โทษ เมธี ถึงประหารชีวิต - เสื้อแดงพร้อมตัดขาด
เมธี อมรวุฒิกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
อธิบดี DSI เผย เมธี รับมีคนเสื้อแดงยิงอาวุธใส่ทหารจริง พร้อมเผยชื่อหัวหน้าผู้ก่อเหตุ 10 เม.ย. ชี้โทษสูงสุดถึงประหารชีวิต เพราะมีอาวุธร้ายแรงไว้ในครอบครอง ด้านณัฐวุฒิอ้าง เมธีไม่เกี่ยวกับแกนนำ นปช. เป็นแค่คนมาร่วมกิจกรรม ขณะที่แกนนำเสื้อแดงพร้อมตัดหางปล่อยวัด เมธี อ้างแยกตัวเคลื่อนไหวอิสระ
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมตัว นายเมธี อมรวุฒิกุล ดาราเสื้อแดงที่มีอาวุธทหารไว้ในครอบครอง ก่อนส่งตัวให้ ศอฉ.เข้า สอบปากคำ ความคืบหน้าล่าสุด นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แถลงว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีเกี่ยวกับการกระทำผิดในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในทางการเมืองเป็นคดีพิเศษ พร้อมกล่าวถึงกรณีของการจับกุมนายเมธีว่า นายเมธี เป็น 1 ใน 24 คน ที่ศาลออกหมายจับ เนื่องจากมีความผิดหลายเรื่อง โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่มีอาวุธยุทธภัณฑ์ของทหารไว้ในครอบครอง ซึ่งจากการสอบปากคำ นายเมธียอมรับว่าได้ร่่วมในการเข้าปะทะกับทหารที่บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมาด้วย และสามารถยึดอาวุธของเจ้าหน้าที่ไปได้จำนวนหนึ่ง เช่น ปืนกลมือ ก่อนจะนำอาวุธไปจ่ายแจก ส่วนตัวนายเมธีเองก็มีเก็บไว้ด้วย ก่อนจะกลับคำให้การโดยอ้างว่า ไม่ได้นำมาเก็บไว้กับตัว แต่จากการที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นรถยนต์ของนายเมธี กลับพบปืนกลมือซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงของทางราชการ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่า จะนำไปไว้ใช้ในการต่อสู้ในโอกาสต่อไป
อธิบดีดีเอสไอ ได้กล่าวต่อว่า ในการปะทะกับเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 10 เมษายน นายเมธีซึ่งอยู่แนวหน้าระบุว่า ได้ยินคนที่สั่งยิงทหารซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ และมีจำนวนพอสมควร และนายเมธีได้ระบุชื่อตัวหัวหน้าออกมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อในตอนนี้ได้ ส่วนอาวุธและลูกระเบิดที่ใช้ยิงใส่ทหาร เป็นของหน่วยสนับสนุน แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นของแกนนำ ทางดีเอสไอกำลังดำเนินการตรวจสอบ ว่าผู้ก่อเหตุมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ขณะเดียวกับกลุ่มของนายเมธีเอง ก็ได้ใช้อาวุธร้ายแรงยิงใส่กลุ่มทหารด้วย
นายเมธี ให้การต่อว่า เมื่อกลุ่ม นปช.ได้ย้ายการชุมนุมมาอยู่ที่แยกราชประสงค์ แกนนำก็ได้มีการปรึกษาหารือ เพื่อวางแผนกันทุกวันในสถานที่แห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การให้ปากคำของนายเมธี ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจะนำไปสอบสวนต่อไป โดยยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่มีอำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ครั้งละ 7 วัน และขอศาลได้สูงสุดไม่เกิน 30 วัน ตามกฎหมายพระราชกำหนด จากนั้นจะเป็นการควบคุมตัวต่อในความผิดฐานอื่น ที่ชัดเจนคือ กรณีครอบครองอาวุธร้ายแรงของราชการ และอาจมีกรณีเตรียมการก่อการร้าย เนื่องจากมีอาวุธร้ายแรงที่เก็บไว้เพื่อใช้ สำหรับความผิดของนายเมธีนั้น มีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต เพราะถือว่ามีอาวุธสงครามร้ายแรงไว้ในครอบครอง
