ด่วน!! พระมิตซูโอะ คเวสโก ลาสิกขา
#1
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:10
http://www.prachacha...wsid=1370849940
updated: 10 มิ.ย. 2556 เวลา 14:38:47 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
จากกรณีข่าวลือเรื่อง พระมิตซูโอะ คเวสโก ผู้บุกเบิก และ เจ้าอาวาสวัดป่าสุนันทวนาราม ได้ลาสิกขา ไปเมื่อวันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวประชาชาติ ออนไลน์ ได้ติดต่อไปที่ มูลนิธิมายาโคตมี วัดสุนันทวนาราม ถึงกรณีดังกล่าว ได้รับคำตอบว่าลาสิกขาจริงเรียบร้อยแล้ว แต่ลาสิกขาเมื่อไหร่ ที่ไหน วัดใด ยังไม่ได้รับรายละเอียด ซึ่งมูลนิธิจะประชุมกันเย็นนี้ และก็จะมีความชัดเจนถึงรายละเอียดในวันพรุ่งนี้ต่อไป
ประวัติของพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก จากวิกิพีเดีย เป็นพระภิกษุชาวญี่ปุ่น บวชในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท คณะมหานิกาย ท่านเป็นศิษย์รุ่นแรกของพระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก มีชื่อเดิมว่า "มิตซูโอะ ชิบาฮาชิ" เป็นชาวจังหวัดอิวะเตะ ประเทศญี่ปุ่น เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2494 สำเร็จการศึกษาในระดับไฮสคูล (เทียบเท่าระดับ ปวช. หรือ มศ.5 ตามระบบการศึกษาไทย) สาขาเคมี ณ เมืองโมะริโอะกะ จังหวัดอิวะเตะ เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจึงทำงานจนสามารถเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง และออกเดินทางไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลกเพื่อแสวงหาความหมายของชีวิตตั้งแต่ พ.ศ. 2514
พระอาจารย์มิตซูโอะเป็นผู้บุกเบิกวัดป่าสุนันทวนาราม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นวัดป่านานาชาติ และปัจจุบันดำรงสถานะเป็นเจ้าอาวาส นอกจากนี้แล้วในปี พ.ศ.2533 ยังเป็นผู้ริเริมมูลนิธิมายา โคตมี ที่ให้การช่วยเหลือด้านการให้ทุนการศึกษาแก่เด็ก ๆ ที่ขาดโอกาส ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นจังหวัดที่ตั้งของวัดหนองป่าพง ที่ท่านได้อุปสมบทมาก่อน
ข่าวนี้สร้างความตกใจให้กับสำหรับลูกศิษย์ และ ชาวพุทธไม่น้อย เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาพระมิตซูโอะยังบรรยายธรรม โดยไม่มีวี่แววว่าท่านจะลาสิกขาแต่ประการใด
#2
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:16
ท่านคงมีเหตุผล.........ส่วนตัวของท่าน..........
ได้แต่เสียดายครับ......พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เช่นท่าน...........
ผมจะน้อมนำคำสอนของท่าน.......เป็นหลักยึดในการดำเนินชีวิต ตลอดไปครับ.......
- ประชาไทย, nastyfunky, อู๋ ฮานามิ and 1 other like this
#3
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:20
- mar and คุณนายนอกบ้าน like this
#4
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:22
เคยอ่านหนังสือธรรมะเล่มเล็กๆของอาจารย์ชา เข้าใจง่ายเพราะท่านใช้ภาษาง่ายๆ
ส่วนพระคเวสโกไม่เคยตามอ่านธรรมะของท่าน เลยยากที่จะออกความเห็น
AMAZING coup d'etat , THAILAND ONLY ..
