Jump to content


Photo
- - - - -

นโยบาย กับ ผลงาน


  • Please log in to reply
45 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 21:51

*
POPULAR

บทเริ่มต้น....

 

ย้อนกลับไปในปี 2552 ต่อเนื่อง 2553 รัฐบาลภายใต้การนำของคุณอภิสิทธิ์

นำพาประเทศให้รอดพ้นจากสถานการณ์ภายในประเทศที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิด

สงครามกลางเมืองมาได้ด้วยความตระหนกของผู้คนทั้งประเทศ สถานการณ์

ผ่านพ้นไปท่ามกลางความสูญเสียของทุกฝ่าย ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน

 

ทิ้งไว้แต่เพียงบาดแผลร้าวลึกของญาติพี่น้องครอบครัวของผู้สูญเสีย ทิ้งไว้

เพียงความแตกแยก ความไร้ซึ่งสามัคคี รอยร้าวลึกของทุกฝ่ายที่ยากจะฟื้นฟู

เยียวยา ให้กลับมาเช่นเดิม...คงมีแต่เพียงเวลา ที่จะช่วยเยียวให้สถานการณ์

ค่อย ๆ ผ่อนคลาย...เมื่อวันที่ทุกฝ่ายจะเย็นลง...จะยอมรับความเป็นจริง...

จะยอมรับว่า...อะไร ใคร คือสาเหตุที่แท้จริง...

 

ผลการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 3 กรกฏาคม 2554  มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง

 

- แบบบัญชีรายชื่อ    35,203,107  คน  คิดเป็นร้อยละ  75.03

- แบบแบ่งเขตฯ       35,119,885  คน  คิดเป็นร้อยละ  74.85

- เพื่อไทย ได้คะแนนเสียง        15,744,190 คะแนน

- ประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเสียง  11,433,762  คะแนน

 

เพื่อไทย เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อบริหารราชการแผ่นดินภายใต้

รธน. 2550 

 

การประชุมรัฐสภานัดแรก วันที่  5 สิงหาคม 2554  ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ได้รับ

การโหวตให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่  28  ด้วยคะแนนเห็นชอบ

296  ไม่เห็นชอบ  3  งดออกเสียง  198  (รวมประธานสภา)

 

08 สค. 2554  โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

09 สค. 2554  แต่งตั้ง ครม.

10 สค. 2554  นายก และ ครม  เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ

23 สค. 2554  แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก่อนรับตำแหน่ง

 

นั้นหมายความว่า การดำรงนายกรัฐมนตรี ผู้นำคณะรัฐมนตรีบริหารราชการ

แผ่นดินเป็นไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ รวมไปถึงการเริ่มต้นความรับผิดชอบ

หน้าที่ในฐานะผู้นำ ครม บริหารแผ่นดิน ภายใต้ผลประโยชน์ของประเทศ

และการดูแลความเป็นอยู่ของพลเมืองให้อยู่ดีกินดี มีความปลอดภัยในการ

ดำเนินชีวิตประจำวัน แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ

ดูแลรักษาเศรษฐกิจภายในประเทศ ให้มั่นคง และเป็นไปตามนโยบายที่ได้

แถลงไว้ต่อรัฐสภา

 

คำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อ 23 สค. 2554 มีมากมายหลายประเด็น

สามารถค้นหาได้จากเว็บไซท์ของรัฐสภา หรือ

 

http://www.mcru.ac.t...-policy-gov.pdf

 

จากคำแถลงดังกล่าว รัฐบาลกำหนดจุดมุ่งหมายในการกำหนดนโยบาย

ไว้ 3 ประการ ดังนี้

 

WobY3l.png

 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้กำหนดนโยบายการบิรหารราชการแผ่นดินไว้เพื่อ

ให้มีการพัฒนาอย่างมีคุณภาพ สมดุล ยั่งยืน เป็น  2  ระยะ 

 

1)  ระยะเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก

2)  ระยะการบริหารราชการ  4 ปีของรัฐบาล

 

นับจากวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลาประมาณ 

1 ปี 9 เดือน 16 วัน  นั้นก็หมายความว่า

 

นโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก ย่อมจะมีผลงานเป็นรูปธรรม

และสามารถแถลงสรุปผลงาน ผลการดำเนินงานภายใต้การบริหารของ

ครม ภายใต้ผู้นำที่ชื่อ  ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  ให้สาธารณชนได้รับทราบ

ด้วยความภาคภูมิใจ

 

แต่จนวันนี้ ยังไร้ซึ่งหมายกำหนดการ แถลงผลงานรัฐบาลตามนโยบาย

ที่ได้แถลงไว้อย่างสวยหรู ดูมีเหตุมีผล รวมไปถึงนโยบายมหาประชานิยม

ที่ใช้ในการหาเสียง

 

ในฐานะที่เป็นพลเมืองคนหนึ่ง ขออนุญาตให้สิทธิขั้นพื้นฐานอันพึงมี

ทวงถามและสืบค้นหาข้อมูล ข้อเท็จจริง ความคืบหน้าของนโยบาย

ที่ได้แถลงไว้ รวมไปถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อภาพรวมของประเทศ

ด้วยสำนึกที่สุจริต ไร้ซึ่งอคิตใด ๆ

 

ดังกล่าวข้างต้นเป็นข้อมูลพื้นฐานที่มาของ คณะรัฐบาลภายใต้การนำ

ของ ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ที่เคยลั่นวาจา ไว้เมื่อครั้งเปิดตัวเป็นผู้สมัคร

รับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ อันดับ 1  ของพรรคไทย  ที่ว่า

 

" จะเข้ามาแก้ไข มิใช่แก้แค้น " 

 

 

 

 

 

 

 

 


Edited by bird, 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 17:24.


#2 Pisit Putwanphen

Pisit Putwanphen

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 69 posts

ตอบ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:21

ตอนนี้ผมพึ่งจบปี 4 มาหมาดๆน่ะครับ แล้วก็พึ่งสนใจการเมืองด้วย เพราะฉะนั้นความคิดเห็นของผมจะเป็นแค่สิ่งที่ผมได้รับข้อมูลจากหนังสือพิมพ์แล้วก็สื่่อตาม Internet ต่างๆ คือ ในมุมมองของผมในสมัยแม้วต่อให้มันชั่วแค่ไหน คนเขาก็ชอบโดยอ้างว่าเศรษฐกิจดี ประเทศมีการพัฒนา แต่ในสมัยปูนอกจากชั่วแล้วแถมยังโง่อีก สิ่งที่เธอทำพลาดคือเรื่องค่าครองชีพ เพราะ เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อภาครวมทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นแดงหรือคนปกติทั่วไปก็ได้รับผลกระทบกันหมด แถมมีแววว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะ รัฐมนตรีแต่ละตัวไร้ความสามารถมาก (ผมแอบสะใจ) ต่อให้คนเรารักแค่ไหน แต่ต้องทรมาณถึง 4 ปี ผมว่ามันก็ต้องมีเปลี่ยนทัศนคติกันมั่ง สังเกตจากเดียวนี้ชุมนุมเสื้อแดงทีไรคนหยุมหยิมแตกต่างจากเมื่อก่อน และส่วนตัวผมเชื่อว่าไอ้ 15 ล้านเสียงก็ไม่ใช่เสื้อแดงทั้งหมดเหรอ 

 

เพราะฉะนั้นผมจึงชอบที่ปูมาแก้แค้น มิใช่แก้ไข เพราะ หากมันมาแก้ไขก็คงหลอกคนให้เลือกมันได้อีกในการเลือกตั้งสมัยหน้า


Edited by Pisit Putwanphen, 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:26.


#3 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:29

ก่อนจะกล่าวถึง ผลงานรัฐบาลตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ ขออนุญาตย้อนดูการบริหาร
ราชการแผ่นดินของ ครม ยิ่งลักษณ์ นับจากวันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่
23 สิงหาคม 2554 เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินผลงานรัฐบาลในช่วงระยะเวลา
ทื่ผ่านมา ผลงานเด่นที่ได้รับการกล่าวถึง เท่าที่พอจะมีข้อมูล เช่น

- การคืนพาสปอร์ตให้กับนักโทษหนีคดี ที่มีความผิดตามกฏหมาย ปปช 2542
มาตรา 100 ในขณะประชาชนอยู่ในภาวะอุทกภัยครั้งใหญ่

- การเดินทางเยือนประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรพิเศษ
ที่มาพร้อม ๆ กับคลิปวิดีโด บรรดา สส เข้ากราบคาราวะผู้นำรัฐบาลประเทศเพื่อน
บ้านด้วยความนอบน้อมอย่างที่สุด

- การตั้งศูนย์บัญชาดูแลประชาชนที่ประสบอุทกภัย การดำเนินของศูนย์ช่วยเหลือ
ศปภ ที่อึ่มครึ่ม ปัญหาของบริจาค และ การสวมสิทธิ์นามผู้บริจาค จะโดยตั้งใจหรือ
ไม่เจตนา รวมไปถึง การแก้ไขปัญหาที่สร้างความแตกแยกให้กับคนในพื้นที่
หรือแม้กระทั่ง รองเท้าลุยน้ำ ที่โด่งดังไปถึงต่างประเทศ

- ผลเสียหายที่เกิดขึ้นจากการบริหารจัดการอุทกภัย ของ ครม ที่สร้างความสูญเสีย
มูลค่ามหาศาลให้กับประเทศ

ข้างต้น เป็นเพียงการบริหารราชการของรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ที่เคย
เสนอนโยบายในการหาเสียงจนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป ที่ว่า

" ลาก่อนน้ำท่วม น้ำแล้ง "

i3qx6W.jpg

jdyOu.jpg

ค่อย ๆ ฝืนความทรงจำกันไปที่ละเล็ก ละน้อย เพื่อบันทึกไว้เป็นข้อมูลในการ
ประเมินผลงานการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล


Edited by bird, 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 11:43.


