติจริงอย่างท่านว่า คงไม่มีข่าวเธอร้องไห้บ่นท้อ ไม่มีข่าวเธอปรี๊ดแตกกลางวงครม.
7. การกระทำของเธอเป็นเครื่องชี้เจตนาอย่างดีที่สุด
หากเธอได้อำนาจมาแล้วเดินตามทางที่ถูกแบบที่ท่านว่า เธอคงส่งสัญญาณมาบ้าง และประเทศชาติคงมาไม่ถึงจุดนี้
ผู้หลักผู้ใหญ่สอนว่า ดูคนให้ดูที่เพื่อน
หากเธอเป็นคนมีปัญญา คงไม่เลือกเพื่อรอบข้างเป็นคนไม่เอาไหนและขี้ปดแบบกิตติรัตน์ สุรนันท์ แสนสิริ
8. เรื่องบารมียิ่งใหญ่ของยิ่งลักษ๊์ ยกยอดไปคห.ถัดไป เดี๋ยวยาว