#5
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:22
ยิ้มน้อยๆในใจ
เห็นอะไร
ได้ยินอะไร
รู้อะไร
ไม่ถูกใจ
หยุดทำ หยุดพูด หยุดคิด
หายใจเข้าลึกๆ
หายใจออกยาวๆ
ใจสงบ เบา สบาย
เมื่อเกิดอารมณ์ไม่พอใจ
ไม่ต้องหาว่าใครผิด ใครถูก
ระงับใจร้อนของตัวเองก่อน
หายใจเข้าลึกๆ
หายใจออกยาวๆ
ใจสงบแล้ว จึงค่อยคิด
ด้วยสติปัญญาและเหตุผล
ตั้งมั่นอยู่ในคิดดี พูดดี ทำดี
เราจะดำเนินชีวิตด้วยสติ
ปัญญาและขันติ
ไม่ว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้น
จะมากขนาดไหน
เราจะไม่ละทิ้ง ยิ้มน้อยๆ ในใจ
และเตือนใจตัวเองว่า
ทุกข์นี้คือปุ๋ยแห่งชีวิต
เป็นยาบำรุงหัวใจเราให้แข็งแรง
เราจะรักษาสุขภาพใจดี
ทำดีด้วยใจดี มีความสุขใจ
เมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะน่าพอใจ
หรือไม่น่าพอใจ
ยิ้มน้อยๆ ในใจ
หายใจเข้าลึกๆ
หายใจออกยาวๆ
หายใจเข้าสบาย
หายใจออกสบาย
ทำใจสบายๆ
โดยพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
#6
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:28
#7
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:37
น่า จะเป็นฉายา ครับ คะ เว สะ โก หรือ คะ เวส โก
#9
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:40
Link ไม่ขึ้น ครับ...
Edited by PeaceMan, 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 16:41.
#10
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 17:21
น่า จะเป็นฉายา ครับ คะ เว สะ โก หรือ คะ เวส โก
คเวสโก เป็นฉายาครับ เเปลว่า ผู้เเสวงหาซึ่งฝั่ง
ชื่อเดิม มิตซูโอะ ชิบาฮาชิ
ขอบคุณครับ คือผมอ่านไม่ค่อยเห็นบาลีที่ใช้ ค เท่าไหร่เลยพาลไปนึกถึงชื่อต่างชาติ Quesco ไปซะอย่างนั้น
#12
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 18:23
#13
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 18:24
Edited by เหล่าฮู, 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 18:25.
- พิฆาตอสูร, conservative and colt rampant like this
#14
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 18:28
^
^
นายตอบดีๆแบบนี้เยอะๆดิ
ดีออก
แบบเกรียนๆ อย่าทำอีกเลย
เห็นต่างไม่ว่ากัน อ่านได้ แค่ตอบดีๆ
เกรียนมา อ่านแล้วปวดตับ
- littlerock and PeaceMan like this
#15
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 18:31
^
^
นายตอบดีๆแบบนี้เยอะๆดิ
ดีออก
แบบเกรียนๆ อย่าทำอีกเลย
เห็นต่างไม่ว่ากัน อ่านได้ แค่ตอบดีๆ
เกรียนมา อ่านแล้วปวดตับ
ผมไปกอป เขามาครับ
#16
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 19:25
^
^
นายตอบดีๆแบบนี้เยอะๆดิ
ดีออก
แบบเกรียนๆ อย่าทำอีกเลย
เห็นต่างไม่ว่ากัน อ่านได้ แค่ตอบดีๆ
เกรียนมา อ่านแล้วปวดตับ
ผมไปกอป เขามาครับ
ก๊อปมาก็ไม่เป็นไร เพราะอ่านแล้วได้ความรู้ไปด้วย
แบบนี้ คุ้มค่าที่ได้อ่านเน่อ
- อู๋ ฮานามิ and conservative like this
#17
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 20:00
ทุกอย่างล้วนอนิจจัง
#18
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 20:18
โอยยยย
จะเป็นลม ทำไมท่านจึงลาสิกขาบทง่ายดายเช่นนี้เล่า
ท่่านเป็นศิษย์สายหลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง
เฮ้อ อนิจจัง เป็นอย่างนี้แล
แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ทั้งกษัตริย์ยังทรงคุณธรรมอันสูงส่ง
จำคำนี้ไว้ไปบอกยมบาลเวลาเจ้าลงนรกก็แล้วกัน
#20
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 21:38
แล้วเจ้าอาวาสวัด MLM เมื่อไหร่จะไปครับ?
- RiDKuN_user likes this
Savoir…
Savoir parler…
Savoir parler pour ne rien dire…
#21
ตอบ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 23:49
บอกว่าสึกเพราะเป็นเบาหวานนี่ฟังไม่ขึ้นน่ะครับ
ช็อกด้วย
#22
ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 00:27
พระอาจารย์สั่งสมพรรษากว่า 38
คนติดโลกอย่างเราๆมิกล้าตัดสิน
เคารพการตัดสินใจของท่านเถอะครับ
#23
ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 08:30
หมดบุญในการครองผ้ากาสาวพัตรครับ...ไม่ต่างกับหลวงตาจันทร์ในอดีตเท่าไหร่
รวมถึงยันตระหรือไม่ก้อภาวนาพุทโธ..........ครูบาอาจารย์หลายท่านๆก้อเกิดเหตุการณีแบบนี้
เสมอ
(ยังไม่ถึงขั้นอริยะ...เพราะพระที่่ถึงความเป็นพระแล้วแม้จะขั้นต้นก้อตาม ท่านจะไม่มีความยินดีในเพศฆราวาสแล้วครับ)
แต่ก้อน่าเสียดายน่ะครับ
คนก้อขึ้นกับท่านเยอะอยู่ ซึ่่งอันนี้แหล่ะจะเป็นปัญหาคาใจกับนักปฏิบัติใหม่ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ “ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม”
#24
ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 09:04
หมดบุญในการครองผ้ากาสาวพัตรครับ...ไม่ต่างกับหลวงตาจันทร์ในอดีตเท่าไหร่
รวมถึงยันตระหรือไม่ก้อภาวนาพุทโธ..........ครูบาอาจารย์หลายท่านๆก้อเกิดเหตุการณีแบบนี้
เสมอ
(ยังไม่ถึงขั้นอริยะ...เพราะพระที่่ถึงความเป็นพระแล้วแม้จะขั้นต้นก้อตาม ท่านจะไม่มีความยินดีในเพศฆราวาสแล้วครับ)
แต่ก้อน่าเสียดายน่ะครับ
คนก้อขึ้นกับท่านเยอะอยู่ ซึ่่งอันนี้แหล่ะจะเป็นปัญหาคาใจกับนักปฏิบัติใหม่ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
พระที่ได้ญาน วิเศษ หากติดในญาน นั้นไม่นานมันจะเสื่อม เมื่อเสื่อมแล้ว หลายราย อาจถึงลาสิกขาครับ ทางที่ดีเมื่อได้แล้วตัดเข้าด้านพิจราณาเลย จึงจะทำให้อยู่รอด ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นที่เก่งๆ ในญาน สึกเพราะเหตุนี้ก็เยอะ คือติด แล้วเสียใจที่เสื่อมจนอยู่ไม่ได้ แต่ท่านผมไม่ทราบได้ว่ายังไง
- isa likes this
#25
ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 12:25
- จริงๆแล้วเรื่องรักษาโรคเบาหวาน ผมก็ว่ามีส่วนเป็นไปได้นะครับ เพราะพระนิกายเถรวาทแบบของไทยนั้น ยึดมั่นในพระธรรมวินัยว่าต้องบิณฑบาตรทุกวัน และฉันอาหารที่ได้จากการบิณฑบาตรเท่านั้น ท่านจึงไม่สามารถควบคุมการขบฉันอาหารเองได้ แล้วแต่ญาติโยมจะใส่บาตรมาให้ ได้อย่างไรมาก็ต้องฉันไปตามนั้น
ผลก็คือพระดังๆที่มีลูกศิษย์เยอะๆ มีปัญหาทางสุขภาพแทบจะทุกราย เพราะลูกศิษย์จะสรรหาอาหารเลิศๆที่ทำร้ายสุขภาพมาถวาย
เรียกว่าโยมทำร้ายพระก็ว่าได้ ขณะที่พระเซนจะไม่มีปัญหานี้ เพราะท่านฉันอาหารมังสวิรัติที่หุงหาเอง พระเซนส่วนใหญ่แม้จะสูงอายุจึงยังสุขภาพดี
- และเรื่องที่ท่านลาสิกขาเพราะต้องการจะกลับไปช่วยเหลือคนญี่ปุ่นก็เป็นไปได้ เพราะช่วงนี้คนญี่ปุ่นเจออะไรร้ายๆเยอะ
ถ้ามองในแง่ศาสนาก็คือศีลธรรมที่เสื่อมลง แม้วินัยคนในชาติจะยังดีอยู่ก็ตาม ถ้าท่านไปในฐานะของพระเถรวาท
อาจจะทำงานได้จำกัดด้วยเรื่องของพระธรรมวินัยที่ไม่เข้ากับสังคมญี่ปุ่น อย่างที่เห็นว่าวัดพุทธในญี่ปุ่นที่มีพระไทยอยู่
ส่วนมากก็ทำงานได้แค่ในแง่ของพิธีกรรม และคนญี่ปุ่นเองก็ไม่คุ้นกับแนวคิดเรื่องพระบิณฑบาตรด้วย
- สำหรับเรื่องผ้ากาสาวพัตรนั้น ถ้าเป็นพระที่ออกไปทางเซนหน่อยๆท่านจะไม่ค่อยยึดเท่าไหร่นัก
อย่างหลวงพ่อเทียนที่ถือกันว่าเป็นผู้บุกเบิกสมาธิแนวเคลื่อนไหวสร้างจังหวะที่มีความเป็นเซนค่อนข้างสูง
และเป็นที่ยอมรับกันมากในหมู่ชาวพุทธสายเซนต่างประเทศ ท่านก็เคยปรารถกับท่านเขมานันทะที่เป็นศิษย์สนิทว่าอยากสึก
เพราะตัดขัดในเรื่องของพระวินัยบางข้อที่ทำให้สอนแบบใกล้ชิดมากไม่ได้
ทีนี้มาว่าเรื่องฌาณเสื่อมกัน
- ส่วนเรื่องของฌาณเสื่อมนั้น คนส่วนใหญ่มักจะคิดไปในแง่ของกามฉันทะ แต่มีอีกข้อที่ผมตั้งข้อสงสัยอยู่ แต่ยังไม่มีข้อสรุปก็คือเรื่องของ
การ "ติดสุข" ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน "แอนโดรฟิน" ถ้าใครที่คุ้นกับการศึกษาสมถะ จะทราบว่ากระบวนการของ "สุข" นั้น
จะมีตั้งแต่ระดับอัปนาสมาธิหรือฌาณ 1 ไปจนถึงฌาณ 3 จนไปถึงฌาณ 4 ซึ่งจะเหลือแค่อุเบกขาเฉยๆ เป็นกระบวนการทางจิตล้วนๆ
ที่ตัดการเกี่ยวข้องกับกายโดยสิ้นเชิง แต่ฌาณขั้นต้นนั้นยังเกี่ยวข้องกับกายอยู่ และยังมีความรู้สึกทางกายอยู่ ผมก็เลยคิดว่ากระบวนการ
ของ "สุข" นั้น เป็นกระบวนการร่วมกันของทั้งจิตและกาย (ในทางจิต มันเป็นพลังงานอุ่นที่เกิดขึ้นในอกที่เป็นฐานของจิต
และกระจายคลุมได้ทั้งตัว ในแง่กาย มันทำงานร่วมกับฮอร์โมนบางตัวทำให้กายโปร่งเบา)
ที่ผมสงสัยก็คือ "สุข" นั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับการหลั่งฮอร์โมนแอนโดรฟิน หรือ "สารสุข" ซึ่งปกติร่างกายจะหลั่งแค่เล็กน้อยพอให้ประคองตัว
ในสถานการณ์ทั่วไปได้ แต่จะหลั่งแบบเยอะๆเมื่อมีการ "ให้รางวัล" ตามเงื่อนไขบางอย่าง เช่นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธ์
หรือการยอมรับในสังคม เป็นเหตุให้คนเราต้องดิ้นรนเพื่อหางรางวัลความสุขจากการตอบสนองเงื่อนไขเหล่านี้
(อย่างไรก็ดี มีความรู้สึกอย่างอื่นที่คนเข้าใจผิดว่าเป็นความสุข ซึ่งทางพระเรียกว่า "ปิติ" อันได้แก่การตัวสั่น
เย็นซาบซ่าน ตัวโปร่งเบา ขนลุกขนชัน ซึ่งบางครั้งเกิดขึ้นพร้อมๆสุข ทำให้คนสับสน แต่ปิตินั้นจะโฉ่งฉ่างกว่าสุขที่จะอบอุ่นโปร่งสบาย นิ่มๆ นิ่งๆ
ปิติจึงน่าจะเป็นกระบวนการอย่างอื่นเช่นปรับสมดุลย์ร่างกายใหม่มากกว่า)