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีการจับกุมนายเมธีว่า นายเมธีเป็นเพียงคนที่แสดงตนเป็นแนวร่วมเสื้อแดง แต่ไม่ได้ทำตามคำสั่งของเรา เป็นเพียงคนมาร่วมกิจกรรม เคลื่อนไหวอิสระ ซึ่งทางแกนนำ นปช.ก็ไม่ทราบว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีรูปธรรมอย่างไร ส่วนเรื่องอาวุธร้ายแรงที่ยึดมาได้จากทหารนั้น ไม่ทราบว่าได้มาเท่าไหร่ ไปอยู่ที่ใครบ้าง จึงไม่ทราบว่าจะเอาไปใช้อย่างไร หากสอบสวนพบว่าอยู่ที่ใครก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย จะเอามาเกี่ยวข้องกันไม่ได้
ด้าน น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวปฏิเสธคำสารภาพของนายเมธีเช่นกัน และการเคลื่อนไหวของนายเมธีนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง เป็นการเคลื่อนไหวส่วนตัว เช่นเดียวกับนายวีระ มุสิกพงษ์ ประธาน นปช. ก็บอกว่า นายเมธีไม่ได้เกี่ยวกับเสื้อแดง และคนเสื้อแดงก็จะไม่ไปยุ่งเรื่องดังกล่าว ส่วนนายเมธีจะสารภาพอะไรก็เป็นเรื่องของเขา
http://hilight.kapook.com/view/47999
_____________________________
ดีเอสไอชี้โทษ“เมธี”ถึงขั้นประหารชีวิต “ดีเอสไอ" ชี้ โทษของ “เมธี”ถึงขั้นประหารชีวิต ระบุ“นปช.”ยันสู้กันถึงที่สุดตัว ส่วนเจ้าตัวประกาศยอมตาย และเล่าให้ฟังว่า 10 เม.ย. ได้ยินคนสั่งยิงมาจากฝ่าย “นปช.” ไม่ใช่ “จนท.รัฐ” หนำซ้ำรับอีกนัดสุมหัววางแผนกันทุกวัน ในพื้นที่“เอกชน” แต่เป็น“สาธารณสถาน” ใกล้พื้นที่ “ชุมนุม”
(23เม.ย.) ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้สัมภาษณ์ถึงการควบคุมตัวนายเมธี อมรวุฒิกุล ดาราเสื้อแดง ว่า ขณะนี้ควบคุมตัวตามกฎหมายพระราชกำหนด มีเวลาครั้งละ 7 วันขอศาลสูงสุดได้ไม่เกิน 30 วันหลังจากนั้นจะเป็นการควบคุมต่อในความผิดฐานอื่น ที่ชัดเจนเป็นความผิดต่อการกระทำต่ออาวุธร้ายแรงของทางราชการ และอาจมีข้อหาอื่นตามมาอีกด้วย ส่วนความผิดฐานก่อการร้ายขณะนี้เรากำลังพิจารณา ยังไม่ได้ตั้งในความผิดฐานก่อการร้าย แต่ขั้นการตระเตรียมการนี้อาจจะถือว่าเข้าข่ายได้ เพราะมีอาวุธร้ายแรงทางราชการสงคราม ไม่ใช่เป็นการเก็บรักษาไว้เพื่อไม่ให้ใครมาทำร้าย แต่ก็บรักษาไว้เพื่อจะใช้ต่อสู้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องของชายชุดดำนายเมธีได้ให้ข้อมูลหรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า ได้ให้ข้อมูลมาส่วนหนึ่ง ทั้งนี้นายเมธี ถือเป็นส่วนของแนวหน้า อยู่ในเหตุการณ์ และเห็นในเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างคนเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติการเข้าทวงพื้นที่ในวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นชายชุดดำ นอกจากนี้นายเมธี ยังระบุว่าเขาได้ยินคนที่สั่งยิงมาจากฝ่ายเสื้อแดง ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ เขาเปิดเผยตัวด้วย แต่ตอนนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร ส่วนจะเกี่ยวโยงกับมือยิงเอ็ม 79 ที่สีลม ศาลาแดงหรือไม่นั้น กำลังตรวจสอบอยู่ ผู้กระทำความผิดจะเชื่อมโยงหรือไม่ยังไม่ชัดเจน แต่พฤติการณ์มันเชื่อมโยงกันหมดในหลายแห่งที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายเมธีมีการระบุหรือไม่ว่า ระดับแกนนำคนเสื้อแดงรู้เห็นเป็นใจในการกระทำหรือไม่ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เขาระบุชื่อคน แต่จะเกี่ยวข้องคนอื่นหรือไม่ต้องสอบสวนกันต่อไป ทั้งนี้คงต้องเชิญบุคคลอีกจำนวนมากมาสอบ เพราะเหตุการณ์เชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกันเยอะมากทีเดียว สำหรับชุดดำนายเมธีไม่ได้บอกว่ามีจำนวนเท่าไร แต่บอกว่ามีจำนวนพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายเมธีบอกหรือไม่คนเสื้อแดงมีการเตรียมการก่อเหตุถึงขั้นไหนอย่างไร นายธาริต กล่าวว่า เขาบอกว่าถ้าทำไปรัฐบาลไม่ยอมตามที่ทางกลุ่มนปช.เรียกร้อง ก็จะต่อสู้กันและจะสู้กันถึงที่สุด ตัวเขาเองก็ยอมตาย ซึ่งที่ผ่านมานายเมธีบอกว่ามีการนัดหมายวางแผนกันทุกวัน และตัวเขาก็อยู่ด้วยในการวางแผนนั้น ส่วนพื้นที่ในการวางแผนนั้นเราเข้าไปตรวจสอบพื้นที่แล้ว เป็นพื้นที่เอกชน ซึ่งตอนนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่อยู่ใกล้เคียงพื้นที่ชุมนุม เป็นสถานที่เอกชน แต่เป็นที่ที่ประชาชนเข้าออกได้ ซึ่งการจะเอาผิดเจ้าของพื้นที่นั้นต้องดูที่การรับรู้ เพราะถือเป็นพื้นที่สาธารณะสถานใครก็เข้าไปได้ ถือว่าเจ้าของรู้เห็นเป็นใจคงไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า บอกได้หรือไม่สถานที่ที่นายเมธีใช้ประชุมเป็นอะไร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวย้ำว่า อยู่ใกล้บริเวณที่ชุมนุม เราพบภาพทางซีซีทีวี ขอย้ำว่าพื้นที่แห่งนั้นเป็นพื้นที่ที่ใครก็เข้าไปได้ เราจะถือว่าเจ้าของรู้เห็นคงไม่ใช่ เช่น ศูนย์การค้า โรงยิม โรงแรม แบบนี้พวกเราก็เข้าไปได้ จะไปบอกเจ้าของรู้เห็นเป็นใจคงไม่ใช่
นายธาริต กล่าวว่า ส่วนอาวุธที่นายเมธีนำไปจากทหารทั้งหมด เป็นเรื่องที่จะต้องทำงานร่วมกับทุกฝ่าย ขณะนี้ทั้งดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทุกหน่วยได้ร่วมมือกันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว อาวุธที่นำไปมีทั้งอาวุธปืนและลูกระเบิดที่ใช้ยิง เขาไม่ได้บอกว่าผู้เอาไปเป็นใคร แต่บอกว่าเป็นหน่วยสนับสนุน ไม่ใช่แกนนำ สำหรับโทษของนายเมธีตอนนี้ถึงขั้นประหารชีวิต เพราะเป็นอาวุธสงครามร้ายแรง
http://www.komchadlu...20100423/56684/ดีเอสไอชี้โทษ“เมธี”ถึงขั้นประหารชีวิต.html#.Ub3d0xbz0yE
_____________________________
นปช.ตัดหางปล่อยวัด"เมธี"สารภาพหมดDSI
แกนนำ นปช. ไม่หวั่น “เมธี อมวุฒิกุล” รับสารภาพหมดกับDSI พร้อมตัดหางปล่อยวัด อ้างแยกตัวเคลื่อนไหวอิสระ
(23เม.ย.) ที่แยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายเมธี อมรวุฒิกุล ดารานักแสดงและแนวร่วมนปช.ได้รับสารภาพกับดีเอสไอว่ากลุ่มคนเสื้อแดงเป็นผู้ก่อความรุนแรงและเป็นผู้ที่ยิงงทหาร โดยเมื่อเวลา 14.00 น. นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธาน นปช. ได้เดินทางมาถึงบริเวณพื้นที่การชุมนุม ผู้สื่อข่าวก็ตรงไปซักถามเรื่องดังกล่าว แต่นายวีระปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ด้วยท่าที ไม่กังวล และกล่าวว่า “ ไม่เป็นไร ผมไม่ยุ่งกับเขา เรื่องของเขา เขาอยากจะพูดอะไรก็ปล่อยเขาพูดไป”
เช่นเดียวกับนายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำนปช. และอดีตกรรมการรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ไม่ว่านายเมธีจะพูดอะไรก็ไม่มีผลอะไรแล้ว เพราะคนทั้งประเทศเชื่อไปหมดแล้วว่ารัฐบาลสั่งทหารฆ่าประชาชน แกนนำไม่ได้เดือดร้อนและไม่กังวล เพราะเป็นเรื่องการต่อสู้ทางกฎหมาย
ขณะที่น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ก็ปฏิเสธว่า การเคลื่อนไหวของนายเมธีนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง เป็นการเคลื่อนไหวส่วนตัว และในระยะหลังนายเมธีก็ไม่ได้ขึ้นเวทีนปช.แล้ว แต่ไปขึ้นเวทีที่อื่น เขาแยกตัวออกไปและกล่าวโจมตีแกนนำนปช. แต่ที่เราไม่พูดเพราะเป็นเรื่องคนคนเดียว และนายเมธีไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง ทั้งนี้ขอปฏิเสธสิ่งที่นายเมธีรับสารภาพทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยิงทหาร หรือการประชุมกำหนดท่าที แต่ละครั้งนายเมธีก็ไม่เคยเข้าร่วมประชุมด้วย
http://www.komchadlu...ml#.Ub3d4Rbz0yE
_________________________________
เมธีรับมีคนสั่งยิง เปิดชื่อหน. ก่อเหตุ10เมษา
ดีเอสไอ เผย “เมธี ” ยอมรับมีคนสั่งยิงทหาร สารภาพ เปิดชื่อตัวหัวหน้าก่อเหตุ 10 เม.ย. ขณะเจ้าตัวเจอข้อหาหนัก อาจถึงขั้นประหารชีวิต เพราะมีอาวุธสงครามร้ายแรงไว้ในครอบครอง...
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงถึงความคืบหน้าในการสอบสวนคดีพิเศษเหตุการณ์ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นขณะนี้ในนามของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ในฐานะตนทำหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งคณะกรรมการได้มีมติต่อการกระทำความผิดให้เป็นคดีพิเศษเพราะเกี่ยวข้องต่อ 4 กรณี คือ 1.การกระทำเกี่ยวกับการก่อการร้าย 2.การกระทำที่เกี่ยวกับการขู่บังคับรัฐบาล 3.การกระทำเกี่ยวกับการประทุษร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ และรัฐ และ 4.การกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของราชการ ซึ่งคดีทั้งหมดจะโอนไปอยู่ในความรับผิดชอบของการสอบสวนคดีพิเศษที่มีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหน่วยงานกลาง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานข่าวกรอง สภาความมั่นคง และหน่วยงานอื่นอีกรวม 12 หน่วยงาน เข้ามาร่วมคดีนี้ ทั้งนี้ที่ผ่านมามีการวางระเบิดสถานที่ต่างๆ 45 ครั้ง และมีเหตุต่อเนื่องมาจนถึงการยิงจรวดอาร์พีจีเข้าใส่คลังเก็บน้ำมัน และเมื่อคืนที่ผ่านมา มีการใช้ระเบิดทำลายสถานที่ และประชาชนได้รับอันตรายจำนวนมาก ซึ่งเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องมาตลอด เข้าลักษณะการกระทำความผิดก่อการร้ายในบ้านเมือง
"กรมสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานที่ร่วมทำงาน ขอประณามการกระทำของผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย ขอเตือนว่า การกระทำดังกล่าวมีโทษตามกฎหมายรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต ขอให้ยุติการกระทำรุนแรงดังกล่าวต่อผู้บริสุทธิ์ ส่วนคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับที่เกิดเหตุ ควรจะหลีกเลี่ยงออกจากพื้นที่ เพราะตามกฎหมาย ถือว่า ขณะนี้เป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจับกุมบุคคลที่ศาลออกหมายจับ 1 ใน 24 คน คือ นายเมธี อมรวุฒิกุล เนื่องจากมีความผิดหลายเรื่อง เช่น เรื่องการใช้อาวุธยุทธภัณฑ์ทางรัฐบาล ซึ่งผมได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทำการซักถามปากคำด้วยตนเอง โดยนายเมธีให้การสาระสำคัญหลายประการ คือ ยอมรับว่า เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในวันที่ 10 เม.ย. โดยร่วมเป็นแนวหน้าของการเรียกร้องประชาธิปไตย และมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐที่จะขอคืนพื้นที่บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งผลจากการปะทะ กลุ่มของนายเมธีได้ยึดอาวุธไปจำนวนหนึ่ง เช่น ปืนกลมือ และนำอาวุธไปแจกจ่ายหลายคน ส่วนตัวเองก็ได้เก็บไว้ด้วย ต่อมาปฏิเสธว่า ให้คนอื่นไปหมด แต่จากการตรวจค้นรถยนต์ที่นายเมธีขับค้นพบอาวุธปืนกลมือร้ายแรงของทางราชการ " นายธาริต กล่าว
นายธาริต กล่าวว่า นายเมธี ยอมรับในข้อเท็จจริงว่า ในการปะทะที่เกิดเหตุได้มีการใช้อาวุธร้ายแรงจากฝ่ายของนายเมธี ในการยิงเข้าใส่กลุ่มทหารที่ขอคืนพื้นที่ นอกจากนั้น ยอมรับว่า เมื่อย้ายการชุมนุมมาที่แยกราชประสงค์ได้มีการประชุมปรึกษาหารือวางแผนกันทุกวัน ในสถานที่ที่ขณะนี้ยังไม่เปิดเผย ซึ่งถือว่า การให้ปากคำของนายเมธี เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะนำไปสอบสวนต่อไป โดยเน้นให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และ จะดำเนินการตรงไปตรงมา ทั้งนี้โทษของ นายเมธี อาจถึงขั้นประหารชีวิต เพราะมีอาวุธสงครามร้ายแรงไว้ในครอบครอง
เมื่อถามว่า มีอำนาจในการควบคุมตัวนายเมธีได้กี่วัน นายธาริต กล่าวว่า ขณะนี้ควบคุมได้ตามกฎหมายพระราชกำหนด มีเวลาครั้งละ 7 วัน และขอศาลได้สูงสุดไม่เกิน 30 วัน หลังจากนั้นจะเป็นการควบคุมต่อในความผิดฐานอื่น ที่ชัดเจนคงเป็นความผิดต่อการกระทำต่ออาวุธร้ายแรงของราชการ และอาจมีข้อหาอื่น ซึ่งยังไม่ได้มีการตั้งความผิดฐานก่อการร้าย แต่ในขั้นเตรียมการอาจเข้าข่ายได้ เพราะมีอาวุธร้ายแรงทางราชการ และ เก็บไว้เพื่อใช้ต่อสู้ ซี่งนายเมธีอยู่ในส่วนแนวหน้าที่มีการปะทะกัน เขาระบุว่า ได้ยินคนที่สั่งยิง และมีการระบุชื่อตัวหัวหน้า ซึ่งเขาบอกว่า กลุ่มก่อเหตุมีจำนวนอยู่พอสมควร ทั้งนี้ คนสั่งยิงไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า เป็นใคร ส่วนอาวุธทางทหารและลูกระเบิดที่ใช้ยิง เขาไม่ได้ระบุว่า เป็นของแกนนำ แต่เป็นของหน่วยสนับสนุน ทั้งนี้เรากำลังตรวจสอบว่า ผู้ก่อเหตุจะมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ แต่พฤติการณ์มีความเชื่อมโยงกันหมด ทั้งนี้เขาบอกว่า ถ้าฝ่ายรัฐบาล ไม่ยอมตามที่กลุ่ม นปช.เรียกร้องจะมีการต่อสู้จนถึงที่สุด ตัวเขาเองก็ยอมตาย
http://www.thairath....ntent/pol/78573
เชิญทัศนา
และเชิญแดงเข้ามาแถครับ
Edited by tonythebest, 16 June 2013 - 22:56.