ความตายของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร เหมือนยกภูเขาออกจากอกใครหลายคน...
โดยเฉพาะฝ่ายระบอบทักษิณที่เป็นคู่ปฏิปักษ์ชัดแจ้ง ไม่ว่าจะเป็น นายใหญ่ นักการเมืองและข้าราชการที่นายเอกยุทธกุมความลับว่าไปฟอกเงินตามเกาะเลี่ยง ภาษีต่างๆ รวมถึงผู้มีอำนาจรัฐ จาก ว.5 โฟร์ซีซั่น-เกาะสวาทหาดสวรรค์ น้ำทะเลกระฉอกที่มัลดีฟด์ หรือแม้แต่นายตำรวจคู่พิพาทของนายเอกยุทธ ฯลฯ
ไม่ว่าใครลงมือฆ่านายเอกยุทธ คนเหล่านี้ก็คงอยากให้คดีปิดลงไวๆ และถ้าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ ไม่เกี่ยวกับการจ้างวาน ไม่มีปมขัดแย้งอื่นๆ ก็จะยิ่งสบายใจ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ประกาศตนว่าเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” พยายาม กล่าวตอกย้ำหลายครั้งในทำนองว่า คดีไม่มีอะไรซับซ้อน มาจากฝีมือคนขับรถ เป้าประสงค์คือเรื่องเงิน 5 ล้านบาทเป็นแรงจูงใจ ผู้ก่อเหตุเตรียมการตั้งแต่จับตัวเอาไป เอาไปเบิกเงิน ลงไปใต้ ไม่เกี่ยวกับการเมืองอย่างแน่นอน ไม่มีเสธ.ไหนมาเอี่ยวทั้งสิ้น
เช่นเดียวกับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( ผบช.น.) ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในทิศทางเดียวกัน ดูเหมือนจะเห็นคล้อยตามเรื่องราวแห่งคำรับสารภาพของนายสันติภาพ คนขับรถของนายเอกยุทธ และยืนยันว่าเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างแน่นอน
แต่แนวทางแห่งคดีที่ปรากฏต่อสาธารณชนขณะนี้ ถูกสังคมตั้งข้อครหาสงสัยเป็นอันมากว่า มันสอดคล้องกับข้อเท็จจริง สมเหตุสมผล มีพยานหลักฐานรองรับแน่นหนาเพียงใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักฐานในทางนิติวิทยาศาสตร์ที่จะไม่สามารถกลับคำให้การ หรือมีอคติเจือสม ประกอบการยืนยันแน่นหนา ไม่ว่าจะเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ลายนิ้วมือ วัตถุพยาน ผลชันสูตรศพ ฯลฯ
มิฉะนั้น หากผู้ต้องหาที่รับสารภาพในวันนี้ แต่ไปกลับคำให้การในชั้นศาล ก็อาจจะไม่สามารถเอาผิดได้
หรือแย่ยิ่งกว่านั้นคือ อาจจะมีผลทำให้ให้คนร้ายตัวจริงลอยนวล เป็นการตัดตอนการสืบสาวเอาผิดผู้เกี่ยวข้องที่อาจจะมีมากกว่าที่ปรากฏในข่าว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพฤติกรรมของผู้ต้องการ ตอนแรกปฏิเสธหน้าตาย เล่าเรื่องเป็นตุเป็นตะ ก่อนจะรับสารภาพว่าวางแผนร่วมกันกับพวกอีก 3 คน ประสงค์ ต่อทรัพย์ แต่ก็ยังไม่วายโกหกอีก เช่น บอกว่าใช้ปืนฆ่า เปลี่ยนมาเป็นบีบคอ เปลี่ยนมาเป็นใช้เชือกรัดคอ ฯลฯ ยิ่งไม่น่าไว้วางใจได้เลย
ลำพังแค่ใช้สามัญสำนึก ตั้งคำถามกับ “เรื่องเล่า” ที่เป็นโครงเรื่องแห่งคดีสังหารโหดนายเอกยุทธ ก็จะพบพิรุธ ข้อสงสัย ประเด็นสำคัญ และตัวละครที่ยังเป็นปริศนาดำมืดอยู่อีกมากมายหลายจุด เช่น
1) อุ้มนายเอกยุทธเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร?