#4 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:33

*
POPULAR

 

ตอนนี้ผมพึ่งจบปี 4 มาหมาดๆน่ะครับ แล้วก็พึ่งสนใจการเมืองด้วย เพราะฉะนั้นความคิดเห็นของผมจะเป็นแค่สิ่งที่ผมได้รับข้อมูลจากหนังสือพิมพ์แล้วก็สื่่อตาม Internet ต่างๆ คือ ในมุมมองของผมในสมัยแม้วต่อให้มันชั่วแค่ไหน คนเขาก็ชอบโดยอ้างว่าเศรษฐกิจดี ประเทศมีการพัฒนา แต่ในสมัยปูนอกจากชั่วแล้วแถมยังโง่อีก สิ่งที่เธอทำพลาดคือเรื่องค่าครองชีพ เพราะ เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อภาครวมทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นแดงหรือคนปกติทั่วไปก็ได้รับผลกระทบกันหมด แถมมีแววว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะ รัฐมนตรีแต่ละตัวไร้ความสามารถมาก (ผมแอบสะใจ) ต่อให้คนเรารักแค่ไหน แต่ต้องทรมาณถึง 4 ปี ผมว่ามันก็ต้องมีเปลี่ยนทัศนคติกันมั่ง สังเกตจากเดียวนี้ชุมนุมเสื้อแดงทีไรคนหยุมหยิมแตกต่างจากเมื่อก่อน และส่วนตัวผมเชื่อว่าไอ้ 15 ล้านเสียงก็ไม่ใช่เสื้อแดงทั้งหมดเหรอ 
 
เพราะฉะนั้นผมจึงชอบที่ปูมาแก้แค้น มิใช่แก้ไข เพราะ หากมันมาแก้ไขก็คงหลอกคนให้เลือกมันได้อีกในการเลือกตั้งสมัยหน้า

 
ในสมัยทักษิณ ที่รุ้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นนั้น จริง ๆ แล้วเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกกำลังฝืนตัว
ไม่ใช่เพราะความเก่งกล้าสามารถของทักษิณ ซึ่งพิสูจน์ได้จากการบริหารของ ครม ชุดนี้
ที่รับรุ้กับทั่วไปว่า นายกตัวจริงคือ ทักษิณ

ก็หมายความว่า การบิรหารงานทั้งหมด มาจากทักษิณ ไม่ใช้ นกแก้วนกขุนทอง
ถ้าทักษิณ เก่งจริง ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาจำนำข้าว ต้องได้รับการแก้ไขแล้ว
ไม่ใช่ปล่อยให้ เจ๋งระนาวอย่างที่เห็น

อีกประเด็นที่ทำให้เศรษฐกิจยุคทักษิณ มีแนวโน้มที่ดี เพราะ ทักษิณได้ทีมงานบริหาร
เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่มีความรักชาติ มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เพราะพฤติกรรม
โลภมากของทักษิณ ทำให้ทีมงานหลาย ๆ คน เริ่มถอยห่างในช่วงปลายก่อนการเลือกตั้ง
อัปยศ คงเหลือเฉพาะคนที่มีแนวคิดเอียงซ้าย กับที่หลงไหลในอำนาจและเงินตรา
ที่ยังคงอยู่ อุทิศตัวให้อย่างสิ้นเกียรติและศักดิ์ศรี

Edited by bird, 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:38.


#5 Pisit Putwanphen

Pisit Putwanphen

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 69 posts

ตอบ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 23:25

ในสมัยทักษิณ ที่รุ้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นนั้น จริง ๆ แล้วเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกกำลังฝืนตัว

ไม่ใช่เพราะความเก่งกล้าสามารถของทักษิณ ซึ่งพิสูจน์ได้จากการบริหารของ ครม ชุดนี้
ที่รับรุ้กับทั่วไปว่า นายกตัวจริงคือ ทักษิณ

ก็หมายความว่า การบิรหารงานทั้งหมด มาจากทักษิณ ไม่ใช้ นกแก้วนกขุนทอง
ถ้าทักษิณ เก่งจริง ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาจำนำข้าว ต้องได้รับการแก้ไขแล้ว
ไม่ใช่ปล่อยให้ เจ๋งระนาวอย่างที่เห็น

อีกประเด็นที่ทำให้เศรษฐกิจยุคทักษิณ มีแนวโน้มที่ดี เพราะ ทักษิณได้ทีมงานบริหาร
เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่มีความรักชาติ มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เพราะพฤติกรรม
โลภมากของทักษิณ ทำให้ทีมงานหลาย ๆ คน เริ่มถอยห่างในช่วงปลายก่อนการเลือกตั้ง
อัปยศ คงเหลือเฉพาะคนที่มีแนวคิดเอียงซ้าย กับที่หลงไหลในอำนาจและเงินตรา
ที่ยังคงอยู่ อุทิศตัวให้อย่างสิ้นเกียรติและศักดิ์ศรี

 

อย่างนี้นี่เองครับ ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล



#6 Novice

Novice

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,353 posts

ตอบ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 00:40

 

ตอนนี้ผมพึ่งจบปี 4 มาหมาดๆน่ะครับ แล้วก็พึ่งสนใจการเมืองด้วย เพราะฉะนั้นความคิดเห็นของผมจะเป็นแค่สิ่งที่ผมได้รับข้อมูลจากหนังสือพิมพ์แล้วก็สื่่อตาม Internet ต่างๆ คือ ในมุมมองของผมในสมัยแม้วต่อให้มันชั่วแค่ไหน คนเขาก็ชอบโดยอ้างว่าเศรษฐกิจดี ประเทศมีการพัฒนา แต่ในสมัยปูนอกจากชั่วแล้วแถมยังโง่อีก สิ่งที่เธอทำพลาดคือเรื่องค่าครองชีพ เพราะ เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อภาครวมทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นแดงหรือคนปกติทั่วไปก็ได้รับผลกระทบกันหมด แถมมีแววว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะ รัฐมนตรีแต่ละตัวไร้ความสามารถมาก (ผมแอบสะใจ) ต่อให้คนเรารักแค่ไหน แต่ต้องทรมาณถึง 4 ปี ผมว่ามันก็ต้องมีเปลี่ยนทัศนคติกันมั่ง สังเกตจากเดียวนี้ชุมนุมเสื้อแดงทีไรคนหยุมหยิมแตกต่างจากเมื่อก่อน และส่วนตัวผมเชื่อว่าไอ้ 15 ล้านเสียงก็ไม่ใช่เสื้อแดงทั้งหมดเหรอ 
 
เพราะฉะนั้นผมจึงชอบที่ปูมาแก้แค้น มิใช่แก้ไข เพราะ หากมันมาแก้ไขก็คงหลอกคนให้เลือกมันได้อีกในการเลือกตั้งสมัยหน้า

 
ในสมัยทักษิณ ที่รุ้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นนั้น จริง ๆ แล้วเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกกำลังฝืนตัว
ไม่ใช่เพราะความเก่งกล้าสามารถของทักษิณ ซึ่งพิสูจน์ได้จากการบริหารของ ครม ชุดนี้
ที่รับรุ้กับทั่วไปว่า นายกตัวจริงคือ ทักษิณ

ก็หมายความว่า การบิรหารงานทั้งหมด มาจากทักษิณ ไม่ใช้ นกแก้วนกขุนทอง
ถ้าทักษิณ เก่งจริง ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาจำนำข้าว ต้องได้รับการแก้ไขแล้ว
ไม่ใช่ปล่อยให้ เจ๋งระนาวอย่างที่เห็น

อีกประเด็นที่ทำให้เศรษฐกิจยุคทักษิณ มีแนวโน้มที่ดี เพราะ ทักษิณได้ทีมงานบริหาร
เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่มีความรักชาติ มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เพราะพฤติกรรม
โลภมากของทักษิณ ทำให้ทีมงานหลาย ๆ คน เริ่มถอยห่างในช่วงปลายก่อนการเลือกตั้ง
อัปยศ คงเหลือเฉพาะคนที่มีแนวคิดเอียงซ้าย กับที่หลงไหลในอำนาจและเงินตรา
ที่ยังคงอยู่ อุทิศตัวให้อย่างสิ้นเกียรติและศักดิ์ศรี

 

 

หนึ่งในนั้นคือคนที่ชื่อว่า สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คนที่พวกลิ่วล้อแม้วบางคนเคยบอกว่าแค่คนเดียวก็เก่งกว่า ปชป. ทั้งพรรค

 

เพียงแต่ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องความซื่อสัตย์ของสมคิดเท่าไหร่



#7 เรื่อยๆเอื่อยๆ

เรื่อยๆเอื่อยๆ

    There is a face beneath this mask, but it isn't me.

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,223 posts

ตอบ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 06:36

ผลงานปีแรกไม่มีแต่ได้ข่าวว่าจะนัดแถลงปีที่สองแล้ว นโยบายที่ออกมาก็ไม่เห็นมันจะตอบสนองจุดมุ่งหมายได้เลยสักข้อ

#8 หงส์เฒ่าเสาร์ธรรม

หงส์เฒ่าเสาร์ธรรม

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,408 posts

ตอบ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 07:15

ตอนนี้ผมพึ่งจบปี 4 มาหมาดๆน่ะครับ แล้วก็พึ่งสนใจการเมืองด้วย เพราะฉะนั้นความคิดเห็นของผมจะเป็นแค่สิ่งที่ผมได้รับข้อมูลจากหนังสือพิมพ์แล้วก็สื่่อตาม Internet ต่างๆ คือ ในมุมมองของผมในสมัยแม้วต่อให้มันชั่วแค่ไหน คนเขาก็ชอบโดยอ้างว่าเศรษฐกิจดี ประเทศมีการพัฒนา แต่ในสมัยปูนอกจากชั่วแล้วแถมยังโง่อีก สิ่งที่เธอทำพลาดคือเรื่องค่าครองชีพ เพราะ เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อภาครวมทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นแดงหรือคนปกติทั่วไปก็ได้รับผลกระทบกันหมด แถมมีแววว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะ รัฐมนตรีแต่ละตัวไร้ความสามารถมาก (ผมแอบสะใจ) ต่อให้คนเรารักแค่ไหน แต่ต้องทรมาณถึง 4 ปี ผมว่ามันก็ต้องมีเปลี่ยนทัศนคติกันมั่ง สังเกตจากเดียวนี้ชุมนุมเสื้อแดงทีไรคนหยุมหยิมแตกต่างจากเมื่อก่อน และส่วนตัวผมเชื่อว่าไอ้ 15 ล้านเสียงก็ไม่ใช่เสื้อแดงทั้งหมดเหรอ 

 

เพราะฉะนั้นผมจึงชอบที่ปูมาแก้แค้น มิใช่แก้ไข เพราะ หากมันมาแก้ไขก็คงหลอกคนให้เลือกมันได้อีกในการเลือกตั้งสมัยหน้า

 

ผมชอบความคิดคุณนะ คุณเพิ่งเรียนจบก็สนใจการเมือง วิเคราะห์ได้ดี แต่เรื่องประเทศชาติ เราจะมาสะใจที่รัฐบาลเขาทำผิดพลาดไม่ได้ ...

  นั้นเพราะหมายถึง เรากำลังสะใจที่ประเทศเราจะล่มจมไปด้วย...

     ช่วยกัน เรียกร้องไม่ให้มันทำตัวโง่ๆ เลือกคนเลวๆมาบริหาร เรียกร้องให้มันลาออกไป

        หรือหาหลักฐาน แล้ว ฟ้องศาลให้ไล่ออก หาคนใหม่ หาคนดีๆ คนเก่งๆมาบริหารดีกว่า


จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ... ศีลธรรม เป็นกรอบรักษาจินตนาการให้ดำรงอยู่ด้วยความดีงาม... -_- 


#9 IFai

IFai

    รักในหลวง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,782 posts

ตอบ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 07:58

ตอนนี้ผมพึ่งจบปี 4 มาหมาดๆน่ะครับ แล้วก็พึ่งสนใจการเมืองด้วย เพราะฉะนั้นความคิดเห็นของผมจะเป็นแค่สิ่งที่ผมได้รับข้อมูลจากหนังสือพิมพ์แล้วก็สื่่อตาม Internet ต่างๆ คือ ในมุมมองของผมในสมัยแม้วต่อให้มันชั่วแค่ไหน คนเขาก็ชอบโดยอ้างว่าเศรษฐกิจดี ประเทศมีการพัฒนา แต่ในสมัยปูนอกจากชั่วแล้วแถมยังโง่อีก สิ่งที่เธอทำพลาดคือเรื่องค่าครองชีพ เพราะ เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อภาครวมทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นแดงหรือคนปกติทั่วไปก็ได้รับผลกระทบกันหมด แถมมีแววว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะ รัฐมนตรีแต่ละตัวไร้ความสามารถมาก (ผมแอบสะใจ) ต่อให้คนเรารักแค่ไหน แต่ต้องทรมาณถึง 4 ปี ผมว่ามันก็ต้องมีเปลี่ยนทัศนคติกันมั่ง สังเกตจากเดียวนี้ชุมนุมเสื้อแดงทีไรคนหยุมหยิมแตกต่างจากเมื่อก่อน และส่วนตัวผมเชื่อว่าไอ้ 15 ล้านเสียงก็ไม่ใช่เสื้อแดงทั้งหมดเหรอ 

 

เพราะฉะนั้นผมจึงชอบที่ปูมาแก้แค้น มิใช่แก้ไข เพราะ หากมันมาแก้ไขก็คงหลอกคนให้เลือกมันได้อีกในการเลือกตั้งสมัยหน้า

 

      สำหรับตักขี้

      ขอให้ได้เสียงมากในสภา เพราะเป็นวิถีทางของปชต. ดังนั้นนโยบาย ทุกนโยบายจึงมุ่งหวังจำนวนสส. ที่จะเข้าสภา เพราะเขาคิดว่าทุกอย่างจะถูกต้องด้วยจำนวนมือในสภา ....ทุกนโยบายจึงไร้ทิศทางปฏิบัติ คนตระกูลSIN แบ่งก๊กเหล่า ตามแต่ว่าใครจะมองเห็นทางกอบโกยทางไหน ตักขี้ควบคุมไม่ได้เพราะอยู่นอกปท.

      ในแผน เมื่อเอาน้องโง่ๆ มาเป็นนายก เอาตัวเองกลับมาบงการ สักระยะ ยุบสภา ตัวเองเข้าเลือกตั้ง เป็นนายก ทุกอย่างจะราบรื่น ปัญหาคือสมุนเอาตัวเองเข้าปท. ไม่ได้ สมุนโกงกอบโกยกันไม่ยั้ง ไม่มีใครป้องกันได้ ...ตักขี้จึงอยู่ในภาวะหมาติดใยแมงมุม เหมือนปัจจุบัน

 

      แผนผิดนิดเดียว คือตักขี้เข้าปท. ไม่ได้ ...เลยเละ อาจถึงตักขี้เข้าปท.ไม่ได้ตลอดชาติ  

 

      จึงอยากวิงวอนไว้ล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาตักขี้ตายนอกปท. ขอให้ชาวไทยอโหสิให้ ...ยอมให้เอากระดูกตักขี้ไปโปรยในแม่ปิงด้วย

 

      ***ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ


ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ


#10 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:25

 

 

 

หนึ่งในนั้นคือคนที่ชื่อว่า สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คนที่พวกลิ่วล้อแม้วบางคนเคยบอกว่าแค่คนเดียวก็เก่งกว่า ปชป. ทั้งพรรค

 

เพียงแต่ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องความซื่อสัตย์ของสมคิดเท่าไหร่

 

 

ขออนุญาติไม่กล่าวถึงเรื่องความซื่อสัตย์ของคุณสมคิด เพราะนั้นเป็นความรู้สึกของแต่ละท่าน

ที่ไม่อาจบังคับให้เชื่อได้ เป็นสิ่งที่ต้องประสบด้วยตัวเอง

 

แต่ในเรื่องของความเก่ง มากกว่า ปชป ทั้งพรรค ประเด็นบอกเล่าได้แต่เพียงว่า..

 

คุณสมคิดผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน ผ่านช่วงวิกฤตเศษรฐกิจโลก ช่วงต้มยำกุ้งมาก่อน

มีประสบการณ์ในด้านการบริหารองค์กรมามากกว่า ท่านจะมีแนวความคิดที่ค่อนข้างจะ

สุขุมรอบคอบ ในยุคของท่าน ต้องถือว่าท่านเป็นมืออันดับต้น ๆ จริง ๆ

ทำให้คุณสมคิดดูจะมีภาษีดีกว่า

 

เทียบกับคุณอภิสิทธิ์ คุณกรณ์ ในปัจจุบัน ภาษาชาวบ้านต้องบอกว่า....กินกันไม่ลง 

 

ฝืไม้ลายมือ...พอฟัดพอเหวี่ยง สู้กันได้อย่างสมศักดิ์ศรี

 

ต่างจาก รมต คลัง และ พาณิชย์ ในปัจจุบัน....ที่ฝืมือ ห่างชั้นกันมาก



#11 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:57

กลับมาแล้วหรืออ

 

 

ไม่กดไล้ค์แล้วนะ

 

ดูดไล้ค์เราหมดกันพอดี

 

 

มา คราวนี้จะตั้งตารอ



#12 Pisit Putwanphen

Pisit Putwanphen

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 69 posts

ตอบ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:02

ผมชอบความคิดคุณนะ คุณเพิ่งเรียนจบก็สนใจการเมือง วิเคราะห์ได้ดี แต่เรื่องประเทศชาติ เราจะมาสะใจที่รัฐบาลเขาทำผิดพลาดไม่ได้ ...

  นั้นเพราะหมายถึง เรากำลังสะใจที่ประเทศเราจะล่มจมไปด้วย...

     ช่วยกัน เรียกร้องไม่ให้มันทำตัวโง่ๆ เลือกคนเลวๆมาบริหาร เรียกร้องให้มันลาออกไป

        หรือหาหลักฐาน แล้ว ฟ้องศาลให้ไล่ออก หาคนใหม่ หาคนดีๆ คนเก่งๆมาบริหารดีกว่า

 

ขอบคุณครับ คือ ผมก็ไม่ได้อยากที่จะสะใจเหรอ เพราะ ถ้าเศรษฐกิจมันล่มจม คนที่ซวยก็คือผมที่พึ่งเรียนจบแล้วยังไม่สามารถตั้งตัวได้ แต่บางทีคนเรามันจะคิดได้เมื่อยามลำบาก ถ้าประเทศมันล่มจม แต่มันทำให้คนตาสว่างกันมากขึ้น ผมก็ว่าเป็นการเดิมพันที่คุ้มน่ะ 



#13 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:45

ผลงานเข้าตา ประชาลอยคอ

 

ที่ประชุมรัฐสภาโหวตเลือกยิ่งลักษณ์ ให้ดำรงตำแหน่งนายก ในวันที่ 5 สิงหาคม 2554

โปรดเก้ลาฯ แต่งตั้งวันที่ 8 สิงหาคม 2554  และแต่งตั้ง ครม วันที่  9 สิงหาคม 2554

นายก นำ ครม เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ในวันที่ 10 สิงหาคม 2554  แถลงนโยบาย

ต่อรัฐสภา  23 สิงหาคม  2554 ถือเป็นขั้นตอนการเข้ารับหน้าที่บริหารราชการอย่าง

ครบถ้วนสมบูรณ์ มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนโดยสมบูรณ์

 

ในขณะที่ประชาชนในบางพื้นที่เริ่มประสบอุทกภัยตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม 2554

(ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย " อุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ.2554) ช่วงเวลาดังกล่าวนับเป็น

ช่วงเวลาสูญญากาศ รัฐบาลเดิมหมดภาระหน้าที่ รัฐบาลใหม่ที่มาจากพรรคที่ได้รับ

ชัยชนะจากการเลือกตั้งยังไม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่วงเวลาที่องค์การส่วนท้องถิ่น

และประชาชนในพื้นที่ต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามความสามารถ

 

ผู้ประสบภัยต่างรอคอย ครม ชุดใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้ง เมื่อ 9 สิงหาคม 2554 อย่าง

ใจจดใจจ่อ อย่างรอคอยความช่วยเหลือ แต่ก็มีข่าวกระซิบมาว่า ต้องรอให้แถลง ครม

นโยบายต่อรัฐสภา ตามที่บัญญัติไว้ใน รธน 2550 หมวด 9 มาตรา 176 เสียก่อน

ครม จึงจะสามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินได้...ก็แค่เสียงกระซิบจากสายลม

 

รัฐธรรมนูญ 2550  หมวด 9 คณะรัฐมนตรี  มาตรา 176  ความว่า 

 

" คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และชี้แจง

การดำเนินการตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามมาตรา ๗๕ โดยไม่มีการลงมติความ

ไว้วางใจ ทั้งนี้ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันเข้ารับหน้าที่ และเมื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

แล้วต้องจัดทำแผนการบริหาร ราชการแผ่นดิน เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติราชการ

แต่ละปีตามมาตรา ๗๖

 

ก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน ซึ่ง

หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะกระทบต่อประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีที่เข้ารับ

หน้าที่ จะดำเนินการไปพลางก่อนเพียงเท่าที่จำเป็นก็ได้ "

 

เช้าวันที่ 13 สิงหาคม 2554 สื่อมวลชนหลายแขนงต่างนำเสนอข่าว ฑูตญี่ปุ่นเข้าพบ

นายสุรพงษ์ รมต ต่างประเทศ ณ ที่ทำการพรรค เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2554  เนื้อหา

ข่าวที่นำเสนอ ความว่า

 

xGReF3.JPG

 

 

ในขณะที่ สำนักข่าวญี่ปุ่น นำเสนอข่าวในลักษณะที่ว่า การเดินทางเข้าญี่ปุ่นของทักษิณ

ซึ่งอยู่ในฐานะนักโทษหนีคดี ในความผิดตามกฎหมาย ปปช 2542 มาตรา 100 ตามคำ

พิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นการร้องขอ

จากรัฐบาลภายใต้การนำของ ยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีฐานะเป็นน้องสาวของทักษิณ นักโทษ

หนีคดีดังกล่าว

 

 

29bPL2.JPG

 

icbFt2.JPG

 

R6nK8x.JPG

 

 

ช่วงเวลาดังกล่าว ผู้ประสบอุทกภัยรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐบาล

อย่างใจจดใจจ่อ ด้วยความหวังว่า รัฐบาลจะหยิบยื่นความช่วยเหลือ

ครม บางท่านกลับเร่งให้ความช่วยเหลือแก่นักโทษหนีคดี โดยไม่ต้อง

ร้องขอ นั้นหมายความว่า

 

นักโทษหนีคดี ในความผิดตามกฎหมาย ปปช 2542 มาตรา 100

 

มีความสำคัญมากกว่า...

 

ประชาชนที่กำลังทุกข์ยากจากอุทกภัย ที่สำคัญส่วนหนึ่งของประชาชน

ที่ประสบภัย..คือประชาชนที่ลงคะแนนให้ เมื่อครั้งเลือกตั้ง  3 กค. 54

จนได้รับชัยชนะ..มิใช่หรือ

 

ช่วงเดือนธันวาคม  2554  สถานการณ์อุทกภัยเริ่มทุเลาลง แต่ในบาง

พื่นที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง บางครอบครัวยังต้องอยู่ที่ศูนย์อพยพ สื่อมวลชน

นำเสนอข่าว สุรพงษ์ รมต ต่างประเทศ แถลงคืนพาสปอร์ตให้ ทักษิณ

ผู้ที่อยู่ในฐานะเป็นนักโทษหนีคดิในความผิดตามกฎหมาย ปปช 2542

มาตรา 100 มีโทษจำคุก 2 ปี  ความว่า

 

ZM4ZyY.jpg

 

ZK1log.jpg

 

9KIOzZ.jpg

 

o8GdFK.jpg

 

kBQeb9.jpg

 

การยื่นคำร้องขอต่อญิ่ปุ่นให้อนุมัติวิซ่าแก่นักโทษหนีคดี การอนุมัติ

คืนพาสปอร์ตให้บุคคลที่อยู่ในฐานะนักโทษหนีคดีในความผิดตาม

กฎหมาย ปปช 2542 มาตรา 100 มีโทษจำคุก  2 ปี ได้ถูกบัญญัติ

ไว้ในนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในปีแรกของรัฐบาลภายใต้

การนำของยิ่งลักษณ์ ที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา เมื่อ 23 สิงหาคม 54

จึงได้เร่งด่วน เร่งรีบดำเนินการ 

 

มากไปกว่า การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่รอคอยความช่วยเหลือ

จากรัฐบาลที่มักกล่าวอ้างว่า มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

เพื่อประชาชน....

 

uOJg8.jpg

 

2WXKHi.jpg

 

dEqKVm.jpg

 

เครดิต : ภาพประกอบจาก internet


Edited by bird, 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:18.


#14 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:47

กลับมาแล้วหรืออ

 

 

ไม่กดไล้ค์แล้วนะ

 

ดูดไล้ค์เราหมดกันพอดี

 

 

มา คราวนี้จะตั้งตารอ

 

ไม่ต้องกด Like ก็ได้ แค่แวะมาอ่านก็ดีใจแล้ว.. :)



#15 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:49

 

กลับมาแล้วหรืออ

 

 

ไม่กดไล้ค์แล้วนะ

 

ดูดไล้ค์เราหมดกันพอดี

 

 

มา คราวนี้จะตั้งตารอ

 

ไม่ต้องกด Like ก็ได้ แค่แวะมาอ่านก็ดีใจแล้ว.. :)

 

เผลอ กดไปอีกแล้วอ่าา



#16 sigree

sigree

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,883 posts

ตอบ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:49

ผมอาจคิดต่างจากหลายๆท่านนะ ผมว่ายุคแรกของทักษิณ ศก ดี และดีต่อเน่ื่อง

 

เพราะเขาได้รับความร่วมมือจากมือดีหลายคน

 

แต่หลังจากเหตุการวิกฤติทางการเมือง เขาถูกบอยคอต

 

ความร่วมมือร่วมใจไม่เคยมาถึงมือเขาอีก  เขาไม่สามารถบริหารได้ดั่งใจ แม้จะมีอำนาจเต็มมือ  เมื่อผู้รับสนองโง่ คนดีๆเก่งๆไม่เอาด้วย

 

เลยล้มเหลวต่อเนื่องทั้งสมัครและยิ่งลักษณ์



#17 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 19:07

ผลงาน อภิมหาประชานิยม

 

จัดให้แบบเต็ม ๆ สำหรับท่านที่พลาดการ แถ ลง โครงการรับจำนำข้าว

 

ตอนที่ 1

 

ตอนที่ 2

 



#18 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 19:08

ปิดท้าย ด้วย ตอนจบ

 

ตอนที่ 3

 

ส่วนรายละเอียดเดี๋ยวกลับมาค่ะ....



#19 พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน

พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,450 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 11:00

กระทู้ดีๆ ต้องอยู่สูงๆ  :wub:


อยากรู้ว่าประชาธิปไตยไทยเป็นแบบไหน ให้ดูการใช้รถใช้ถนนรู้จักกันแต่สิทธิ แต่ไม่เคยรู้จักหน้าที่ ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่วางไว้

#20 phoosana

phoosana

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,687 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 11:12

พรบ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542

ครับคุณ bird
We love fender.

#21 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 11:45

พรบ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542

ครับคุณ bird

 

ขอบคุณน่ะค่ะ...แก้ไขให้แล้วค่ะ :wub:



#22 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 12:04

>>> บันทึกได้ดี....ตาผมไม่ค่อยดี

..แต่ เมื่อเจอของดี ๆ ก็ทนเอาหน่อย

..คุณ  bird  คุณว่า ความอดทนของ

..ผู้ ที่รู้เห็น ( เรื่องจริง ) จะทนได้แค่ไหน?



#23 ก๊องส์ไข่กวน

ก๊องส์ไข่กวน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,012 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 12:40

เด๊่ยว

จะกลับมาอ่าน

ของคุณ bird

ไม่ผิดหวังแน่นอน

#24 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:07

>>> บันทึกได้ดี....ตาผมไม่ค่อยดี

..แต่ เมื่อเจอของดี ๆ ก็ทนเอาหน่อย

..คุณ  bird  คุณว่า ความอดทนของ

..ผู้ ที่รู้เห็น ( เรื่องจริง ) จะทนได้แค่ไหน?

 

ความอดทนของทุกคนถึงที่สุดแล้วค่ะ...แต่ด้วยกำลังที่ยังรวมกันไม่ติด

และบางท่านที่ยังมีภาระส่วนตัวต้องดูแล...จึงทำได้แต่เพียง...

อดกลั่นอย่างที่สุด...รอเวลาที่ทุกอย่างลงตัว...



#25 นายตัวเกร็ง

นายตัวเกร็ง

    Monkey Godfather Lv.3

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,901 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:09

กระทู้คุณ @Bird มาก็แสดงว่านี่คือใกล้เวลาโหมโรงการเปรียบตัวเลขทางเศรษฐกิจ

ระหว่างรัฐบาลเด็ก ๒ คนกับรัฐบาลประชาธิปไตยแล้วสินะ อีกไม่นานแล้วจะได้วัดกัน

ว่าใครมันคือของจริง ใครมันแค่การตลาด


เขียนเรื่องการเมือง : ดราม่า ,เขียนเรื่องสังคม : ดราม่า เขียนเรื่องบันเทิง : ดราม่า
แต่พอโพสเรื่องหื่น : มีความเห็นเป็นไปทางเดียวกันเสมอ >3<


#26 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:48

>>> กลุ่มผมก็พร้อม ตลอดเวลา เพราะเป็นกลุ่มที่ ( ไร้ภาระ -

..หมดกังวล.)  แต่ก็มองดูแกนนำกลุ่มบางคน ยังยึด...อัตตา..

..เหนียวแน่นมาก.ผมเคยยกตัวอย่างว่า ( เจียงฯกับ เหมาฯ )

..การเมืองคนละขั้ว..แต่ก็ จับมือกัน ( ขับญี่ปุ่น) ออกจากประเทศ

..จีนได้ใน สงครามโลกครั้งที่ ๒ . แต่กลุ่มที่ถือว่าใหญ่ในบ้านเรา

..มีกำลังมากพอ น่าจะจับมือกัน.แต่ก็เปล่า..แถมแกนนำ บางคน

..ยังออกมาพูดว่า...ให้บ้านเมืองมันหายนะก่อน แล้วหากล้องออก-

..มาถ่ายรูปไว้....แกนนำกลุ่มใหญ่พูดออก TV  ผมฟังแล้วสลดใจ

..ก็ขอรอดูกันไป ก็แล้วกัน...........มีอะไรเกิดขึ้นคงไม่ช้านัก. 



#27 Assava007

Assava007

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 146 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:59

เขียนได้กระชับ และ ได้ใจความมากๆครับ หวังว่าคนที่ยังมองภาพอะไรๆไม่เห็น จะได้เห็นความจริงบ้าง เอาแค่เรื่องพวกนี้แหละ 

 

ยังไม่ต้องไปนับเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หรือ โครงการประชานิยมอื่นๆเลย ..... เป็นกำลังให้เจ้าของกระทู้ครับ   :) 



#28 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:11

นโยบายสาธารณะการเกษตร.....โครงการรับจำนำข้าว

 

จากคลิปการแถลงของ รมต และ รมช โครงการรับจำนำข้าวที่นำเสนอข้างต้น

ขอชื่นชมผู้สือข่าวทุกท่าน ท่านตั้งคำถามได้ตรงประเด็น ซึ่งเป็นข้อมูลที่ รมต

รมช และผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ไม่มีผู้ใดกล้าหาญพอที่จะลุกขึ้น

ตอบคำถาม รับผิดชอบ ใด ๆ เนื่องมาจากสาเหตุใด..คงเป็นปมปัญหาที่ต้อง

ขบคิดกันต่อไป

 

โครงการรับจำนำข้าว เป็นหนึ่งในนโยบายสาธารณะในภาคการเกษตรที่รัฐบาล

กำหนดขึ้นเพื่อสร้างเสถียรภาพของราคา การยกระดับรายได้ของเกษตรกร การ

เพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตของเกษตรกร รวมถึง การพัฒนาอย่างต่อเนื่องยั่งยืน

ในอดีตมีการใช้ นโยบายแทรกแซงราคา การพยุงราคาข้าวเปลือก การจัดเก็บ

ค่าพรี่เมี่ยม หรือการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการส่งออกข้าว หรือแม้แต่การจำกัด

ปริมาณการส่งออกข้าว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ข้าวในแต่ละปี

 

ในปีการผลิต  2524/25  รัฐได้เปลี่ยนรูปแบบจากโครงการพยุงราคาข้าวเปลือก

มาเป็น โครงการรับจำนำข้าวเปลื่อก โดยมอบให้ ธกส ดำเนินโครงการ

 

หลักการทั่วไปของโครงการรับจำนำข้าวเปลือกคือ การให้เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ

แก่ชาวนาและเกษตรกร โดยใช้ข้าวเปลือกเป็นหลักประกันในการชำระหนี้เงินกู้

โดยมีจุดประสงค์ เพือ บรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกร อีกทั้งยังช่วยรักษา

ระดับปริมาณข้าวเปลือกที่จะออกสู่ตลาดในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวไม่ให้มากเกินไป

ซึ่งเป็นเหตุให้ราคาข้าวต่ำลงไปด้วย เป็นการเก็บรักษาข้าวเปลือกไว้ขายนอก

ฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งทำให้ชาวนาขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่สูงขึ้น

 

ในช่วงแรกเริ่มโครงการรับจำนำข้าว เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงิน

กู้ยืมไม่เกิน 80% ของมูลค่าข้าวเปลือกที่นำมาเข้าโครงการในราคาตลาด

และเพิ่มขึ้นเป็น 90% ในปีการผลิต 2533/34 โดยกำหนดระยะเวลาในการ

ไถ่ถอนข้าวเปลือกและคืนเงินกู้ระหว่าง  5-10 เดือน หากเลยระยะเวลาไถ่ถอน

ธกส จะนำข้าวออกขาย เพื่อนำเงินมาชำระเงินกู้และดอกเบี้ย

 

ในปีการผลิต 2541/42 และ ปีการผลิต 2542/43  รัฐปรับเพิ่มราคาจำนำข้าว

โดยสามารถกู้เงินได้ร้อยละ 95 ของราคาเป้าหมายและให้ ธกส รับจำนำเฉพาะ

ข้าวเปลือกในยุ้งฉางของเกษตรกรเท่านั้น แต่ในปีการผลิตดังกล่าว ราคาข้าว

เปลือกในช่วงนอกฤดูเก็บเกี่ยวยังตกต่ำ รัฐจึงได้เพิ่มมาตราการแทรกแซงราคา

โดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส) รับซื้อข้าวจากโรงสี โดยกำหนดให้โรงสีต้อง

ซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในราคาที่กำหนด

 

ในปีการผลิต 2543/44   สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกยังไม่มีแนวโน้วว่าจะดีขึ้น

รัฐจึงจัดทำโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี โครงการรับจำนำข้าวสาร พร้อมๆ

กับกำหนดมาตราการอื่นควบคู่กันไป และไม่ได้กำหนดราคาเป้าหมาย เกษตรกร

สามารถจำข้าวเปลือกมาจำนำเพื่อกู้เงินได้ร้อยละ 100 ของราคาที่ คระกรรมการ

นโยบายข้าว (กนข) กำหนด

 

แล้วโฉมหน้า โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ก็เปลี่ยนไป นับจากพรรคไทยรักไทย

ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งทั่วไป และเข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่ กุมภาพันธ์

2544   จะเปลี่ยนไปอย่างไร...ค่ำ ๆ จะกลับมาบอกเล่าให้รับทราบกันต่อไปว่า

 

ผลขาดทุน ที่กำลังเป็นประเด็น 260,000 ล้านบาท จะเป็นผลขาดทุนสะสม

มาจากการโครงการรับจำนำข้าวในอดีต หรือ จะเป็น ผลงานตามนโยบายของ

รัฐบาลภายใต้การนำของ ยิ่งลักษณ์...และการบริหารงานของ รมต บุญทรง

และ รมช ที่ชื่อ ณัฐวุฒิ...

 

ที่มาของตัวเลขขาดทุน  260,000 ล้านบาท จะไม่มีที่มาที่ไป จริงอย่างคำแถลง

กล่าวอ้างของ รมต บุญทรง และ รมช ณัฐวุฒิ..จริงหรือไม่

 

gbyaOu.JPG

 

ภาพประกอบจาก อินเทอร์เน็ต

 


Edited by bird, 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:43.


#29 phoosana

phoosana

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,687 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:12

มีอีกที

 

คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ครับคุณ bird ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ :D


We love fender.

#30 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:19

มีอีกที

 

คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ครับคุณ bird ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ :D

 

แก้ไขให้เรียบร้อยแล้วค่ะ...ขอบคุณที่กรุณาแจ้งให้ทราบน่ะค่ะ

แล้วก็...กราบขออภัยงาม ๆ ด้วยค่ะ..ไม่ได้เจตนาจริง ๆ :wub:



#31 อิสระภาพ

อิสระภาพ

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 77 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 15:01

ตามอ่าน



#32 Alone

Alone

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,726 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 19:51

มากดไลค์เป็นค่าอ่านและช่วยดันกระทู้ครับ กระทู้ดีๆ แบบนี้ควรอยู่บนๆ นานๆ ฮึบๆ  :lol:



#33 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 20:38

กระทู้คุณ @Bird มาก็แสดงว่านี่คือใกล้เวลาโหมโรงการเปรียบตัวเลขทางเศรษฐกิจ

ระหว่างรัฐบาลเด็ก ๒ คนกับรัฐบาลประชาธิปไตยแล้วสินะ อีกไม่นานแล้วจะได้วัดกัน

ว่าใครมันคือของจริง ใครมันแค่การตลาด

 

คงไม่กล้าขนาดนั้นหรอกค่ะ...แค่ตัวเลข ส่งออกข้าวที่กำลังตกฮวบ ๆ กับมูลค่าขาดดุล

กับสถานการณ์ตลาดหุ้นตอนนี้ บวกกับ ผลขาดทุนก้อนมหาศาล..

 

คงไม่ต้องเปรียบหรอกค่ะ...ฝีมือคนละชั้น



#34 overtherainbow

overtherainbow

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,295 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 21:02

ปล่อยมาเรื่อยๆเลยนะจ๊ะ 

 

เจ๊ช่วยดัน



#35 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:21

โครงการรับจำนำข้าว...ยุคเฟื้องฟู สต์อคข้าวล้น

 

จากข้อมูลที่นำเสนอไปข้างต้น โครงการรับจำนำข้าวในอดีต เกษตรกรจะสามารถกู้เงินได้เพียง

ร้อยละ 80-95 ของมูลค่าข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการตามราคาตลาด ยกเว้นในปีการผลิต

25443/44  ที่เกษตรกรสามารถกู้เงินได้ร้อยละ 100  ของราคาที่ กนข กำหนด เป็นผลมาจาก

สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกที่ยังไม่ดีขึ้น  รัฐบาลจึงกำหนดนโยบายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

 

แต่กระนั้น รัฐบาลก็ยังมีสต๊อคข้าวเป็นหลักประกัน เพื่อนำออกจำหน่ายแล้วนำรายได้ที่ได้มา

ชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย รัฐบาลจึงรับภาะในส่วนของผลต่างและค่าดำเนินการเท่านั้น

 

ผลการเลือกตั้งทั่วไป ทรท ได้รับชัยชนะและได้เข้าบริหารบ้านเมืองในช่วงเดือนกุมภาพันธ์

2544  ภายใต้การนำของนักธุรกิจที่ชื่อ ทักษิณ  ได้ทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการรับ

จำนำผลผลิตการเกษตรใหม่ จากการจำนำข้าวเปลือก เป็นการรับจำนำ ใบประทวนสินค้า

 

ใบประทวนสินค้า คือ ตราสารสิทธิที่คลังสินค้าออกให้ตาม ประมวลกฎหมายเพ่งพาณิชย์

ลักษณะ 14 ว่าด้วยการเก็บของในคลังสินค้า ซึ่งในมาตรา 777 ได้บัญญัติไว้ว่า

 

" อันประทวนสินค้านั้น ย่อมให้สิทธิแก่ผู้ฝากที่จะสลักหลังจำนำสินค้า ซึ่งจดแจ้งไว้ใน

ประทวนได้ โดยไม่ต้องส่งมอบสินค้านั้นแก่ผู้รับสลักหลัง 

 

แต่ว่าเมื่อผู้ฝากประสงค์จะจำนำสินค้า ต้องแยกประทวนออกเสียจากใบรับของ คลังสินค้า

และส่งมอบประทวนนั้นให้แก่ผู้รับสลักหลัง "

 

รัฐบาลมอบหมายให้ ธกส รับจำนำใบประทวนสินค้าที่ อตก และ อคส ออกให้แก่เกษตรกร

ที่นำข้าวเปลือกนาปรังปีการผลิต 2544 ไปฝากไว้  โดยมีกำหนดระยะเวลาไถ่ถอน 5 เดือน 

เริ่มดำเนินการตั้งแต่ เมษายน - สิงหาคม  2544  และขยายวงเงินกู้เป็น 350,000 บาท  

 

นอกจากนี้ยังกำหนดเงื่อนไขให้สามารถนำข้าวเปลืกนาปรังที่ อตก และ อคส รับฝากไว้

ไปสีเป็นข้าวสาร จัดเก็บไว้ในคลังสินค้ากลาง ซึ่ง อตก และ อคส ต้องตกลงกับโรงสีไม่ให้

คิดค่าฝากข้าวเปลือกในช่วง 3 เดือนแรกที่รับฝากข้าวจากเกษตรกร ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้

การควบคุมของ คณะกรรมการพิจารณาระบายข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง

ประกอบด้วย 

 

อธิบดีการการค้าภายใน เป็นประธาน  และผู้แทนจาก อตก, อคส กรมการค้าต่างประเทศ

และ กรมการค้าภายใน เป็นกรรมการบริหารจัดการข้าวเปลือกที่ฝากไว้ ไม่ให้เกิน 3 เดือน

 

ซึ่งรัฐบาลต่อ ๆ มาได้ดำเนินงานตามโครงการรับจำนำใบประทวนสินค้ามาอย่างต่อเนื่อง

จนประทั้งปีการผ่ลิต 2551/52  รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ ได้ปรับเปลี่ยนเป็นการประกันรายได้

ขั้นต่ำ

 

อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้เพิ่มราคาเป้าหมายในโครงการรับจำนำข้าว ให้สูงกว่าราคาตลาด

ในขณะเดียวกันก็เพิ่มปริมาณเป้าหมายของการรับจำนำข้าวให้มีจำนวนมากขึ้น ประเด็น

สำคัญ ยังมีมาตราให้โรงสีของเอกชนเข้ามาเป็นกลไกที่สำคัญในกระบวนการรับจำนำ

ข้าวเปลือก นอกเหนือจาก ธกส, สหกรณ์ที่ดำเนินการรับจำนำและฝากข้าวไว้ที่ยุ้งฉาง

ของเกษตรกร และหน่วนงานสถาบันเกษตรกรในแหล่งผลิต

 

อีกทั้ง ยังเปิดให้มีการรับจำนำใบประทวนสินค้า โดยให้เกษตรกรนำข้าวเปลือกมาจำนำ

กับโรงสี  และให้โรงสี โดยมี อตก และ อคส เป็นผู้ออกใบประทวนสินค้าให้เกษตรกร

ซึ่งเกษตรกรสามารถนำใบประทวนที่ได้รับ ไปขึ้นเงินกับ ธกส ได้ตามราคาที่ประกาศ

รับจำนำ

 

ในปีการผลิต 2544/45  รัฐกำหนดปริมาณเป้าหมายโครงการรับจำนำเพิ่มจากเดิมที่

กำหนดไว้เพียง 2.5 ล้านตัน เป็น 8.7  ล้านตัน

 

ในปีการผลิต 2545/46  เพิ่มปริมาณเป้าหมายขึ้นเป็น  9 ล้านตัน หรือประมาณเกือบ

1 ใน 3 ของผลผลิตข้าวทั้งประเทศ

 

นอกจากจะเพิ่มปริมาณเป้าหมายการรับจำนำแล้ว รัฐยังได้กำหนดราคารับจำนำข้าว

ให้สูงกว่าราคาตลาด ตามชนิดของข้าว (ตารางประกอบจากอินเทอร์เน็ต)

 

4Lhsco.JPG

 

ผลที่ตามมาคือ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเพิ่มขึ้นจาก  2.7  ล้านตัน

ในปีการผลิต 2546/47  เป็น

 

- 9.4  ล้านตัน ในปีการผลิต 2547/48  และ

- 9.5  ล้านตัน ในปีการผลิต 2548/49

 

ส่งผลต่อเนื่องให้มูลค่ารับจำนำเพิ่มขึ้นจากมูลค่าประมาณ  12,429  ล้านบาทในปีการ

ผลิต 2546/47  เป็นมูลค่าโดยประมาณ  71,773  ล้านบาทในปีการผลิต 2548/49 

แต่ปริมาณการไถ่ถอนของเกษตรกรกลับลดลง ผลที่ตามมาคือ ปริมาณข้าวหลุดจำนำ

และตกเป็นกรรมสิทธิของรัฐ มีปริมาณสูงขึ้นมากกว่าโครงการรับจำนำในอดีต

(ตารางประกอบจากอินเทอร์เน็ต)

 

mKaL8S.JPG

 

ภายหลังเหตุการณ์  2549  รัฐบาลพลเอกสุรยุทธิ์  ได้ดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2549/50

โดยยังคงยึดตามหลักการเดิม  ในเดือนกรกฏาคม 2550 ได้เปลี่ยน คณะกรรมการนโยบายข้าว ( กนข )

เป็น คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ( กขช )  ซึ่งคณะกรรมการ กขช ได้ปรับลดปริมาณเป้าหมายจาก

9 ล้านตันมาเป็น 8 ล้านตัน เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย ที่มีนโยบายปรับลดการแทรกแซง

ของรัฐในตลาดข้าวลงปีละ 10%  ในขณะเดียวกัน กขช ยังปรับลดราคารับจำนำข้าวลงให้ใกล้เคียงกับ

ราคาตลาด

 

ในปีการผลิต 2550/51  รัฐยังคงยึดปริมาณเป้าหมายเดิมคือ 8 ล้านตัน แต่ปรับเพิ่มราคารับจำนำสูงขึ้น

เล็กน้อย เช่น ข้าวหอมมะลิ จากเดิมตันละ 9,000 บาทเป็น 9,300 บาทเป็นต้น มีกำหนดระยะเวลาไถ่ถอน

4  เดือน  ประกอบด้วยในปีการผลิต 2550/51 ราคาข้าวในตลาดมีแนวโน้มสูงขึ้น และราคารับจำนำข้าว

ใกล้เคียงกับราคาตลาด ทำให้ปริมาณข้าวที่เข้าโครงการมีเพียง  3.45 ล้านต้น (นาปี 1.81 ล้านต้น,

นาปรัง 1.64 ล้านตัน)

 

ต่อมาให้สมัยรัฐบาลสมัคร ในช่วงต้นยังคงใช้หลักการเดิมในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ในช่วงเดือน

มีนาคม-กรกฎาคม 2551  เกิดสถานการณ์วิกฤตอาหารและพลังงานโลก ส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลก

ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 100%  เกษตรกรเรียกร้องให้รัฐบาลปรับราคารับจำนำข้าวในฤดูนาปรัง 2551 ให้สูง

เท่ากับราคาตลาด (ราคาข้าวเปลือกตันละ 15,000 บาท)

 

ครม มีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลัง และ ธกส ดำเนินรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังความชื้นไม่เกิน 15%

ในราคาตันละ  14,000 บาท

 

เป็นผลต่อเนื่องมายังรัฐบาลสมชาย แม้ว่าราคาข้าวในตลาดโลกจะลดลงมาร้อยละ 40 และราคารับซือ

ในตลาดโรงสีของเอกชนจะลดลงมาที่ระดับต่ำกว่าตันละ  10,000 บาท  รัฐบาลยังคงรักษาระดับราคา

รับจำนำข้าวไว้ในระดับที่สูง ซึ่งมีสาเหตุมาจาก

 

- การเรียกร้องของเกษตรกร

- นโยบายการหาเสียงแบบประชานิยม เพื่อรักษาฐานเสียง

 

สำหรับผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวแต่ละปี  พอสังเขป

(ตารางประกอบจากอินเทอร์เน็ต)

 

jzfT50.JPG

 

 

จะมองมุมไหน...ก็ไม่มีแววว่าจะมีผลขาดทุนสะสมต่อเนื่องถึง  260,000 ล้านบาท ตามที่ท่าน รมช

ได้กล่าวอ้างแต่อย่างใด..

 

แล้วผลขาดทุน  260,000  ล้านบาทที่กำลังเป็นประเด็น ว่าจะมีความพยายามซุกซ่อนปรับเปลี่ยน

ตัวเลข เพื่อรักษาเก้าอี รักษาภาวะความนิยมตกต่ำ...มีที่มาที่ไปอย่างไร...รอทัศนาในช่วงต่อไป
 


 

 


Edited by bird, 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 22:31.


#36 MuuSang

MuuSang

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,604 posts

ตอบ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 02:29

สังหรณ์ใจว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างแล้วสิ เพราะหมู่นี้นักคิดแห่งเสรีไทย โพสต์กันเยอะเหลือเกิน


แม้นใครรัก รักมั่ง ชัง ชังตอบ

#37 whiskypeak

whiskypeak

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,392 posts

ตอบ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 03:30

กระทู้ดีๆ ช่วยดันครับ..


ถูกใจเสื้อแดง ของแพงไม่ว่า โดนโกงไม่ด่า ขอแค่ตระกูลชินนรกเป็น นายก พอ..

 


#38 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 11:45

รายงานผลการดำเนินนโยบายข้าว ปีการผลิต 2547/48 และ 2548/49

 

สรุปโดยสังเขปจาก รายงานผลการดำเนินนโยบายข้าวฯ (ฝ่ายเลขานุการ กนข., ตุลาคม 2549)

 

" ตั้งแต่ปีการผลิต 2547/48 เป็นต้นมา มีการปรับราคาข้าวเปลือกสูงขึ้นจากปีการผลิต 2546/47 

ต้นละ 1,270. - 3,000 บาท ตามชนิดข้าว ซึ่งล้วนแต่เป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดเฉลี่ยประมาณ

ร้อยละ 20-30  เป็นผลให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรับจำนำเพิ่มสูงขึ้น

 

- ปีการผลิต  2546/47   ปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการ  2.38 ล้านตัน

- ปีการผลิต  2547/48   ปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการ  5.30 ล้านตัน

- ปีการผลิต  2548/49   ปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการ  5.29  ล้านตัน

 

ส่งผลให้รัฐมีภาระ ต้นทุนการรับจำนำ การบริหารจัดการ และการตรวจสอบการรับจำนำเพิ่มสูงขึ้น

ส่งผลให้มีการรั่วไหลและเกิดการทุจริต แม้ว่าจะมีการกำกับดูแลเข้มงวด แต่เนืองจากมีปริมาณข้าว

ที่รับจำนำมีมากจึงทำให้เกิดการรั่วไหลได้ง่าย  ( ไม่ได้กล่าวอ้างเองแต่ คัดลอกมาจากรายงานฯ )

 

และด้วยสาเหตุราคารับจำนำสูงกว่าราคาตลาด ทำให้เกษตรกรไม่มาไถ่ถอนข้าวคืน ส่งผลให้

รัฐมีสต็อกคงเหลือเพิ่มขึ้นทุกปี

 

- ปีการผลิต  2546/47  มีสต็อกข้าวสารในโกดังกลางประมาณ  0.944  ล้านตัน

- ปีการผลิต  2547/48  มีสต็อกข้าวสารในโกดังกลางประมาณ  3.236  ล้านต้น

- ปีการผลิต  2548/49  มีสต็อกข้าวสารในโกดังกลางประมาณ  3.715  ล้านตัน

 

ส่วนที่สำคัญคือ ผลการดำเนินโครงการรับจำนำ ขาดทุนเท่าไหร่

 

ในรายงานระบุไว้ในส่วน ค่าใช้จ่ายและส่วนต่างราคาขาดทุนที่ประสบ  สรุปพอสังเขป

 

รัฐมีรายจ่ายสุทธิ  ซึ่ง ประกอบด้วย  ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน บวกกับ ผลขาดทุนโครงการ

 

- โครงการรับจำนำฯ นาปี ปีการผลิต  2547/48  มีรายจ่ายสุทธิ   9,574  ล้านบาท

 

- โครงการรับจำนำฯ นาปรัง ปีการผลิต  2548    มีรายจ่ายสุทธิ      904  ล้านบาท

 

- โครงการรับจำนำฯ นาปี ปีการผลิต  2548/49  มีรายจ่ายสุทธิ   5,994  ล้านบาท

 

- โครงการรับจำนำฯ นาปรัง ปีการผลิต  2549    มีรายจ่ายสุทธิ   1,811  ล้านบาท

 

รวมรายจ่ายสุทธิ (ค่าใช้จ่าย+ขาดทุน) สะสมสุทธิ 18,283 ล้านบาท

 

เดี๋ยวจะกล่าวหาว่า พูดเอง เออเอง คิดเอง..เรียนเชิญวิเคราะห์จากรายงานได้ค่ะ

 

vs7JG8.jpg

 

 

ทั้ง ๆ ที่เคยมีบทเรียน กรณีราคารับจำนำสูงกว่าตลาดให้ช่วงปีการผลิต 2547 - 2549 ซึ่งรัฐบาล ทรท

ทำหน้าทีบริหารบ้านเมือง รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งมีวาทกรรมที่ว่า ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ น่าจะนำบทเรียน

ดังกล่าวมาพิจารณาวิเคราะห์ให้รอบคอบเสียก่อน ที่จะดำเนินนโยบายรับจำนำ ที่นำมาซึ่งผลขาดทุน

จำนวนมหาศาล นั้นหมายถึง งบประมาณแผ่นดิน ที่ได้มาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ

 

 



#39 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 12:24

>>> ชักไม่แน่ใจ  ว่าเขาจะ บริหาร..
..บ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง.......

 

>>> หรือจะ  ซ้ำเติมให้ บ้านเมืองถึง

--การพินาศย่อยยับกันแน่........

 

>>> เพราะเท่าที่ ตามดู แต่ละคนตั้งแต่

..โต้ง ขี้โม้.เหลิม ขี้ข้า.ป๊อด ขยะเปียก.

..มาถึง..โจ๊กเละ..ซ้ง คันหู....ฯลฯ ไม่แน่

..ใจ ว่า ( สร้างหรือทำลาย).......
 



#40 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 12:56

>>> ชักไม่แน่ใจ  ว่าเขาจะ บริหาร..
..บ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง.......

 

>>> หรือจะ  ซ้ำเติมให้ บ้านเมืองถึง

--การพินาศย่อยยับกันแน่........

 

>>> เพราะเท่าที่ ตามดู แต่ละคนตั้งแต่

..โต้ง ขี้โม้.เหลิม ขี้ข้า.ป๊อด ขยะเปียก.

..มาถึง..โจ๊กเละ..ซ้ง คันหู....ฯลฯ ไม่แน่

..ใจ ว่า ( สร้างหรือทำลาย).......
 

 

 

จุดประสงค์ของเค้าก็คือ...

 

 

สร้าง....ความมั่นคงให้กับ ตัวเอง ครอบครัว และ เครือญาติ

 

ทำลาย...ผลประโยชน์ส่วนรวม



#41 Lincoln16

Lincoln16

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 428 posts

ตอบ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:16

เข้ามาเก็บข้อมูล และพร้อมสนับสนุน


People shouldn't be afraid of their government.

Governments should be afraid of their people

 


#42 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 17:33

เจตนาปกปิดข้อมูล

 

ได้รับฟังคำชี้แจงที่ทยอยออกมาเรื่อย ๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรับจำนำข้าวเปลือก

ได้ข้อสรุปเพียงว่า...

 

" ผลขาดทุนดังกล่าวเป็นผลขาดทุนสะสมมาตั้งแต่เริ่มโครงการ.."

" ยังมีสินค้าคงเหลือที่ยังไม่ได้จำหน่าย ซึ่งต้องนำมาหักออกไป "

" และยังมีค่าใช้จ่ายดำเนินการอีก...ยังไงก็ขาดทุนน้อยกว่า.."

 

ดังกล่าวข้างต้น ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า แท้จริงแล้ว...ผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร

 

หากย้อนกลับไปดูข้อมูลการรับจำนำข้าวเปลือกที่ผ่าน ขออนุญาติเปรียบเทียบเพียง

2 โครงการ ทั้งนี้เพราะความแตกต่างในเกณฑ์การกำหนดราคาของทั้ง 2 โครงการ

 

โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2548/49 ตามมติ คชก ครั้งที่ 13/2548

ลว. 9 กย. 2548  มีเป้าหมายกำหนด 9.0 ล้านตันข้าวเปลือก มีเกณฑ์กำหนดราคา 

รับจำนำสูงกว่าราคาตลาด ณ วันรับจำนำ เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด ส่งผลให้

เมื่อสิ้นสุดระยะเวลารับจำนำ มีปริมาณข้าวเปลือกเข้าโครงการทั้งสิ้นประมาณ 5.29

ล้านตัน วงเงินที่ใช้ประมาณ 44,797.02 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายดำเนินงานประมาณ

6,961.24 ล้านบาท รวมวงเงินใช้ไปประมาณ 51,758.26 ล้านบาท มีผลขาดทุน

จากโครงการประมาณ 19,130 ล้านบาท และมีหนี้สินค้างชำระ ธกส ณ 31 พค. 52

จำนวน  5,161 ล้านบาท

 

tcs6CO.jpg

ที่มา : มติ คชก 13/48 ข้อ 13  , กรมการค้าภายใน

 

โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2549/50  ตามมติ คชก ครั้งที่ 4/2549

ลว. 26 ตค. 2549  มีเป้าหมายกำหนด 9.0 ล้านตันข้าวเปลือก มีเกณฑ์กำหนดราคา

รับจำนำใกล้เคียงกับราคาตลาด ณ วันรับจำนำ โดยไม่บิดเบือนกลไกตลาด  เมื่อสิ้น 

สุดระยะเวลารับจำนำ มีปริมาณข้าวเปลือกเข้าโครงการทั้งสิ้นเพียง 1.809 ล้านตัน

วงเงินที่ใช้ประมาณ 7,202.25  ล้านบาท  มีค่าใช้จ่ายดำเนินงานประมาณ 3,450.66

ล้านบาท รวมวงเงินใช้ไปประมาณ 10,652.91 ล้านบาท ผลขาดทุนของโครงการ

เกิดขึ้นเฉพาะในส่วนของค่าใช้จ่ายดำเนินงาน มีหนี้สินค้างชำระ ธกส  ณ  31 พค.

2552  จำนวน 1,051 ล้านบาท

 

rv74aP.jpg

ที่มา : มติ คชก 4/49 ข้อ 2 , กรมการค้าภายใน

 

ผลขาดทุนจากโครงการปี 2548/49 มีสาเหตุมาจากเกษตรกรไม่มาไถ่ถอนข้าวที่

จำนำ เพราะราคารับจำนำของรัฐสูงกว่าราคาตลาด ทำให้เกษตรกรมาไถ่ถอนข้าว

ไปเพียง 1.165 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ  22.19 ของปริมาณข้าวเปลือกที่รับจำนำ 

ในขณะที่โครงการปี 2549/50  ราคารับจำนำใกล้เคียงกับราคาตลาด ส่งผลให้

เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมาไถ่ถอนข้าวจากโครงการคิดเป็นร้อยละ 98.04 ของ

ปริมาณข้าวที่รับจำนำ ทำให้ค่าใช้จ่ายกรณีข้าวหลุดจำนำ รวมทั้งเงินชดเชยค่า

ดอกเบี้ยจึงมีมูลค่าน้อยกว่ากรณีมีข้าวหลุดจำนำในปริมาณที่สูงเกินไป

 

วิเคราะห์ดูแล้วยังไม่มองไม่เห็นว่า...จะทำให้มีผลขาดทุนสะสมถึง 2 แสนล้านบาท

ได้อย่างไร

 

ข้อมูลข้างต้น สามารถสืบค้นได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะผู้บริหารควร

จะนำมาประกอบการพิจารณาแนวนโยบายการบริหารประเทศ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น

กลับตรงข้าม ภายใต้คำกล่างที่ว่า...นโยบายเพื่อประชาชน...

 

แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา...การสูญเสียงบประมาณก้อนมหาศาล ซึ่งหมายถึงภาษีของ

ประชาชนก้อนมหาศาลเช่นกัน..."

 

เกษตรกรเป็นบุคคลที่น่าชมเชยของประเทศ แต่การทุ่มงบประมาณลงไปอย่าง

ไร้ทิศทาง อย่างไร้ประสิทธิภาพ โดยไม่คำนึงถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

ก็เป็นสิ่งที่ไม่สมควรเช่นเดียวกัน อย่าลืมว่า พลเมืองของประเทศไม่ได้มีเพียง

เกษตรกรเท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กระจายอยู่ในสังคม จึงเป็นหน้าที่

ของรัฐ ที่จักต้องวางนโยบายจัดสรรงบประมาณดูแล ให้ทั่วถึง ไม่ใช่เพียงการ

ทุ่มงบประมาณเพียงเพื่อต้องการรักษาฐานเสียง....


Edited by bird, 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 17:35.


#43 burapha34

burapha34

    น้องใหม่

  • Members
  • Pip
  • 36 posts

ตอบ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 19:26

เป็นกระทู้ที่ดีมาก ๆ ขอดันน๊ะครับ



#44 ppneer

ppneer

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,201 posts

ตอบ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 19:34

เบิร์ดแลนด์ของแท้


ขวานทอง บรรพบุรุษ เป็นคนสร้างให้เราทุกวันนี้ ตัวกูจะปกปักรักษาเท่าชีวิตเพื่อ พ่อหลวง กูถวายชีวิตใอ้แม้ว ออกไปๆๆๆ กูเกลียดใอ้แม้ว

#45 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 00:40

ข้อมูลก่อนแถลง ตัวเลขชุดใหม่

 

ข้างต้นที่นำเสนอมา เป็นข้อมูลโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในอดีต ทั้งที่มีการกำหนดราคา

รับจำนำโดยอ้างอิงจากราคาตลาด มีการกำหนดปริมาณเป้าหมายชัดเจน อีกทั้งยังกำหนด

วงเงินรับจำนำร้อยละ 80-90 ของมูลค่าข้าวเปลือกที่รับจำนำในมูลค่าราคาตลาด จนกระทั่ง

มีการเปลี่ยนแปลงในปี 2546 - 2549 ที่กำหนดราคารับจำนำสูงกว่าราคาตลาดในอัตราสูง

เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด

 

ส่งผลให้วัตถุประสงค์ของโครงการรับจำนำเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากวัตถุประสงค์เดิมที่

กำหนดไว้เพื่อชะลอปริมาณข้าวเปลือกไว้จำหน่ายนอกฤดูกาลผลิต เพือช่วยเหลือเกษตรกร

ให้จำหน่ายข้าวเปลือกได้ในราคาที่สูง และรัฐไม่ต้องแบกรับภาระผลขาดทุนมากจนเกินไป

 

แปลเปลี่ยนเป็นโครงการที่สร้างผลขาดทุนจำนวนมหาศาล ที่ต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อ

ชดเชยผลขาดทุนที่เกิดขึ้น อย่างไม่สมเหตุสมผล เป็นใช้งบประมาณอย่างไร้ประสิทธิภาพ

 

ถึงกระนั้น รัฐบาลภายใต้การนำของยิ่งลักษณ์ ยังมีมติ ครม ลว. 13 กย. 2554 อนุมัติกรอบ

โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ตาม มติ กขช ครั้งที่ 1/2554 ลว.

9 กย. 2554  ที่เสนอให้ ครม อนุมัติ

 

VpyoRh.jpg

ที่มา : มติ กขช 1/2554 ลว. 9 กย.54, กรมการค้าภายใน

 

และยังตามมาด้วย โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2555 ตามมติ กขช ครั้งที่ 1/2555

ลว. 13 กพ. 2555

 

fTNkOy.jpg

ที่มา : มติ กขช  1/55 ลว. 13 กพ.55, กรมการค้าภายใน

 

ซึ่งมติ ครม และ กขช ข้างต้น นำมาซึ่งผลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือก

นาปี 2554/55 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2555 ดังปรากฏในรายงานทาง

การเงินของ ธกส สำหรับรอบระยะบัญชี 1 เมษายน 2555 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2556 ใน

ส่วนของหมายเหตุประกอบงบการ ข้อ 7.36 (หน้า 48-49) ซึ่งรายงานทางการเงินหรือ

งบการเงินดังกล่าว ได้รับการอนุมัติจากผู้บริหาร ธกส เมือวันที่ 30 พค. 2556 และได้รับ

การอนุมัติจาก สตง ในวันที่ 30 พค. 2556  ถือเป็นข้อมูลอ้างอิงที่มีความถูกต้องน่าเชื่อถือ

 

JWmfta.jpg

ภาพประกอบ : หมายเหตุประกอบงบการเงิน ธกส ณ 31 มีค.56, ข้อ 7.36 หน้า 48

 

จากภาพประกอบข้างต้น จะเห็นว่าในตารางแสดงโครงการและวงเงินที่ใช้ไป ณ 31 มีค.

2556  ในที่นี้ขออนุญาติยกมาเฉพาะข้อมูลของโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 54/55

และโครงการรับจำนำข้าวนาปรัง ปี 55  ดังนี้

 

- โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/55   มีวงเงินใช้ไป      70,399.42  ล้านบาท

- โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง  2555    มีวงเงินใช้ไป    193,910.00  ล้านบาท

 

รวมวงเงินใช้ไป เฉพาะโครงการรับจำนำข้าวเปลือ ทั้งสิ้น         264,309.42  ล้านบาท

 

วงเงินใช้ไป ณ ที่นี่จะยังไม่ถือว่าเป็นผลขาดทุน ได้หรือไม่

 

ดังนี้เพราะผุ้ที่เกี่ยวข้อง ท่าน รมช ได้แถลงไว้ว่า ยังมีสินค้าคงเหลือ ซึ่งก็คือ ข้าวเปลือก

ที่เข้าร่วมโครงการ รอการจำหน่าย เมื่อนำยอดการจำหน่ายมาหักออกจากวงเงินใช้ไปแล้ว

จึงจะถือว่า เป็นผลขาดทุนที่แท้จริง...ซึ่งก็ไม่ผิด

 

หากแต่ มติ กขช ครั้งที่ 1/2555 ข้อ 3 (1) กำหนดไว้ว่า

 

nSFr98.jpg

ที่มา : มติ กขช  1/55 ลว. 13 กพ.55, กรมการค้าภายใน

 

นั้นจะอนุมาณได้หรือไม่ว่า  วงเงินใช้ไป สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 54/55

และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 55  ที่นำเสอนในหมายเหตุประกอบงบการเงิน

ของ ธกส สำหรับปีสิ้นสุด 31 มีนาคม 2556 ดังกล่าวข้างต้นนั้น คือ..

 

ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นจริง.....ได้หรือไม่ หรือต้องรอจำหน่าย Stock ข้าวให้เสร็จสิ้น

 

แต่การเก็บรักษา Stock ข้าว, การรักษาคุณภาพนั้น ย่อมจะมีค่าใช้จ่ายตามมาเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็น ค่าเช่าโกดัง ยุ้งฉาง โรงสี และ เงินชดเชยค่าดอกเบี้ยเงินกู้ รวมไปถึง

การสูญเสียน้ำหนักข้าว ตามธรรมเนียมที่ คชก เคยปฎิบัติมา

 

ข้าวที่เก็บรักษาไม่เกิน  6 เดือน หักการสูญเสียน้ำหนักร้อยละ 0.5

ข้าวที่เก็บรักษาเกิน  6 เดือนขึ้นไป หักการสูญเสียน้ำหนักร้อยละ 1

 

นั้นยังไม่รวมถึงราคาที่จะสามารถจำหน่ายได้ ซึ่งหากต่ำว่าราคาที่รับจำนำไว้ จะ

ส่งผลให้ ขาดทุนจากการดำเนินงานเพิ่มมากขึ้น

 

ปริมาณสต็อกข้าวคงเหลือ ตามคำแถลงของ อคส เมื่อวันที่  6 มิย. 2556 

 

rKnxpp.jpg

ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/86981

 

ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงการสรุปเฉพาะ โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/55

และ นาปรังปี 2555 เท่านั้น ยังไม่รวมวงเงินที่ใช้ไปแล้วสำหรับโครงการรับจำนำ

ข้าวเปลือกนาปี 2555/56  จำนวน  174,207.93  ล้านบาท ตามที่ปรากฏอยู่ใน

หมายเหตุประกอบงบการเงิน ธกส  สำหรับปีสิ้นสุด 31 มีค. 2556 ข้อ 7.37 (หน้า

49 ) แต่อย่างใด

 

การแถลงข้อมูลทางการบัญชี หากจะหวังผลทางด้านบวกของโครงการ ควรจะ

มอบหมายให้ ผู้เชี่ยวชาญ บัญชีการเงิน เป็นผู้แถลง เพราะจะทำให้ทราบที่มาที่ไป

และแนวโน้มของมูลค่าที่คาดว่าน่าจะจำหน่ายได้อนาคต

 

มิใช่ การตอบคำถามที่ว่า

 

" ยังไงก็ขาดทุนน้อยกว่าโครงการของรัฐบาลที่ผ่านมา..."

" แจกแจงไปเรื่อย แล้วนำโครงการรถดับเพลิง มาแฉ ดูซิว่า ใครจะสร้างความเสีย

หายมากกว่ากัน.."

 

เพราะนั้นไม่ใช่คำตอบที่ระดับผู้บริหารจะใช้ตอบคำถามที่ว่า

โครงการขาดทุน 2.60 แสนล้านบาทจริงหรือไม่...

 

กลับจะยิ่งตอกย้ำ ว่า...นายกจัดวางบุคคลากรไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง...

 

 



#46 bird

bird

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,191 posts

ตอบ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 00:27

พฤติกรรมเช่นนี้...ไร้ความรับผิดชอบ...ใช่หรือไม่

 

ภายหลังการประชุมด่วน กขช เมื่อวันที่ 18 มิย. 2556  เป็นการเรียกประชุมที่เกิดขึ้นหลังจาก

การที่ประชุม ครม  รับทราบแนวทางการปรับรายละเอียดโครงการรับจำนำข้าว โดยการปรับลด

เพดานราคารับจำนำลงจากปัจจุบันที่กำหนดราคารับจำนำข้าว 15,000 เหลือตันละ 12,000

 

นายบุญทรง  รมต ที่มีหน้าทีดูแลรับผิดชอบนโยบายรับจำนำข้าวโดยตรง กล่าวภายหลังการ

ประชุมด่วนพิเศาของ กขช สรุปใจความพอสังเขป ความว่า

 

" กขช. มีมติปรับลดราคาจำนำข้าวเปลือกเจ้า เหลือตันละ 12,000 บาท จากตันละ 15,000

บาท โดยราคาดังกล่าว ให้ใช้จำนำเฉพาะ โครงการจำนำข้าวนาปรังปี 2556  มีผลตั้งแต่วันที่

1 ก.ค. 2556

อีกทั้งยังปรับเงื่อนไขการรับจำนำข้าวนาปรังที่เริ่มมาตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์  56 โดยกำหนด

วงเงินในการรับจำนำไว้ไม่เกินรายละ 5 แสนบาท  โดยมีผลทันทีตั้งแต่วันที่  20 มิ.ย. 2556

 

รมต ให้เหตุผลในการปรับลดราคารับจำนำข้าวไว้ ความว่า

         

“ การปรับลดรายละเอียดโครงการรับจำนำที่ให้เริ่มตั้งแต่นาปรังปี 56  นั้น

 

ไม่ใช่เป็นเพราะรัฐบาลเงินไม่พอ แต่เรามีภาระที่ต้องรับผิดชอบต่องบประมาณในภาพรวม และ

ต้องรักษาวินัยทางการเงินการคลัง เพื่อให้เป้าหมายการจัดทำงบประมาณสมดุลเกิดขึ้นในปี 60

ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายว่า รัฐบาลจะจำกัดวงเงินภาระค่าใช้จ่ายและผลขาดทุนในโครงการรับจำนำ

ไม่เกินปีละ 100,000 ล้านบาท "

 

ประเด็นคำถามที่ว่า การลดราคารับจำนำข้าว หมายความว่า รัฐบาลยอมรับว่าดำเนินนโยบาย

รับจำนำข้าวผิดพลาดหรือไม่  นายบุญทรง กล่าวว่า

 

" ไม่ถือว่าเป็นนโยบายที่ผิดพลาด เพราะในการกำหนดนโยบายขณะนั้น ผู้ทำนโยบายต้องการ

หาวิธีที่จะให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้นเร็วที่สุด และใกล้เคียงกับรายได้ของแรงงานที่เพิ่มขึ้นเป็น

วันละ 300 บาท ดังนั้น การรับจำนำข้าวราคาสูง จึงเป็นวิธีที่จะทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น

เร็วที่สุดได้  แต่เมื่อดำเนินโครงการมาระยะหนึ่ง ปัจจัยต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป

 

ทั้งสต๊อกข้าวของประเทศคู่แข่ง อย่างอินเดีย และเวียดนาม ที่เร่งเพาะปลูกจนผลผลิตล้นตลาด

จึงต้องแข่งกันลดราคาขาย ส่งผลให้ข้าวไทยขายยาก เพราะราคาสูงกว่าคู่แข่งมาก

 

อีกทั้งกระทรวงการคลังต้องการให้รักษาวินัยทางการเงินการคลัง จึงต้องจำกัดวงเงิน ภาระ

ค่าใช้จ่าย และผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวไม่เกินปีละ 100,000 ล้านบาทไว้ "

 

ทั้งนี้ นโยบายรับจำนำข้าวทุกเมล็ด ในราคาตันละ 15,000 - 20,000 บาท เป็น 1 ในนโยบายที่

รัฐบาลภายใต้การนำของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาเมื่อวันที่  23 สิงหาคม 2556

โดยกำหนดไว้ในส่วนของ นโยบายเร่งด่วนที่ต้องจะเร่งดำเนินการในปีแรก ความว่า

 


 

vci7Nj.JPG

 

จากคำกล่าวของ รมต พอจะอนุมานได้หรือไม่ว่า

 

นโยบายการรับจำนำข้าว เป็นนโยบายเร่งด่วนในปีแรก จึงไม่จำเป็นที่จักต้องดำเนินการต่อเนื่อง

ตลอดไปในช่วงเวลาการบริหารราชการแผ่นดิน มิใช่เป็นการไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ 

 

ถึงกระนั้น หากเป็นการไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ ก็มิได้มีบทกำหนดโทษบัญญัติไว้เป็น

ลายลักษณ์อักษร จึงถือได้ว่ามิได้เป็นการกระทำผิดต่อกฏหมายรัฐธรรมนูญแต่ประการใด 

 

หากแต่ว่า พรก ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ ความว่า

 

หมวด  ๒  การบริหารราชการเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขของประชาชน

 

มาตรา ๗  การบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน หมายถึง การปฏิบัติราชการที่มี

เป้าหมายเพื่อให้เกิดความผาสุกและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ความสงบและปลอดภัย

ของสังคมส่วนรวม ตลอดจนประโยชน์สูงสุดของประเทศ

 

มาตรา ๘  ในการบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ส่วนราชการจะต้องดำเนินการ

โดยถือว่าประชาชนเป็นศูนย์กลางที่จะได้รับการบริการจากรัฐ และจะต้องมีแนวทางการบริหาร

ราชการ ดังต่อไปนี้

 

๑)  การกำหนดภารกิจของรัฐและส่วนราชการต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๗ และ

สอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐและนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา

 

๒)  การปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการต้องเป็นไปโดยซื่อสัตย์สุจริต สามารถตรวจสอบได้

และมุ่งให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น

 

๓)  ก่อนเริ่มดำเนินการ ส่วนราชการต้องจัดให้มีการศึกษาวิเคราะห์ผลดีและผลเสียให้ครบถ้วน

ทุกด้าน  กำหนดขั้นตอนการดำเนินการที่โปร่งใส  มีกลไกตรวจสอบการดำเนินการในแต่ละ 

ขั้นตอน  ในกรณีที่ภารกิจใดจะมีผลกระทบต่อประชาชน ส่วนราชการต้องดำเนินการรับฟัง

ความคิดเห็นของประชาชนหรือชี้แจงทำความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงประโยชน์

ที่ส่วนรวมจะได้รับจากภารกิจนั้น

 

๔) .....

๕) .....

 

การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง..... "

 

หมวด  ๓  การบริหารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ

 

มาตรา  ๑๓  ให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีแผนการบริหารราชการแผ่นดินตลอดระยะเวลาการบริหาร

ราชการของคณะรัฐมนตรี

 

เมื่อคณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนัก

เลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและ

สำนักงบประมาณร่วมกันจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา

ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

 

เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในแผนการบริหารราชการแผ่นดินตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้มี

ผลผูกพันคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี และส่วนราชการ ที่จะต้องดำเนินการจัดทำภารกิจให้เป็นไป

ตามแผนการบริหารราชการแผ่นดินนั้น "

 

ดังกล่าวข้างต้น พอจะอนุมานได้หรือไม่ว่า...การวางแนวนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน

ของรัฐบาล มิได้คำนึงถึง พรก หลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมื่องที่ดี พศ. ๒๕๔๖

ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษษ  เล่ม ๑๒๐ ตอนที่ ๑๐๐ ก วันที่ ๙  ตุลาคม ๒๕๔๖

 

แต่การวางแนวนโยบายเพียงเพื่อรักษาฐานเสียง และเพียงเพื่อให้เป็นไปตามคำโฆษณา

หาเสียงในช่วงการเลือกตั้งทั่วไป โดยมิได้คำนึงถึงผลประโยชน์โดยภาพรวมของประเทศ

แต่อย่างใด

 

อีกทั้ง ยังมีเสียงคัดค้านจากหลายภาคส่วน ให้รัฐบาล ครม และ รมต ที่เกี่ยวข้องให้ทบทวน

มาตราการนโยบายให้รอบคอบเสียก่อน เพราะจะนำมาซึ่งความสูญเสียงบประมาณแผ่นดิน

และยังส่งผลต่อตลาดส่งออกข้าวของไทยอย่างมหาศาล

 

แต่ท้ายที่สุด รัฐบาลก็มิได้สนใจคำทักท้วง ยังคงเดินหน้านโยบายรับจำนำข้าวตันละ 15,000

- 20,000 บาท ในปีการผลิตนาปี  2554/55  ประมาณ  42,963.13  ล้านบาท และนาปรัง 55

มีผลขาดทุนประมาณ  93,933.67  ล้านบาท รวมผลขาดทุนประมาณ 136,896.80 ล้านบาท

ยังไม่รวมผลขาดทุนฤดูการผลิตนาปี 2555/56  ที่เริ่มดำเนินการ

 

คำกล่าวของ รมต ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้นำเสนอข้างต้นนั้น พอจะอนุมานได้หรือไม่ว่า เป็นการ

ปัดความรับผิดชอบอันพึงมีต่อส่วนรวม ในฐานะที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบนโยบายรับจำนำ

ข้าวโดยตรง และอาจจะเป็นความรับผิดชอบโดยตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่

 

ละไว้ให้ทุกท่านพิจารณาตามวิสัยทัศน์และมุมมองของแต่ละท่าน






ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน