อย่าเพิ่งตัดพ้อชาวนาครับ ปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องการเกษตรของไทย รวมถึงของโลก มันมีที่มาที่ไปอยู่ครับ
และมีมานานกว่าสามชั่วอายุคนแล้ว ทุกวันนี้ คนที่ทำอาชีพเกษตร เหมือนติดกับอะไรบางอย่าง ไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองได้
เช่น ชาวนา เมื่อถึงหน้าทำนา ก็ต้องไปกู้ยืมเงินมาสำหรับซื้อเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง น้ำมัน และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกที่ต้องเตรียมไว้
ถ้าฝนดี ผลผลิตมาก ราคาก็จะตก ไม่พอกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่พอชำระหนี้ หนี้ก็เพิ่มขึ้น ความทุกข์ของชาวนานั้นมีอยู่จริง
ถ้าผลผลิตน้อย ราคาสูง ก็ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะไม่ได้สีขาวเอง ไม่ได้จัดจำหน่ายข้าวเอง ต้องไปขายให้โรงสี โรงสีก็กดราคาชาวนา
และข้าวก็ถูกนำไปส่งออกในราคาที่สูง ชาวนาไม่ได้อะไร ทุกข์เหมือนเดิม
ทุกรัฐบาล พยายามที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ แต่แก้ไม่ได้ ทั้งๆที่มีคนเข้าต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริง แต่แก้ไม่ได้
สาเหตุที่แก้ไม่ได้ เพราะถ้าแก้แล้ว จะมีกลุ่มที่เสียประโยชน์ พยายามขัดขวางโดยผ่านนักการเมือง
ต่อมา พวกนักการเมืองเห็นว่า ชาวนาเป็นกลุ่มที่เป็นฐานเสียงขนาดใหญ่ ด้วยความที่ต้องการอำนาจรัฐแต่ไม่มีความจริงอะไร
ก็ออกนโยบายประชานิยมจำนำข้าวทุกเมล็ดตามที่เราเห็นกัน ซึ่งผมไม่ขอพูดในรายละเอียด
แต่สิ่งที่ผมจะเล่าสู่กันฟังก็คือ สาเหตุแห่งปัญหาของชาวนา หรือเกษตรกรครับ
สมัยก่อน ทั่วโลกทำการเกษตรแบบ ทำมาหากินเสียส่วนใหญ่ คือทำเพื่อเลี้ยงชีพ ถ้าเหลือถึงจะไปจำหน่ายในตลาด
ส่วนพวกที่ทำมาค้าขาย หรือ ปลูกเพื่อขาย จะอยู่ในประเทศอาณานิคม ปลูกเพื่อส่งไปประเทศผู้ล่าอาณานิคมในยุโรป
อย่างชาวนาไทย สมัยก่อนก็ปลูกข้าวไว้กิน และก็ไม่ได้ปลูกข้าวอย่างเดียว ชาวนาก็รู้จักดำรงชีวิตด้วยการทำการเกษตรอย่างอื่นด้วย
ชีวิตมีความสุข ไม่เป็นหนี้ หน้านาทำนา หลังนาร้องรำทำเพลง ชีวิตมีความสุขดี
จากนั้น ในต่างประเทศเริ่มมีคนกังวลว่า ประชากรโลกที่เพิ่มอย่างรวดเร็ว จะทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารไปทั่วโลก
ก็เลยมีคนคิดวิธีการเพาะปลูกอย่างอตสาหกรรม คือ ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ในพื้นที่เดียว ปลูกพืชอย่างเดียวไปเลย เพื่อให้การเกิดผลผลิตสูงสุด
และสิ่งที่เร่งกระบวนการนี้คือ การค้นพบปุ๋ยเคมี จากผลิตภัณฑ์ปิโตเลี่ยม ทำให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงมาก และราคาก็ถูกลง
ทั้งหมดนี้คือที่มาที่เรียกว่า การปฏิวัติเขียว
ก็ดูเหมือนจะดีที่เราจะมีอาหารการกินมากขึ้นในราคาที่ถูกลง แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นครับ
รูปแบบการปฏิวัิตเขียว ทำให้เกษตรกรละทิ้งชีวิตแบบเดิมของบรรพบุรุษ แล้วหันมาทำการเกษตรแบบที่เราเห็นกันในปัจจุบัน
ระหว่างทางนั้น เกษตรกรได้สูญเสียอะไรไปเรื่อยๆ จนมีความทุกข์อย่างทุกวันนี้
เรื่องราวที่ผมเล่ามา ไม่อาจเขียนจบได้ภายในกระทู้ ผมพยายามบอกท่านว่า อย่าเพิ่งตัดพ้อชาวนา
เพราะชาวนาไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหา ปัญหาพื้นฐานมีมาก่อนหน้านั้นซึ่งแก้ยาก
แต่เราอาจช่วยชาวนาได้บ้าง ให้ชาวนามีชีวิตที่ดีขึ้น โดยเอาส่วนกำไรที่โรงสีกับพ่อค้าคนกลาง มาคืนชาวนา
ส่วนการรับจำนำของรัฐบาลชุดนี้ เป็นเพียงการหาเสียงทางการเมืองอย่างไร้ความรับผิดชอบต่อนโยบาย
ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาษีของประชาชนของประเทศ เราก็ต้องต่อสู้ให้ยกเลิกไป
และชาวนาครอบครัวไหนที่พอจะปรับการผลิตแบบเชิงเดี่ยวได้ ก็สนับสนุนให้หันมาใช้เกษตรแผนใหม่ที่ในหลวงทรงแนะนำครับ