นายสันติภาพอ้างว่า ก่อเหตุในกรุงเทพฯ กับเพื่อนอีกหนึ่งคน คือ นายเบิ้ม ไม่ว่าจะเป็นการจี้ตัว ใส่กุญแจมือในรถตู้ เอาตัวไปเค้นเอาทรัพย์ บีบบังคับให้เซ็นเช็ค หรือแม้กระทั่งการฆ่านายเอกยุทธ ทั้งหมดทำกันสองคนเท่านั้น
น่าสงสัยว่า กระทำเพียงสองคน จริงหรือไม่?
การล็อกตัวนายเอกยุทธ โดยกระทำในรถตู้หน้าร้านกระแต เป็นการกระทำอุกอาจ ผู้กระทำจะแน่ใจว่าสำเร็จได้น่าจะต้องมีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่านี้ นายสันติภาพขับรถ นายเบิ้มคนเดียว จัดการนายเอกยุทธในสถานที่สุ่มเสี่ยง มันเป็นไปได้อย่างไร?
มีหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์อะไรมายืนยันได้ เช่น ลายนิ้วมือ เส้นผม ร่องรอยบนรถตู้ การเก็บหลักฐานบนรถตู้กระทำอย่างถูกต้องแค่ไหน พบอะไรบ้าง บ่งชี้ว่ามีกี่คน แค่สองคนจริงหรือ?
ก่อนลงมืออุ้ม นายสันติภาพโทรหาใครบ้าง บันทึกการใช้โทรศัพท์มือถือ นัดหมายใคร? รายงานใคร?
2) รีดเค้นเอาทรัพย์สินที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร?
ขั้นตอนนี้ ก็มีพิรุธหลายจุด เช่น
เมื่อจี้ตัวนายเอกยุทธไปที่บ้านย่านทาวน์อินทาวน์ เกิดอะไรขึ้นในบ้าน ถูกบันทึกเหตุการณ์โดยกล้องวงจรปิด กระทั่งมีการถอดเซิร์ฟเวอร์บันทึกข้อมูลออกไป ปรากฏภาพใครบ้าง แค่สองคนหรือไม่?
ภาพจากกล้องวงจรปิดดังกล่าว ถือเป็นหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ตำรวจติดตามมาได้หรือยัง
กล้องวงจรปิดรุ่นใหม่สามารถเรียกดูภาพผ่านโทรศัพท์มือถือ ยังสามารถเรียกดูข้อมูลภาพเหตุการณ์ที่อื่นใดอีกหรือไม่ นอกจากข้อมูลที่บันทึกไว้ที่บ้าน
นอกจากนี้การพาตัวไปเค้นเอาเงิน 5 ล้านบาท การรับเอกสารเช็ค การบังคับเซ็นต์เช็ค เอาปืนจี้หัวให้นายเอกยุทธยืนยันการเบิกจ่ายเงินจากเช็คกับเจ้าหน้าที่ ธนาคารทางโทรศัพท์ อ้างว่าเกิดขึ้นในรถตู้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็น่าสงสัยว่ามีหลักฐานอะไรมายืนยันบ้าง
กล้องวงจรปิดในสนามบินสุวรรณภูมิปรากฏรถตู้ไปจอดอยู่ที่ไหน? นานเพียงใด? มีใครเดินเข้าออก? บันทึกภาพนายสันติภาพไปรับเอกสารเช็คแล้วเดินไปไหน อย่างไร? นายเอกยุทธอยู่รถตู้จริงหรือไม่? หรือมีคนอื่นช่วยกำกับแผน ดูต้นทาง อำนวยการ?
สอบปากคำคนที่เอาเช็คมาให้นายสันติภาพ และเจ้าหน้าที่ธนาคารแล้วเป็นอย่างไร?
รถตู้ออกจากสนามบินก่อนจะกลับมารับเงินอีกรอบหนึ่ง ไปไหน ทิ้งช่วงนานเพียงใด
คนนำเงิน 5 ล้านบาทมาให้นายสันติภาพที่สนามบินสุวรรณภูมิให้การอย่างไร?
เป็นไปได้หรือที่นายเอกยุทธจะอยู่บนรถตู้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะสถานที่สุ่มเสี่ยง และ/หรือไม่มีรถคันอื่นหรือบุคคลอื่นช่วยกำกับ คุมเชิง ป้องกันระหว่างที่จัดการเรื่องเช็คและเงิน?
3) ฆ่านายเอกยุทธที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร?
ตามท้องเรื่องนั้น เล่าว่า หลังจากได้เงินสด 5 ล้านบาทแล้ว นายสันติภาพก็ขับรถออกจากสนามบิน นายเบิ้มคุมตัวอยู่ในรถตู้ ทำกันเพียงสองคนเท่านั้น กำลังจะย้อนกลับมาที่บ้านพี่สาวอีกครั้ง ปรากฏว่า เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ขณะที่รถติดอยู่บริเวณย่านลาดพร้าว นายเอกยุทธสบจังหวะเปิดประตูรถตู้วิ่งหนีออกมา ทั้งๆ ที่ถูกใส่กุญแจมืออยู่ แต่นายสันติภาพก็วิ่งไล่ตามจับนายเอกยุทธ ลากตัวมาขึ้นรถ และบีบคอ ส่วนนายเบิ้มก็ถอดเชือกรองเท้าออกมาฆ่ารัดคอนายเอกยุทธจนเสียชีวิต จากนั้นนำศพขึ้นรถขับเอาไปทิ้งที่จังหวัดพัทลุง
การสังหารตามท้องเรื่องยิ่งนับว่าพิสดารแบบไม่เกรงใจใคร
เป็นไปได้แค่ไหน และมีหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ใดมายืนยันเรื่องนี้บ้างไหม?
โดยเฉพาะที่นายเอกยุทธหนีออกจากรถตู้ได้ช่วงรถติด หนึ่งทุ่ม ย่านลาดพร้าว สภาพการจราจรคับคั่งอย่างที่สุด จะต้องมีคนเห็นเหตุการณ์จำนวนมากอย่างแน่นอน
มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้บ้างไหม ไม่ว่าจะในเหตุการณ์ดังกล่าว หรือแม้แต่ภาพรถตู้ในช่วงเวลานั้น ณ บริเวณที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง
ผลการชันสูตรศพของนายเอกยุทธพบร่องรอยบาดเจ็บที่ข้อเท้า อาจสันนิษฐานได้ว่าตกจากที่สูง ก็อาจเกิดจากการกระโดดสะพาน หรืออื่นใด? (มีร่องรอยถูกทรมานหรือไม่?)
การสังหารโหด บีบคอ รัดคอ บนรถตู้ บนถนนในเมืองหลวง เวลาหนึ่งทุ่ม โดยก่อเหตุกันเพียงสองคนนั้น ยากจะเชื่อถือจนกว่าจะมีหลักฐานมายืนยัน
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงตัวอย่างบางประเด็นที่ยังเป็นช่องโหว่ รอให้ตำรวจค้นหาหลักฐานที่ “กลับคำให้การไม่ได้” มายืนยันแน่นหนาเสียก่อน มิใช่รีบเร่งสรุปคดี กระทั่งออกมารับรองว่าไม่มีเรื่องการเมือง หรือไม่มีเหตุจูงใจอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมพิสดารครั้งนี้
สารส้ม
http://www.naewna.co.../columnist/7155