ขณะที่คนทั่วไปต้องอาศัยการตอบสนองเงื่อนไขธรรมชาติเพื่อสร้างสุข แต่มี 2 กระบวนการที่บายพาสเข้าหาสุขได้ อย่างแรกก็คือสมาธิแบบสมถะ
และอีกกระบวนการคือสารเสพย์ติดที่เป็นอนุพันธ์ของฝิ่น สำหรับสารเสพย์ติดนั้น จะมีผลข้างเคียงก็คือระบบร่างกายจะดื้อยาขึ้นเรื่อยๆ
ยังผลให้ต้องเพิ่มโดสขึ้นทุกๆครั้งและเมื่อกระบวนการสร้างแอนโดรฟีนหยุดทำงาน ก็จะทำให้เกิดอาการ "ลงแดง" เกิดการรุ่มร้อนกระวนกระวายทั้งกายและใจ
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด
ผมเคยคิดว่ากระบวนการทางสมาธิเป็นกระบวนการสร้างสุขที่ปลอดภัย แต่ก็เริ่มสงสัย เพราะอ่านประวัติพระอาจารย์หลายท่าน อย่างท่านเขมานันทะ
ก็เเล่าถึงประสบการณ์ฌาณเสื่อมของท่าน และยังมีท่านอื่นอีกหลายๆท่าน ตัวผมเองก็เคยมีประสบการณ์คล้ายๆกันจนนั่งสมาธิไม่ได้เป็นปีๆ
และเริ่มข้องใจว่า "นี่มันคล้ายกับอาการลงแดงหรือเปล่า?"
ถ้าเป็นผู้ฝึกสมถะที่เชี่ยวชาญในฌาณ ถ้าใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในฌาณ 4 ที่มีแต่อุเบกขา ตัดขาดจากร่างกาย ก็อาจจะปลอดภัย
แต่หากอยู่ในฌาณขั้นต้นๆตั้งแต่ 1-3 ร่างกายจะแช่อยู่ในสุขตลอดเวลา นั่นคือระบบสร้างสารแอนโดรฟินก็จะทำงานหนักอยู่ตลอด
และวันหนึ่งก็อาจเกิดอาการดื้อต่อกระบวนการขึ้นมาดื้อๆ ผลก็คือเมื่อขาดแอนโดรฟีนหล่อเลี้ยงโดยสิ้นเชิง ร่างกายก็จะรุ่มร้อนกระวนกระวายไม่สงบ
เมื่อไม่มีปัสสัทธิ หรือความสงบของร่างกาย บุคคลนั้นก็ไม่สามารถทำสมาธิได้เลย
ก็เป็นแค่การตั้งสมมุติฐานนะครับ ที่เขาเตือนๆกันว่าระวังอย่าติดสุข อาจจะไม่ใช่แค่ขัดขวางความก้าวหน้าในทางธรรม
แต่มีความเสี่ยงฌาณเสื่อมอยู่ด้วยก็ได้ เพื่อนๆสมาชิกที่ศึกษาอยู่ในทางนี้ก็ลองเอาไปพิจารณาดูก็แล้วกันนะครับ
#26
ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:17
^
^
......งง ทำไมคิดไปได้เยอะขนาดนั้นอ่ะ
ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ “ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม”
#27
ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:44
^
^
......งง ทำไมคิดไปได้เยอะขนาดนั้นอ่ะ
เป็นแค่การตั้งข้อสงสัยครับ เพราะบางทีเวลาพูดถึงสมาธิ เรามักจะนึกถึงกระบวนการทางจิตล้วนๆ
แต่ผมสงสัยว่าในบางขั้น มันยังเกี่ยวเนื่องกับร่างกายอยู่น่ะครับ ถ้าเป็นคนที่เคยฝึกพวกอย่างชี่กงมาบ้างจะรู้
ว่าจิตมันเชื่อมกับร่างกายยังไง
- conservative and PeaceMan like this
#29
ตอบ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 15:13
เคยอ่าน หนังสือของท่าน
แต่ไม่คลิก
วิธีการภาวนา มันบังคับ กด ข่ม จนเกินไป
Edited by Apichai, 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 15:14.
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน