55 ความเห็นในกระทู้นี้

[คนบูรพา]

ทั้ง....... "อีเม้ย ไอ้บุญทรง ไอ้เต้น" ........

 

ทำโครงการจำนำข้าว.......แล้วชาติขาดทุนนับแสนล้าน........นับเป็นความเสียหายอย่างยิ่ง.....

 

แล้วไม่มี "หมาตัวไหน" ..........คิดออกมาแสดงความรับผิดชอบ.....กันบ้างเลยหรือ....  

 

[kokkai]

รัฐบาลสัญญาว่าจะรับผิดชอบดูแลประชาชนจนครบ 4 ปีครับ

 

และจะมารับผิดชอบต่อให้ ไปอีกเรื่อยๆจนกว่าท่านจะไม่เลือก

[คนบูรพา]

รัฐบาลสัญญาว่าจะรับผิดชอบดูแลประชาชนจนครบ 4 ปีครับ

 

และจะมารับผิดชอบต่อให้ ไปอีกเรื่อยๆจนกว่าท่านจะไม่เลือก

 

 

เป็นการแสดงสปิริตความรับผิดชอบ.............

 

ที่ทำให้ผม............ "ระทม และปวดใจอย่างแรงงงง" ........  

 

[tu249cm]

ไอ้อีพวกนี้คงคิดว่า รับผิดชอบไรเหรอ ก็ชาวนาอยากโง่เองนี่หว่า

[จอมโจรคิด]

ปชป ต้องรับผิดชอบครับ 

[แดงประจำเดือน]

ทั้ง....... "อีเม้ย ไอ้บุญทรง ไอ้เต้น" ........

 

ทำโครงการจำนำข้าว.......แล้วชาติขาดทุนนับแสนล้าน........นับเป็นความเสียหายอย่างยิ่ง.....

 

แล้วไม่มี "หมาตัวไหน" ..........คิดออกมาแสดงความรับผิดชอบ.....กันบ้างเลยหรือ....  

 

 

เค้าขาดทุนแค่6หมื่นล้านค่ะคุณสลิ่ม มัวแต่อ่านข่าวควายเหลืองดูแต่ช่องบลูตะกายอยู่เลยไม่รู้เรื่อง

[raksthaban]

 

ทั้ง....... "อีเม้ย ไอ้บุญทรง ไอ้เต้น" ........

 

ทำโครงการจำนำข้าว.......แล้วชาติขาดทุนนับแสนล้าน........นับเป็นความเสียหายอย่างยิ่ง.....

 

แล้วไม่มี "หมาตัวไหน" ..........คิดออกมาแสดงความรับผิดชอบ.....กันบ้างเลยหรือ....  

 

 

เค้าขาดทุนแค่6หมื่นล้านค่ะคุณสลิ่ม มัวแต่อ่านข่าวควายเหลืองดูแต่ช่องบลูตะกายอยู่เลยไม่รู้เรื่อง

 

ขาดทุน บาทเดียว กรูก็ด่า

[แดงประจำเดือน]

 

 

ทั้ง....... "อีเม้ย ไอ้บุญทรง ไอ้เต้น" ........

 

ทำโครงการจำนำข้าว.......แล้วชาติขาดทุนนับแสนล้าน........นับเป็นความเสียหายอย่างยิ่ง.....

 

แล้วไม่มี "หมาตัวไหน" ..........คิดออกมาแสดงความรับผิดชอบ.....กันบ้างเลยหรือ....  

 

 

เค้าขาดทุนแค่6หมื่นล้านค่ะคุณสลิ่ม มัวแต่อ่านข่าวควายเหลืองดูแต่ช่องบลูตะกายอยู่เลยไม่รู้เรื่อง

 

ขาดทุน บาทเดียว กรูก็ด่า

 

 

 คุณไม่คิดบ้างเหรอคะ ว่าที่ขาดทุนเกษตกรได้ประโยชน์ถ้าเกษตกรเข้มแข็งคนอย่างคุณจะมีข้าวกินนะคะ เป็นการกระตุ้นแรงจูงใจให้อยากไถนามากขึ้น เศรษฐกิจก็จะดีเพราะเรามีข้าวที่ผลิตขายได้ไม่อั้น ศักกายภาพการผลิตเป็นอันดับ1ของเอเชีย  ให้คนทั้งโลกได้กินข้าวมีคุณภาพ ทำให้ไทยเข้มเเข็งยิ่งกว่านโยบายใครเข้มแข็งของพรรคแมงสาปเยอะค่ะ

Edited by แดงประจำเดือน, 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 00:57.

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

สรุปว่า.........จำนำข้าวขาดทุนแสนล้าน............จะไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบ.......เลยใช่มั๊ยย ???

 

 

มีครับ

 

 

ปชป......    

[sun]

 

 

 

ทั้ง....... "อีเม้ย ไอ้บุญทรง ไอ้เต้น" ........

 

ทำโครงการจำนำข้าว.......แล้วชาติขาดทุนนับแสนล้าน........นับเป็นความเสียหายอย่างยิ่ง.....

 

แล้วไม่มี "หมาตัวไหน" ..........คิดออกมาแสดงความรับผิดชอบ.....กันบ้างเลยหรือ....  

 

 

เค้าขาดทุนแค่6หมื่นล้านค่ะคุณสลิ่ม มัวแต่อ่านข่าวควายเหลืองดูแต่ช่องบลูตะกายอยู่เลยไม่รู้เรื่อง

 

ขาดทุน บาทเดียว กรูก็ด่า

 

 

 คุณไม่คิดบ้างเหรอคะ ว่าที่ขาดทุนเกษตกรได้ประโยชน์ถ้าเกษตกรเข้มแข็งคนอย่างคุณจะมีข้าวกินนะคะ เป็นการกระตุ้นแรงจูงใจให้อยากไถนามากขึ้น เศรษฐกิจก็จะดีเพราะเรามีข้าวที่ผลิตขายได้ไม่อั้น ศักกายภาพการผลิตเป็นอันดับ1ของเอเชีย  ให้คนทั้งโลกได้กินข้าวมีคุณภาพ ทำให้ไทยเข้มเเข็งยิ่งกว่านโยบายใครเข้มแข็งของพรรคแมงสาปเยอะค่ะ

 

 

อย่ามาอ้างว่าชาวนามีบุญคุณ ผมไม่ได้บังคับให้ใครมาเป็นชาวนา

 

ทุกคนมีสิทธิ์เลือกอาชีพของตัวเอง ถ้าทำอาชีพใดเเล้วขาดทุนก็ต้องคิดหาทางทำอาชีพอื่น

 

ประเทศนี้เสรีประชาธิปไตยไม่ใช่หรือ ทุกอาชีพมีศักดิ์ศรีในตัวเองเท่าเทียมกัน

 

ชาวนาเเจกข้าวให้คนอื่นฟรีหรือ กลับไปใช้สมองหน่อย

 

อย่าสักเเต่ว่ากินข้าวเเล้วไม่ใช้ปัญญา

[ฟังทั้งสองฝ่าย]

ก็เงินที่นำไปใช้ในนโยบาย ไม่ใช่เงินของพวก รัฐมนตรี หรือ สส.ที่ดูแลนโยบายไงครับ 
ก็เลยไม่ใส่ใจ
แต่เรามามองอีกมุมกันดีกว่า ว่า แล้วเงินที่ถูกยึดทรัพย์ไป ของคนหนึ่ง ออกมาเป็นแกนนำในการประท้วง เผาเลยพี่น้องงงงงงงงง!!!
ลองนำไปถามได้เลยครับท่านนักข่าว 
ถามไปว่า เงินที่ขาดทุนไปนี้ท่านจะไม่รับผิดชอบ เพราะไม่ใช่เงินของท่านใช่ไหมครับ ท่านรัฐมนตรีช่วย
และถ้าเป็นเงินของท่าน ท่านจะทำยังไง
(เป็นเงินของกรู กรูจะทำให้ขาดทุนได้ไง ไม่น่าถาม อันนี้คิดแทนให้เลย 5555+) 

[เกลียดคุณแม้วจังครับ]

พวกกระบือที่บอกว่า ปชป เป็นตัวทำให้รัฐบาล ลดราคาจำนำข้าว

แสดงว่ามันโง่ได้ใจจริงๆ

ยังโง่ได้อีกนะเนี้ย

[kabokaboh]

นู๋แดงขา แนะนำว่า ให้งดเรื่องจำนำข้าวสักพัก

 

แล้วออกไปเที่ยวบ้างอะไรบ้าง

 

เจอชาวนา แล้วไปถามว่า ปัญหา มันคืออะไร

 

จำนำแล้วได้กี่บาท ทำไมลดราคาลงแล้วเค้าถึงเดือดร้อน

 

แล้วค่อยมาแสดงความคิดเห็นนะคะ

 

ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ ไม่คิดจะช่วยชาวนา

 

แต่ปัญหามันอยู่ที่

 

วิธีช่วยชาวนา บางทีมันอาจจะไม่เหมาะสมหรือเปล่า

 

กินแบ่งกับรัฐบาล และ พรรคพวกหรือเปล่า

 

บิดเบือนโครงสร้าง ราคามากไปหรือเปล่า

 

อุ้มกันจนไม่รู้จักโตหรือเปล่า

 

15000 จริงหรือเปล่า

 

เงินไปตกกับชาวนาจริงหรือเปล่า

 

ทำไมโรงสีไหม้บ่อยเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย

 

อะไรที่มันมากไป ก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ดีนะนู๋ขา

 

อย่าเอาแต่ฟังแกนนำ แล้วออกมาอวยอย่างเดียว

[spiritie]

ปรับ ครม  ก็แล้วกันไป

[ม่านน้ำ]

ที่จริงไอติมแท่งใหญ่

ถ้าดูดกันไปก็ได้หลายคน

บอกว่าให้เผื่อกันหน่อย

ดูดกันค่อยๆ พอประทังตน

คนแรกบอกดูดนิดเดียว

แต่ดูดซะเสียวกันไปหลายคน

คนสองก็กลัวเสียเปรียบ

เลยดูดไปเพียบเสียหมดท่อนบน

คนสามเดินตามมาดูด

เหลือติดแค่ตูดดูดไม่พออีกหน

เลยร้องโวยวายออกมา

ว่าอะไรกันวะเอาเปรียบมวลชน

คนแรกก็บอกฉันไม่รู้

คนสองก็ขู่ว่าไม่ใช่ความผิดของตน

หรือเพราะพวกคนข้างบ้าน

มาหักไม้ไอติิมนั่นเลยอดดูดทุกคน

ตกลงเป็นความผิดใคร

บอกหน่อยได้ไหมท่านสาธุชน

 

เอ๊ช้า...ชา..ชาฉ่าชา...หน่อยแม่

[ก๊องส์ไข่กวน]

หนูไม่รู้

หนูโง่อย่างเดียว

[-3-]

ปชป ต้องรับผิดชอบเพราะไม่สนับสนุนจำนำข้าว แถมเอาแต่ชั่งไข่ครับ 

[หนูอ้อย]

 

 

 

 คุณไม่คิดบ้างเหรอคะ ว่าที่ขาดทุนเกษตกรได้ประโยชน์ถ้าเกษตกรเข้มแข็งคนอย่างคุณจะมีข้าวกินนะคะ เป็นการกระตุ้นแรงจูงใจให้อยากไถนามากขึ้น เศรษฐกิจก็จะดีเพราะเรามีข้าวที่ผลิตขายได้ไม่อั้น ศักกายภาพการผลิตเป็นอันดับ1ของเอเชีย  ให้คนทั้งโลกได้กินข้าวมีคุณภาพ ทำให้ไทยเข้มเเข็งยิ่งกว่านโยบายใครเข้มแข็งของพรรคแมงสาปเยอะค่ะ

 

 

[Emolution]

เข้ามาฮา

[ดอน]

ถ้าใช้แนวคิดแบบนั้น  ช่วยหา คนรับผิดชอบกับการที่ต้องจ่ายเงิน  1.15 แสนล้าน

ไปกับการดำเนินการเรื่องประกันรายได้เกษตรกร(เฉพาะข้าว)  ทั้งที่ขณะนั้น  รายได้จากการขายข้าว

ของเกษตรกรต่อตัน(รวมค่าชดเชยจากประกัน)  ได้น้อยกว่าการจำนำข้าวของสมัยนี้ด้วยซ้ำ

ช่วยกันหาคนรับผิดชอบหน่อยเร็ววว....วู้....

 

ผลการดาเนินการโครงการประกันรายได้เกษตรกร ปี ๒๕๕๒/๕๓

๑. สรุปผลการดาเนินงานภาพรวม

 

      รายการ   ขึ้นทะเบียน (ราย)   ผ่านประชาคม (ราย)   ทาสัญญา (ราย)                 การจ่ายเงินชดเชย

                                                                                                     เกษตรกร (ราย)   สัญญา (ราย)   จานวนเงิน(ล้านบาท)

ข้าวรอบที่ ๑   ๓,๕๒๘,๓๓๕        ๓,๔๑๑,๘๓๘           ๓,๒๗๐,๗๘๙      ๓,๑๙๕,๙๖๐   ๔,๘๒๑,๕๑๑   ๒๘,๕๗๖.

ข้าวรอบที่ ๒   ๖๗๓,๗๙๐            ๘๓๒,๓๗๓                 ๘๒๕,๐๑๙          ๗๘๔,๔๓๔  ๑,๒๗๖,๙๒๒    ๑๙,๒๖๗.

มันสาปะหลัง  ๔๔๗,๓๐๖             ๔๔๕,๗๘๙                 ๔๒๕,๙๕๔          ๓๘๐,๖๑๖      ๔๒๙,๒๒๒     ๒,๔๓๓.

ข้าวโพดฯ       ๔๐๐,๓๒๘            ๓๙๘,๓๙๖                 ๓๙๒,๕๑๘           ๓๗๙,๗๕๙     ๔๖๗,๐๔๔     ๕,๖๓๗.

รวม           ๕,๐๔๙,๗๕๙          ๕,๐๘๘,๓๙๖            ๔,๙๑๔,๒๕๘        ๔,๗๔๐,๗๖๙  ๖,๙๙๑,๖๙๙    ๕๕,๙๑๔.

 

 

 

 

ผลการดาเนินการโครงการประกันรายได้เกษตรกร ปี ๒๕๕๓/๕๔

๑. สรุปผลการดาเนินงานภาพรวม

     รายการ     ขึ้นทะเบียน (ราย)   ผ่านประชาคม (ราย)   ทาสัญญา (ราย)                       การจ่ายเงินชดเชย

                                                                                                         เกษตรกร (ราย) สัญญา (ราย)    จานวนเงิน(ล้านบาท)

ข้าวรอบที่ ๑   ๓,๘๗๗,๔๙๓     ๓,๗๘๗,๐๖๙              ๓,๗๖๒,๑๑๗       ๓,๑๓๙,๐๕๙    ๕,๕๘๗,๖๐๔     ๓๖,๐๐๑.

ข้าวรอบที่ ๒        ๙๒๖,๘๙๐         ๙๒๒,๑๑๗                 ๙๑๖,๓๔๘         ๘๗๘,๗๐๓     ๑,๗๗๗,๙๖๒    ๓๑,๖๐๖.

มันสาปะหลัง       ๕๖๗,๒๗๖        ๕๓๙,๔๙๖                  ๔๘๐,๖๐๘                  -                        -                   -

ข้าวโพดฯ           ๔๙๒,๒๔๙        ๔๖๑,๔๕๘                  ๔๒๙,๓๑๖                  -                        -                   -

รวม                ๕,๘๖๒,๒๕๓    ๕,๗๐๒,๘๑๖                ๕,๕๖๒,๘๔๒      ๓,๙๘๓,๙๕๖     ๗,๒๘๐,๘๕๗    ๖๗,๒๒๑.

[พระฤๅษี]

>>> บูรพา ต้องถามมันว่า...

( หน้ายังหยิกเจ็บไม๊.??? ) 

มันยึดเก้าอี้ ไว้แน่นที่สุด....

[HiddenMan]

หมาตัวไหนเคยเห่าว่าขาดทุนน้อยกว่าประกันรายได้...
ไม่มีทุจริต ชาวนาหายจน เป็นผู้กำหนดราคาโลก
ราคา 15,000 เหมาะสมแล้ว ไม่มีการสวมสิทธิ์

มีอันไหนทำได้แล้วบ้าง... นอกจากทำไม่ได้แล้วยังหน้าด้านโทษคนอื่นอีก

[เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง]

รับชอบน่ะได้ค่ะ แต่รับผิดไม่เคย ขัดใจเดี๋ยวมันเผานะ

[แดงประจำเดือน]

 

 

 

 

 คุณไม่คิดบ้างเหรอคะ ว่าที่ขาดทุนเกษตกรได้ประโยชน์ถ้าเกษตกรเข้มแข็งคนอย่างคุณจะมีข้าวกินนะคะ เป็นการกระตุ้นแรงจูงใจให้อยากไถนามากขึ้น เศรษฐกิจก็จะดีเพราะเรามีข้าวที่ผลิตขายได้ไม่อั้น ศักกายภาพการผลิตเป็นอันดับ1ของเอเชีย  ให้คนทั้งโลกได้กินข้าวมีคุณภาพ ทำให้ไทยเข้มเเข็งยิ่งกว่านโยบายใครเข้มแข็งของพรรคแมงสาปเยอะค่ะ

 

 

 

 

ไม่ทราบว่าดิชั้นเขียนอะไรผิดไปเหรอคะ

[ดอน]

หมาตัวไหนเคยเห่าว่าขาดทุนน้อยกว่าประกันรายได้...
ไม่มีทุจริต ชาวนาหายจน เป็นผู้กำหนดราคาโลก
ราคา 15,000 เหมาะสมแล้ว ไม่มีการสวมสิทธิ์

มีอันไหนทำได้แล้วบ้าง... นอกจากทำไม่ได้แล้วยังหน้าด้านโทษคนอื่นอีก

ตัวไหนเห่าตัวนั้นก็ต้องรับผิดชอบเอง  รับแทนคงไม่ไหว   

[Bookmarks]

 

หมาตัวไหนเคยเห่าว่าขาดทุนน้อยกว่าประกันรายได้...
ไม่มีทุจริต ชาวนาหายจน เป็นผู้กำหนดราคาโลก
ราคา 15,000 เหมาะสมแล้ว ไม่มีการสวมสิทธิ์

มีอันไหนทำได้แล้วบ้าง... นอกจากทำไม่ได้แล้วยังหน้าด้านโทษคนอื่นอีก

ตัวไหนเห่าตัวนั้นก็ต้องรับผิดชอบเอง  รับแทนคงไม่ไหว   

 

อีปูไม่เห่าอะไรเลย ก็ลอยตัวได้ ไม่ต้องรับผิดชอบหรือ อยากจะฮา ความคิดควายแดงจริงๆ 

[HiddenMan]

 

หมาตัวไหนเคยเห่าว่าขาดทุนน้อยกว่าประกันรายได้...
ไม่มีทุจริต ชาวนาหายจน เป็นผู้กำหนดราคาโลก
ราคา 15,000 เหมาะสมแล้ว ไม่มีการสวมสิทธิ์

มีอันไหนทำได้แล้วบ้าง... นอกจากทำไม่ได้แล้วยังหน้าด้านโทษคนอื่นอีก

ตัวไหนเห่าตัวนั้นก็ต้องรับผิดชอบเอง  รับแทนคงไม่ไหว   

 

 

ตัวที่ 1 ขาดทุนน้อยกว่าประกันรายได้

 

http://www.komchadlu...ml#.UcVXE_lvArU

 

อย่างไรก็ตาม นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้รับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าวได้ออกมายืนยันอย่างมั่นใจว่า เงินที่ใช้ในโครงการรับจำนำจะน้อยกว่าโครงการประกันรายได้เกษตรของพรรคประชาธิปัตย์

 

ขณะเดียวกันได้ท้าทายว่า “ถ้ารัฐบาลทำโครงการรับจำนำข้าวแล้ว ทำให้รัฐเสียหายมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่รัฐบาลชุดก่อนใช้ชดเชยในระบบประกันรายได้เกษตรกร รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคงอยู่ไม่ได้ ไม่ต้องตั้งคำถามเลยว่า ในฐานะรองนายกฯเศรษฐกิจจะรับผิดชอบอย่างไร แต่ถ้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล2554/2555 ที่จะเริ่มรับจำนำวันที่ 7 ต.ค. รัฐบาลสามารถรับจำนำแล้วขาดทุนน้อยกว่า 60,000 ล้านบาทและยังทำให้เกษตรกรขายข้าวเปลือกเจ้าได้ราคาตันละ 15,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 20,000 บาท ต้องถือว่ารัฐบาลสอบผ่าน”

 

ตัวที่ 2 ไม่มีทุจริต 100%

 

http://www.thairath....tent/eco/200028

 

นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกระแสข่าวที่มีคนอ้างตัวเป็นทีมงานรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เรียกรับประโยชน์จากผู้ส่งออกข้าวเพื่อแลกกับการอนุมัติขายข้าวในสต๊อกรัฐบาลว่า ยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ทุกคนตั้งใจทำงานเต็มที่ และจะไม่ยอมให้เกิดการทุจริตแน่นอน ดังนั้น อย่าพยายามปล่อยข่าวเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของโครงการรับจำนำ และทุบราคาข้าวไทย 

ส่วนในวันที่ 8 ก.ย.นี้ จะประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนางสาวยิ่่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานนัดแรก เพื่ออนุมัติหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 54/55 สำหรับการทุจริตในโครงการรับจำนำนั้น มั่นใจว่า ในรัฐบาลชุดนี้จะไม่มี 100% เพราะจะจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบโครงการรับจำนำ โดยมีหน่วยงานต่างๆ ร่วมด้วย ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นต้น

 

ตัวที่ 3 15,000 ต่อตันเป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว ยกระดับรายได้ชาวนา

 

http://news.voicetv....land/19944.html

 

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายโครงการรับรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต2554/55ให้หน่วยราชการส่วนกลาง ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด พาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่การรับจำนำจะเริ่มขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่าราคารับจำนำข้าวขาวที่15,000 บาท และข้าวหอมมะลิรับจำนำที่ 20,000 บาท เป็นราคาที่เหมาะสม เพราะได้คำนึงถึงต้นทุนและกำไรที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตของเกษตรกรในภาวะค่าครองชีพสูงในขณะนี้

 

http://news.sanook.c...ดับรายได้ชาวนา/

 

นายกรัฐมนตรีมั่นใจโครงการรับจำนำข้าวที่จะเริ่มพรุ่งนี้ (7 ต.ค.) ช่วยยกระดับรายได้ชาวนาในประเทศประมาณ 20 ล้านคน ขณะที่การระบายข้าวจากโครงการนี้จะไม่มีผลกระทบต่อระบบข้าวทั้งในและต่างประเทศ

 

ตัวที่ 4 เป็นแชมป์การส่งออก ไม่มีพบการสวมสิทธิ์

 

http://hilight.kapook.com/view/72596

 

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในงานสัมมนา นโยบายเศรษฐกิจการค้าไทย ปี 2012 ณ โรงแรมลองบีช จ.ชลบุรี ว่า กระทรวงพาณิชย์ จะยังมุ่งเน้นในเรื่องของการดูแลสร้างเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าข้าว ซึ่งจะมีการสานต่อนโยบายการรับจำนำ ทำให้ราคาข้าวของเกษตรกรมีราคาสูงขึ้น และผลักดันการส่งออก ทำให้ประเทศไทยยังเป็นประเทศอันดับ 1 ของการส่งออกข้าวโลก ซึ่งในปีนี้ ตั้งเป้าหมายการส่งออกที่ 8.5 - 9 ล้านตัน และในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ สามารถส่งออกได้แล้ว 2.9 ล้านตัน และเพื่อให้การส่งออกข้าวไทยยังคงเป็นอันดับ 1 ทางกระทรวงพาณิชย์ จะมีการจัดทำมาตรฐานของข้าวหอมมะลิไทย และตั้งสมาพันธ์ผู้ผลิตข้าวอาเซียน ซึ่งภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีการเจรจากับประเทศเวียดนาม ถึงความร่วมมือกันต่อไป ในฐานะที่เวียดนาม เป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญอีก 1 ประเทศ

 

http://www.krobkruak...ิ์จำนำข้าว.html

 

นอกจากนี้ ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เตรียมวงเงินประมาณ 9,000 ล้านบาท สำหรับปล่อยสินเชื่อให้กับเกษตรกร 30 % ของปริมาณผลผลิตที่รับจำนำ คิดดอกเบี้ย 0 % เพื่อนำเงินใช้จ่ายหมุนเวียนในช่วงระหว่างรอเก็บเกี่ยวผลผลิต รวมถึงมีการพักชำระหนี้เดิมให้เกษตรกรนาน 4 เดือน เพื่อเกษตรกรไม่ต้องเร่งใช้หนี้ ธ.ก.ส. ส่วนโครงการแก้ปัญหาสวมสิทธิ์รับจำนำข้าว ได้สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์รวมถึง กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งตรวจสอบ แต่ขณะนี้ ยังไม่พบ ซึ่งหากพบผู้กระทำผิดจะดำเนินการให้ถึงที่สุด

Edited by HiddenMan, 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 15:09.

[Next>>target]

ท่องไว้อย่างเดียวครับเวลาตอบนักข่าว "ชาวนาได้ประโยชน์ ค่ะ/ครับ"

[ดอน]

เปิดผลสำรวจชาวนารวยขึ้น พึงพอใจโครงการจำนำข้าว กรมข้าวแนะ7วิธีลดต้นทุน

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้สำรวจความคิดเห็นของเกษตรกรในหัวข้อ "เงินออมของเกษตรกรและความคิดเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าว" ระหว่างวันที่ 14-17 มิถุนายน จากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พบว่าเกษตรกรมีเงินออมกับ ธ.ก.ส.เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ได้มาจากการขายผลผลิตการเกษตร โดยเป็นเงินรายได้จากการจำนำข้าวคิดเป็น 82.6% นอกจากนี้ ยังพบว่าการที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรัฐบาล เช่น โครงการจำนำข้าวและพักชำระหนี้ มีส่วนช่วยลดภาระหนี้สินทั้งในระบบ เช่นหนี้ ธ.ก.ส. และหนี้ผ่อนชำระรถยนต์/รถจักรยานยนต์ และนอกระบบคิดเป็น 97.8% 

 

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เกษตรกรได้แสดงความเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าวว่าส่วนใหญ่ 77.7% เห็นข้อดีของการเข้าร่วมโครงการคือขายข้าวได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด รองลงมาคือมีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยสรุปเกษตรกรมีความพึงพอใจต่อโครงการรับจำนำข้าวคิดเป็น 93.7% ด้วยเหตุผลคือราคารับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดและสูงกว่านำไปขายให้โรงสี ผู้ปลูกข้าวเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดได้ ดังนั้น โดยสรุปความพึงพอใจเกษตรกรที่มีต่อโครงการรับจำนำข้าวในภาพรวมเห็นว่าดีมีประโยชน์

http://www.matichon....atid=&subcatid=

[ครุฑดำ]

เปิดผลสำรวจชาวนารวยขึ้น พึงพอใจโครงการจำนำข้าว กรมข้าวแนะ7วิธีลดต้นทุน

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้สำรวจความคิดเห็นของเกษตรกรในหัวข้อ "เงินออมของเกษตรกรและความคิดเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าว" ระหว่างวันที่ 14-17 มิถุนายน จากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พบว่าเกษตรกรมีเงินออมกับ ธ.ก.ส.เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ได้มาจากการขายผลผลิตการเกษตร โดยเป็นเงินรายได้จากการจำนำข้าวคิดเป็น 82.6% นอกจากนี้ ยังพบว่าการที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรัฐบาล เช่น โครงการจำนำข้าวและพักชำระหนี้ มีส่วนช่วยลดภาระหนี้สินทั้งในระบบ เช่นหนี้ ธ.ก.ส. และหนี้ผ่อนชำระรถยนต์/รถจักรยานยนต์ และนอกระบบคิดเป็น 97.8% 

 

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เกษตรกรได้แสดงความเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าวว่าส่วนใหญ่ 77.7% เห็นข้อดีของการเข้าร่วมโครงการคือขายข้าวได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด รองลงมาคือมีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยสรุปเกษตรกรมีความพึงพอใจต่อโครงการรับจำนำข้าวคิดเป็น 93.7% ด้วยเหตุผลคือราคารับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดและสูงกว่านำไปขายให้โรงสี ผู้ปลูกข้าวเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดได้ ดังนั้น โดยสรุปความพึงพอใจเกษตรกรที่มีต่อโครงการรับจำนำข้าวในภาพรวมเห็นว่าดีมีประโยชน์

http://www.matichon....atid=&subcatid=

 

 

เปิดผลสำรวจชาวนารวยขึ้น พึงพอใจโครงการจำนำข้าว กรมข้าวแนะ7วิธีลดต้นทุน

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้สำรวจความคิดเห็นของเกษตรกรในหัวข้อ "เงินออมของเกษตรกรและความคิดเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าว" ระหว่างวันที่ 14-17 มิถุนายน จากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พบว่าเกษตรกรมีเงินออมกับ ธ.ก.ส.เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ได้มาจากการขายผลผลิตการเกษตร โดยเป็นเงินรายได้จากการจำนำข้าวคิดเป็น 82.6% นอกจากนี้ ยังพบว่าการที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรัฐบาล เช่น โครงการจำนำข้าวและพักชำระหนี้ มีส่วนช่วยลดภาระหนี้สินทั้งในระบบ เช่นหนี้ ธ.ก.ส. และหนี้ผ่อนชำระรถยนต์/รถจักรยานยนต์ และนอกระบบคิดเป็น 97.8% 

 

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เกษตรกรได้แสดงความเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าวว่าส่วนใหญ่ 77.7% เห็นข้อดีของการเข้าร่วมโครงการคือขายข้าวได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด รองลงมาคือมีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยสรุปเกษตรกรมีความพึงพอใจต่อโครงการรับจำนำข้าวคิดเป็น 93.7% ด้วยเหตุผลคือราคารับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดและสูงกว่านำไปขายให้โรงสี ผู้ปลูกข้าวเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดได้ ดังนั้น โดยสรุปความพึงพอใจเกษตรกรที่มีต่อโครงการรับจำนำข้าวในภาพรวมเห็นว่าดีมีประโยชน์

http://www.matichon....atid=&subcatid=

 

แล้วรัฐบวมจะลดราคาจำนำเหลือ12000หาหอกอะไร เดี๋ยวเกษตรกรก็กลับไปจนเหมือนเดิมหรอก

[55555]

เปิดผลสำรวจชาวนารวยขึ้น พึงพอใจโครงการจำนำข้าว กรมข้าวแนะ7วิธีลดต้นทุน

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้สำรวจความคิดเห็นของเกษตรกรในหัวข้อ "เงินออมของเกษตรกรและความคิดเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าว" ระหว่างวันที่ 14-17 มิถุนายน จากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พบว่าเกษตรกรมีเงินออมกับ ธ.ก.ส.เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ได้มาจากการขายผลผลิตการเกษตร โดยเป็นเงินรายได้จากการจำนำข้าวคิดเป็น 82.6% นอกจากนี้ ยังพบว่าการที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรัฐบาล เช่น โครงการจำนำข้าวและพักชำระหนี้ มีส่วนช่วยลดภาระหนี้สินทั้งในระบบ เช่นหนี้ ธ.ก.ส. และหนี้ผ่อนชำระรถยนต์/รถจักรยานยนต์ และนอกระบบคิดเป็น 97.8% 

 

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เกษตรกรได้แสดงความเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าวว่าส่วนใหญ่ 77.7% เห็นข้อดีของการเข้าร่วมโครงการคือขายข้าวได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด รองลงมาคือมีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยสรุปเกษตรกรมีความพึงพอใจต่อโครงการรับจำนำข้าวคิดเป็น 93.7% ด้วยเหตุผลคือราคารับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดและสูงกว่านำไปขายให้โรงสี ผู้ปลูกข้าวเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดได้ ดังนั้น โดยสรุปความพึงพอใจเกษตรกรที่มีต่อโครงการรับจำนำข้าวในภาพรวมเห็นว่าดีมีประโยชน์

http://www.matichon....atid=&subcatid=

 

 

 

ถ้ารัฐบาลออกนโยบาย แจกไอ้ติมเด็กหลังมื้อเที่ยงทุกวัน ....

 

พนันกับผมม่ะ ถ้าไปสำรวจความถึงพอใจเด็ก...ผลโพลออกมาไม่แพ้กันเลย..

 

 

[ดอน]

 

เปิดผลสำรวจชาวนารวยขึ้น พึงพอใจโครงการจำนำข้าว กรมข้าวแนะ7วิธีลดต้นทุน

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้สำรวจความคิดเห็นของเกษตรกรในหัวข้อ "เงินออมของเกษตรกรและความคิดเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าว" ระหว่างวันที่ 14-17 มิถุนายน จากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พบว่าเกษตรกรมีเงินออมกับ ธ.ก.ส.เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ได้มาจากการขายผลผลิตการเกษตร โดยเป็นเงินรายได้จากการจำนำข้าวคิดเป็น 82.6% นอกจากนี้ ยังพบว่าการที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรัฐบาล เช่น โครงการจำนำข้าวและพักชำระหนี้ มีส่วนช่วยลดภาระหนี้สินทั้งในระบบ เช่นหนี้ ธ.ก.ส. และหนี้ผ่อนชำระรถยนต์/รถจักรยานยนต์ และนอกระบบคิดเป็น 97.8% 

 

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เกษตรกรได้แสดงความเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าวว่าส่วนใหญ่ 77.7% เห็นข้อดีของการเข้าร่วมโครงการคือขายข้าวได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด รองลงมาคือมีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยสรุปเกษตรกรมีความพึงพอใจต่อโครงการรับจำนำข้าวคิดเป็น 93.7% ด้วยเหตุผลคือราคารับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดและสูงกว่านำไปขายให้โรงสี ผู้ปลูกข้าวเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดได้ ดังนั้น โดยสรุปความพึงพอใจเกษตรกรที่มีต่อโครงการรับจำนำข้าวในภาพรวมเห็นว่าดีมีประโยชน์

http://www.matichon....atid=&subcatid=

 

 

 

ถ้ารัฐบาลออกนโยบาย แจกไอ้ติมเด็กหลังมื้อเที่ยงทุกวัน ....

 

พนันกับผมม่ะ ถ้าไปสำรวจความถึงพอใจเด็ก...ผลโพลออกมาไม่แพ้กันเลย..

 

 

 

ตอนประกัน  มีสำรวจไว้มั่งหรือเปล่าล่ะ  ว่ามีถูกใจแค่ไหน

แต่เท่าที่จำได้  ตอนนั้นปิดถนนกันให้วุ่น  ซ้ำแกนนำติดคุกอีกตะหาก

[55555]

 

 

เปิดผลสำรวจชาวนารวยขึ้น พึงพอใจโครงการจำนำข้าว กรมข้าวแนะ7วิธีลดต้นทุน

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้สำรวจความคิดเห็นของเกษตรกรในหัวข้อ "เงินออมของเกษตรกรและความคิดเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าว" ระหว่างวันที่ 14-17 มิถุนายน จากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พบว่าเกษตรกรมีเงินออมกับ ธ.ก.ส.เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ได้มาจากการขายผลผลิตการเกษตร โดยเป็นเงินรายได้จากการจำนำข้าวคิดเป็น 82.6% นอกจากนี้ ยังพบว่าการที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรัฐบาล เช่น โครงการจำนำข้าวและพักชำระหนี้ มีส่วนช่วยลดภาระหนี้สินทั้งในระบบ เช่นหนี้ ธ.ก.ส. และหนี้ผ่อนชำระรถยนต์/รถจักรยานยนต์ และนอกระบบคิดเป็น 97.8% 

 

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เกษตรกรได้แสดงความเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าวว่าส่วนใหญ่ 77.7% เห็นข้อดีของการเข้าร่วมโครงการคือขายข้าวได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด รองลงมาคือมีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยสรุปเกษตรกรมีความพึงพอใจต่อโครงการรับจำนำข้าวคิดเป็น 93.7% ด้วยเหตุผลคือราคารับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดและสูงกว่านำไปขายให้โรงสี ผู้ปลูกข้าวเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดได้ ดังนั้น โดยสรุปความพึงพอใจเกษตรกรที่มีต่อโครงการรับจำนำข้าวในภาพรวมเห็นว่าดีมีประโยชน์

http://www.matichon....atid=&subcatid=

 

 

 

ถ้ารัฐบาลออกนโยบาย แจกไอ้ติมเด็กหลังมื้อเที่ยงทุกวัน ....

 

พนันกับผมม่ะ ถ้าไปสำรวจความถึงพอใจเด็ก...ผลโพลออกมาไม่แพ้กันเลย..

 

 

 

ตอนประกัน  มีสำรวจไว้มั่งหรือเปล่าล่ะ  ว่ามีถูกใจแค่ไหน

แต่เท่าที่จำได้  ตอนนั้นปิดถนนกันให้วุ่น  ซ้ำแกนนำติดคุกอีกตะหาก

 

 

 

เวลาออกนโยบาย มั้นไม่ใช่เรื่องสำรวจความพึงพอใจ

 

ไม่งั้นก็ไม่ต้องเอาคนมีสมองมาบริหารประเทศก็ได้

 

มันเป็นเรื่องของความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล

 

ถ้าจะเอาความพึงพอใจ...ก็ยืนยัน 15000 ต่อดิ เค้าจะได้พอใจ

 

จะไปลด 12000 ทำไม

 

ส่วนเรื่องคนปิดถนน จะไปโทษใครได้ ถ้าไม่ออกนโยบายโง่ ๆ ไปล่อเค้าให้ติด

 

 

Edited by 55555, 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 15:44.

[ดอน]

นั่นดิ   ลดทำไมวะ   มันน่าจะ  เจ๊งเป็นเจ๊ง  ลุยแหลก

แต่ชาวนาเขาโกรธ  ปชป

[HiddenMan]

 ลดจำนำปุ๊ป สำรวจความเห็นว่ารวยปั๊ปเลย... รู้งี้ลดตั้งนานแล้ว

 

http://www.manager.c...D=9550000096956

 

ธปท.ห่วงภาคครัวเรือนอ่วม โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพเกษตรกรรมที่มีภาระหนี้สูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่นๆ และสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ จึงเริ่มเห็นสัญญาณภาระหนี้สินมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง และอาจจะโดนกระหน่ำจากพิษเศรษฐกิจโลกหดตัว ทำให้ความมั่นคงของรายได้ลดลง เพราะรายได้ส่วนใหญ่เกษตรกรมาจากราคาพืชผลอิงในตลาดโลก และคาดไตรมาส 3 สินเชื่อโดยรวมหดตัว

 

http://news.voicetv....ness/47637.html

 

โดย พบว่า เกษตรกร มีหนี้สินต่อครัวเรือน ในปี 2554 จำนวน 103,047 บาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับ ปี 2553 โดยร้อยละ 39.1 เป็นหนี้นอกระบบ เพราะว่ากู้เงินในระบบล่าช้า และเข้าไม่ถึงแหล่งข้อมูล  โดยเหตุที่จำเป็นต้องกู้เงิน เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม จึงจำเป็นต้องมีการกู้เงินเพื่อฟื้นฟู นอกจากนี้ เกษตรกร ยังวิตกกังวลต่อราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ต้นทุนปุ๋ยและยาฆ่าแมลงที่แพงขึ้น และพบว่าเกษตรกร ทำนาร้อยละ 80.5 ไม่อยากให้ลูกหลานทำนาเช่นเดียวกับตนเอง เพราะเป็นอาชีพที่ลำบาก จ้างคนอื่นทำคุ้มค่ากว่า และเป็นอาชีพที่ไม่มีรายได้แน่นอน แต่ส่วนใหญ่ ร้อยละ 72.5 จะไม่ขายที่ดินให้นายทุน หรือ มีความคิดที่จะขายน้อยมาก

[55555]

นั่นดิ   ลดทำไมวะ   มันน่าจะ  เจ๊งเป็นเจ๊ง  ลุยแหลก

แต่ชาวนาเขาโกรธ  ปชป

 

นั่นดิ...ชาวนาพวกนั้นมันสติปัญญาดีมากเลย

 

แบบชาวนา โกตี๋..

 

     

[HiddenMan]

เปิดผลสำรวจชาวนารวยขึ้น พึงพอใจโครงการจำนำข้าว กรมข้าวแนะ7วิธีลดต้นทุน

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้สำรวจความคิดเห็นของเกษตรกรในหัวข้อ "เงินออมของเกษตรกรและความคิดเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าว" ระหว่างวันที่ 14-17 มิถุนายน จากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พบว่าเกษตรกรมีเงินออมกับ ธ.ก.ส.เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ได้มาจากการขายผลผลิตการเกษตร โดยเป็นเงินรายได้จากการจำนำข้าวคิดเป็น 82.6% นอกจากนี้ ยังพบว่าการที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรัฐบาล เช่น โครงการจำนำข้าวและพักชำระหนี้ มีส่วนช่วยลดภาระหนี้สินทั้งในระบบ เช่นหนี้ ธ.ก.ส. และหนี้ผ่อนชำระรถยนต์/รถจักรยานยนต์ และนอกระบบคิดเป็น 97.8% 

 

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เกษตรกรได้แสดงความเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าวว่าส่วนใหญ่ 77.7% เห็นข้อดีของการเข้าร่วมโครงการคือขายข้าวได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด รองลงมาคือมีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยสรุปเกษตรกรมีความพึงพอใจต่อโครงการรับจำนำข้าวคิดเป็น 93.7% ด้วยเหตุผลคือราคารับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดและสูงกว่านำไปขายให้โรงสี ผู้ปลูกข้าวเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดได้ ดังนั้น โดยสรุปความพึงพอใจเกษตรกรที่มีต่อโครงการรับจำนำข้าวในภาพรวมเห็นว่าดีมีประโยชน์

http://www.matichon....atid=&subcatid=

 

 

 

เกิดความสงสัยว่า...

 

http://www.thairath....tent/eco/267193

 

นายบุญช่วย เจียดำรงชัย รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวถึงการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ 3 ปี เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีประวัติชำระหนี้ดีในกลุ่มเกษตรกรรายย่อย และผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างไม่เกิน 500,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 ปี ว่า ในส่วนของลูกค้า ธ.ก.ส.มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ 2.76 ล้านคน โดยได้แจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการ 896,350 ราย แบ่งเป็นการเลือกแนวทางพักเงินต้นและลดดอกเบี้ยร้อยละ 3 เป็นจำนวน 749,934 ราย เป็นเงิน 87,926 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 90 ส่วนการเลือกลดดอกเบี้ยจำนวน 93,105 ราย เป็นเงิน 9,937 ล้านบาท

 

http://www.bangkokbi...้-จำนำข้าว.html

 

ธ.ก.ส.ชี้ ผลจากนโยบายรัฐบาลทั้งพักหนี้เกษตรกรและจำนำข้าว ทำให้เกษตรกรมีเงินออมมากขึ้นประมาณ 6 หมื่นล้านในระยะ 2 ปี

 

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)เปิดเผยว่า ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ยอดเงินฝากจากเกษตรกรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือ เพิ่มขึ้นประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ยอดเงินฝากที่เคยอยู่ในระดับเฉลี่ย 1.2 แสนล้านบาท เพิ่มเป็น 1.8 แสนล้านบาท โดยเป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลหลายด้าน ทั้งนโยบายการพักชำระหนี้ครัวเรือน ซึ่งทำให้เกษตรกรมีเงินออมมากขึ้น รวมถึง นโยบายจำนำข้าวที่ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

 

 

 

ลงทะเบียนพักหนี้ไป 8 หมื่นกว่าล้าน แต่เกตรกรมีเงินออมเพิ่มแค่ 6 หมื่นล้าน...

[IFai]

เปิดผลสำรวจชาวนารวยขึ้น พึงพอใจโครงการจำนำข้าว กรมข้าวแนะ7วิธีลดต้นทุน

นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้สำรวจความคิดเห็นของเกษตรกรในหัวข้อ "เงินออมของเกษตรกรและความคิดเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าว" ระหว่างวันที่ 14-17 มิถุนายน จากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง พบว่าเกษตรกรมีเงินออมกับ ธ.ก.ส.เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ได้มาจากการขายผลผลิตการเกษตร โดยเป็นเงินรายได้จากการจำนำข้าวคิดเป็น 82.6% นอกจากนี้ ยังพบว่าการที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรัฐบาล เช่น โครงการจำนำข้าวและพักชำระหนี้ มีส่วนช่วยลดภาระหนี้สินทั้งในระบบ เช่นหนี้ ธ.ก.ส. และหนี้ผ่อนชำระรถยนต์/รถจักรยานยนต์ และนอกระบบคิดเป็น 97.8% 

 

นายสมศักดิ์กล่าวว่า เกษตรกรได้แสดงความเห็นต่อโครงการรับจำนำข้าวว่าส่วนใหญ่ 77.7% เห็นข้อดีของการเข้าร่วมโครงการคือขายข้าวได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด รองลงมาคือมีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยสรุปเกษตรกรมีความพึงพอใจต่อโครงการรับจำนำข้าวคิดเป็น 93.7% ด้วยเหตุผลคือราคารับจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาดและสูงกว่านำไปขายให้โรงสี ผู้ปลูกข้าวเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง และแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดได้ ดังนั้น โดยสรุปความพึงพอใจเกษตรกรที่มีต่อโครงการรับจำนำข้าวในภาพรวมเห็นว่าดีมีประโยชน์

http://www.matichon....atid=&subcatid=

 

      ดีใจครับที่นส.ปู ทำให้ ชาวนาถูกใจในโครงการถึง 93.7% เป็นนโยบายที่ถูกใจในระดับ A+ ขอย้ำคำถามที่หลายคนถาม โครงการเยี่ยมอย่างนี้ นส.ปูลดยอดเงินจำนำ และเพิ่มข้อแม้ต่างอีกหลายข้อ เพื่อให้ชาวนาได้รับผลโครงการเยี่ยมๆ  นส.ปู ทำเพื่อ โตมร ไตรรงค์ อะไร

 

      พบว่าเกษตรกรมีเงินออมโดยเป็นเงินรายได้จากการจำนำข้าวคิดเป็น 82.6% ...โครงการจำนำข้าวและพักชำระหนี้ มีส่วนช่วยลดภาระหนี้สิน คิดเป็น 93.7%

     ถ้าผมเป็นชาวนา มีหนี้กับธกส.อยู่40,000 ปีนี้ขายข้าวได้ 100,000  แต่มีโครงการพักหนี้ของธกส. ผมไม่ต้องจ่ายหนี้(เงินต้น) ผมจ่ายดอกเบี้ย แล้วที่เหลือเอาเข้าบช. (ผมอยู่ใน 82.6%)

     ผมไม่จ่ายหนี้ ผมก็เป็นหนึ่งใน 93.7%

     ในตัวเลขนี้ ดอนยอ ว่าโครงการนี้ประสพผลสำเร็จ??? ชาวนาอย่างผมอยู่ดีกินดีขึ้น หนี้สินลดน้อยลง???

    หรือเป็นตัวเลขหลอกควาย เฉยๆ

 

     เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา  ชาวบ้านหมู่บ้านผม ถูกธกส. เรียกปิดบช. เงินกู้กองทุนหมู่บ้าน(@1ล้าน) ทั้งที่ยังไม่ครบกำหนด ผมถามเจ้าหน้าที่ธกส.(ปากช่อง)ว่า ยังไม่ครบกำหนด ขอปิดบช.กู้ก่อน  จะเอาเงินไปตรียมรับจำนำฤดูกาลใหม่หรือ เขาไม่ตอบ ได้แต่ยิ้ม

 

     ผมเป็นคนเสียภาษีคนหนึ่ง ยินดี และเต็มใจ ถ้ารบ. เอาเงินภาษีไปทำนุบำรุงชาติ-ปชช. ให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่นสร้างถนน100บาท ขอ70-75บาท เป็นเนื้องานที่เป็นถนน, รับจำนำข้าว กี่แสนล้านบาทก็ตาม เงินควรลงไปถึงมือชาวนาสัก 70% ของเงินที่ลงไป   แต่ตอนนี้ ไปถึงมือชาวนาแค่ 30% ...มันน้อยไป

 

    คุณดอนยอ กับผม กับคนในสรท.(ส่วนใหญ่) ไม่ใช่นักการเมือง ไม่เกี่ยวข้องในวงจรการทำงาน  ...เราควรคุยกันด้วยข้อเท็จจริง ซึ่งอาจแตกต่างกันบ้าง แต่มาคุยกัน เพราะข้อเท็จจริง มีเพียงหนึ่งเดียว

 

    ผมเสียดายเงินที่หายไปถึง 70%

Edited by IFai, 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 17:30.

[V for Macaw]

ไปเอาข้อมูลมาจากไหนว่าขาดทุน ผมไม่เชื่อหรอก ผมเชื่อหมวดเจี๊ยบ 

[ขะยิ่นดง]

ดูข่าวช่วงเที่ยง เห็นผลโพล แว็ปๆ

[ขะยิ่นดง]

แถมอีกนิด.....

[Robin]

เอานังโง่มาบริหารเทศก็ยังงี้แหละครับ หาดใหญ่มันยังเรียกจังหวัด เรื่องข้าวเรื่องราคาพืชเกษตร อย่าไปหวังว่ามันจะรู้เรื่อง

[-3-]

ชูวิทย์ I'm No.5

 

"ชีวิตไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไป"

ผมพบกับชาวนา ที่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ท้องทุ่งเต็มไปด้วย "ข้าว" ที่รอเก็บเกี่ยวปลายเดือนสิงหาคมนี้ ชาวนา "ปวดหัว" และ "ท้อแท้" กับนโยบาย "กลับไปกลับมา" อ้าง "วินัยการเงินการคลัง" ตอนหาเสียงบอกจำนำ 15,000 บาท ทำไปทำมาลดเหลือ 12,000 บาท

แท้จริงแล้ว "ต้นทุน" ทำนาต่อ 1 ไร่ ชาวนาสุพรรณฯแจง ตั้งแต่ "เตรียมหว่าน จนถึง เก็บเกี่ยว" บวก "ค่าเช่านา" แล้ว ค่ายา ค่าปุ๋ย ค่าแรง ค่าน้ำมัน เบ็ดเสร็จ 6,570 บาท / ไร่ ของมันพาเหรดกันขึ้นราคา รับนโยบาย "จำนำข้าว 15,000 บาท” พอ "รัฐบาล" ลดเหลือ 12,000 บาท ต้นทุนค่าใช้จ่ายมันไม่ได้ลดตามไปด้วย

1 ไร่ ได้ข้าวไม่ถึง “1 ตัน" หรือ “1 เกวียน" หรือ “100 ถัง" โดยเฉลี่ย 1 ไร่ ชาวนาสุพรรณฯ ทำได้แค่ “85 ถัง" แถมข้าวมี "ความชื้น" เพราะต้องรีบเก็บเกี่ยวไปส่งโรงสี เอาเงินไปใช้หนี้ พอหัก "ต้นทุน" แล้ว จึงเหลือ "กำไร" ประมาณ 3,000 บาท /ไร่ แล้วถ้าเอาไปหารระยะเวลาที่ลงทุนทำนา 4 เดือน เหลือกำไรจริงๆ เฉลี่ยเดือนละ 700 - 800 บาท / ไร่ หากตอนนี้ "รัฐบาล" ลดเหลือ 12,000 บาท พวกเขาจะเหลือเงินจากการทำนาสักเท่าไหร่?

คุณคิดว่า เงิน 800 บาท / เดือน จะทำอะไรได้?

ครอบครัวชาวนามี พ่อ แม่ ลูก เหมือนคนทั่วไป หากทำนา 1 ไร่ ได้เงินเดือนละ 800 บาท ทำ 10 ไร่ ได้เงินเดือนละ 8,000 บาท คุณคิดว่าจะเพียงพอหรือ?

ชีวิตชาวนามันแสน "รันทด" เมื่อคุณกินข้าว 1 จาน โปรดรู้ไว้เลยว่า มันมาพร้อม "หยาดเหงื่อ" และ "น้ำตา" ของชาวนาไทย

นี่คือ "ชีวิตชาวนา เรื่องจริงที่คุณไม่รู้"

 

 

http://www.facebook....&type=1

 

ต่อไปขอเชิญฝ่ายสนับสนุน ท่านดอนยอ มาโต้ตอบครับ 

[เหล่าฮู]

ตามไปดูวิถีชีวิต ชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาเงินล้าน ญาติ จตุพร พรหมพันธุ์ ?

 

     "ใครว่าทำนาแล้วจน...ไม่จริงหรอก ทำนามันดีกว่าทำงานกินเงินเดือนอีก" นี่คือคำพูดยืนยันหนักแน่นจากปากของ ชัยพร พรหมพันธุ์ เกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำนา ที่ ชัยพร พรหมพันธุ์ กล้าการันตีแบบนี้ก็เพราะว่าชาวนาอย่าง ชัยพร พรหมพันธุ์ ทำกำไรเหนาะ ๆ หักต้นทุนเรียบร้อยแล้ว เมื่อฤดูกาลผลิตที่แล้ว 2,000,000 บาทเศษ และฤดูที่เพิ่งผ่านพ้นไป 1,000,000 บาทเศษ ๆ และตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีเงินเหลือใช้มากพอ จนสามารถกำหนดเงินเดือนให้ตัวเองและภรรยาในอัตราเดียวกับผู้บริหารเสื้อคอปกขาวในเมือง มีโบนัสจากผลประกอบการไม่เคยขาด โดยเฉลี่ยก็มีรายได้ตกคนละประมาณ 60,000 – 70,000 บาท ปีก่อนนี้ซื้อทองเส้นเท่าหัวแม่โป้งมาใส่ พร้อม ๆ กับถอยรถกระบะมาขับเล่น ๆ อีกต่างหาก
 

          ซึ่งนอกจากเงินเดือนและโบนัสสูงแล้ว ชัยพร พรหมพันธุ์ ยังซื้อที่ดินขยายการผลิตออกไป 30 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 20 ปี ด้วยเงินสด ไม่เคยขาดทุนจากการทำนาต่อเนื่องมานับตั้งแต่ปี 2533 ไม่เคยมีหนี้สิน มีหลักประกันสุขภาพชั้นดี จากการส่งประกันชีวิตประกันสุขภาพระดับ A เดือนละร่วมแสน ส่งลูก 3 คน เรียนจบปริญญาโทโดยขนหน้าแข็งไม่ร่วง...วันว่างยังพาลูก ๆ ออกไปหาของกินอร่อย ๆ นอกบ้าน ชาวนาคนนี้เขาทำได้อย่างไร ทำไมชีวิตจึงมีเงินเก็บมากมายขนาดนี้ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปเรียนรู้การใช้ชีวิตจากเขากันค่ะ...

          นายชัยพร  พรหมพันธุ์ ชาวนาวัย 48 อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ที่ 1 ตำบลบางใหญ่ อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อำเภอบางปลาม้า สมรสกับคุณวิมล พรหมพันธุ์ บุตรมี 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน รักอาชีพการทำนาเป็นชีวิตจิตใจ ความมั่งคั่งมั่นคงทั้งปวง ได้มาจากการทำนาโดยสุจริต ไม่เอาเปรียบดินไม่เอาเปรียบน้ำ คิดซื่อ ขยันขันแข็ง และมีสองมือหยาบกร้านจากการทำงานหนักเช่นชาวนาทั่ว ๆ ไป โดยชาวนาโดยส่วนใหญ่คู่กับตำนานยิ่งทำยิ่งจน ทำนาจนเสียนา แต่สำหรับเขา ทำนาบนที่ดินมรดกพ่อ 20 กว่าไร่ กับอีกส่วนหนึ่งเขาเช่าเพิ่มเติม ทำไปทำมาก็ซื้อที่นาเช่ามาเป็นของตัวเอง ปาเข้าไป 100 กว่าไร่ แถมซื้อที่นามาโดยไม่เคยกู้แบงก์ ไม่เคยเป็นลูกค้าขี้ข้าใคร 

          "ผมล้มมาเยอะเหมือนกัน" สำเนียงเหน่อ ๆ ของลูกชายคนโตของผู้ใหญ่บ้านแห่ง ตำบลบางใหญ่ ผู้เพียรพยายามหาหนทางตั้งตัว เคยทำแม้แต่นากุ้งและสวนผลไม้คละชนิด แต่สู้น้ำไม่ไหว ต้องกลับมาเป็นชาวนาตามรอยพ่อ 
 

          "ทำนาเคมีมา 20 กว่าไร่ ครั้งแรกปี 2525 ได้ข้าว 13 เกวียน จำได้แม่นเลย ขายได้เกวียนละ 2,000 บาท ขาดทุนยับ พอดูหนทาง เลยไปสมัครเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คิดว่าจะได้เบิกเงินค่าเรียนลูก เพราะมองอนาคตแล้วว่าไม่มีปัญญาส่งลูกแน่ แต่ปี 2531 เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอาละวาดหนัก แถวบ้านเราโดนกันหมด ก็พอดีอาจารย์เดชา ศิริภัทร ทำเรื่องนาอินทรีย์และใช้สมุนไพร มาขอทำแปลงทดลองปลูกสมุนไพร พ่อก็แบ่งนาให้ 5 ไร่ ด้วยความเกรงใจ อาจารย์ก็เริ่มทดลองใช้สะเดาสู้กับเพลี้ย เครื่องไม้เครื่องมือเยอะ ผมก็ไปช่วยอาจารย์ฉีด ก็ฉีดไปยังงั้น เราไม่ได้ศรัทธาอะไร แต่ปรากฎว่าแปลงนาที่สารเคมีเสียหายหมด ส่วนแปลงนาที่ฉีดสะเดากลับไม่เป็นอะไร 

          ผมก็เริ่มจะเชื่อแล้ว แต่ก็ยังไม่เต็มร้อย เลยเอามาทำในนาของผมเอง ซึ่งปีนั้นชาวนาโดนเพลี้ยกันเยอะมาก หน่วยปราบศัตรูพืชจังหวัด เขาเลยเอายาที่ผสมสารเคมีมาแจก ผมก็ลองเอามาใช้ โดยแบ่งว่าแปลงนานี้ฉีดสารเคมี แปลงนานี้ฉีดสะเดา ซึ่งผลก็ปรากฎออกมาว่า แปลงนาที่ฉีดสะเดาปลอดภัยดี เก็บเกี่ยวข้าวก็ดี แต่แปลงที่ฉีดสารเคมีตายหมด ตั้งแต่นั้นมาก็เลยเชื่อสนิทใจ แล้วมาลองทำเองดู ผมก็หักกิ่งก้านสะเดามาใส่ครกตำเอง ภรรยาก็บ่นว่าทำไปทำไมเสียเวลา แต่ผมรั้น คือยังไงก็ขอลองหน่อย ก็เอาไปฉีดแล้วข้าวก็ได้เกี่ยว ผลผลิตก็ออกมาดีเกินคาด ทีนี้ชาวบ้านก็แห่มาขอสูตรเอาไปทำบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยมีใครประสบผลสำเร็จ เพราะเขาใช้สมุนไพรคู่กับยาเคมี บางคนใช้เคมีจนเอาไม่อยู่แล้วถึงหันมาใช้สะเดา พอมันไม่ได้ผลทันตาเห็น ก็กลับไปใช้สารเคมีกันเหมือนเดิม” เกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำนา กล่าว
 

          การคิดต้นทุนของเขา ลงทุนเต็มที่ตกไร่ละ 2,000 บาท ในขณะที่ขายได้เกวียนละไม่ต่ำกว่า 8,000 บาท ซึ่งหลังจากเขาทำนาอินทรีย์ได้เพียง 3 ปี มีเงินเหลือมากกว่า 6 ปี ที่มัวจมอยู่กับปุ๋ยยา อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ก็ใช่ว่าชัยพรจะหวงวิชาความรู้ เขายังได้ให้คำปรึกษากับผู้ที่มีปัญหา และสนใจในวิถีเกษตรอินทรีย์ ที่โทรมถามาขอคำปรึกษาตามสายแทบจะทุกวัน 

          ใครว่าทำนาแล้วจน...ไม่จริงหรอก" ชัยพรยืนยันหนักแน่นซ้ำอีก สำคัญตรงที่ต้องทำนาแบบใช้สมอง ไม่ใช่ทำนาแบบเป็นผู้จัดการนาสถานเดียว 

          "ถ้าเป็นผู้จัดการนาล่ะจนแน่ มีมือถือเครื่องเดียวโทรสั่งตามกระแส มีนาอย่างเดียว ที่เหลือจ้างเขา เริ่มทำไร่นึงก็ต้องมีพันกว่า ตั้งแต่ทำเทือก ทำดิน ไปยันหว่าน เฉพาะได้แค่ต้นนะ ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เกี่ยวไหม จากนั้นต้องฉีดยาคุมหญ้า ใส่ปุ๋ยอีกหลายพัน ของเราต้นทุนไม่กี่สตางค์ อาศัยว่าต้องละเอียดอ่อน ต้องรักษาธรรมชาติ แล้วก็ต้องเป็นลูกจ้างตัวเอง ไม่ใช่ผู้จัดการ พอไปพูดกับเขา เขาก็บอกนาเขาน้อย แล้วก็เช่าเขา ทำอินทรีย์ไม่ได้หรอก ผมก็บอกว่าเมื่อก่อนผมก็เช่า ทำไมยังทำได้ ทำจนมีเงินซื้อนา เขาไม่คิดย้อนกลับไงว่าสมัยปู่ย่าตายายทำนา มันมียาที่ไหนล่ะ คนโบราณยังได้เกี่ยว ของเรายังดี มีสะเดาให้ฉีด สมัยโบราณมีที่ไหนล่ะ ไอ้บางคนเห็นข้าวเราเขียว ก็บอกว่าคงแอบใส่ปุ๋ยกลางคืนละมั้ง แหม๋! กลางวันยังไม่มีเวลาเลย จะมาใส่ปุ๋ยกลางคืน มาฉีดให้งูมันเอาตายเรอะ" ชัยพร กล่าว

          ทุกครั้งที่ขายข้าวได้ เขาจะนึกถึงบุคคลที่นำเอาวิธีเกษตรอินทรีย์มาให้เขาได้รู้จัก และปรับใช้ในที่นาของเขา จนมีเงินเหลือเก็บ ... "ถ้าผมไม่ได้เจออาจารย์เดชาก็คงไม่ได้เกิดหรอก คงไม่ได้ส่งลูกเรียนปริญญาโทไป 2 คน อีกคนก็ว่าจะเรียนปีหน้า ลูกมาทีเอาเงินค่าเทอมทีละ 40,000 – 50,000 บาท ก็ยังเฉย ๆ เรามีให้"
 

          ขณะที่ อาจารย์เดชา ศริรภัทร แห่งมูลนิธิขวัญข้าว ผู้เพียรพยายามเผยแพร่วิถีการทำนาอินทรีย์ยืนยันว่า ไม่ได้ช่วยอะไรชัยพรมากกว่านั้น ความสำเร็จทั้งปวงเกิดจากตัวชัยพรเอง แต่สำหรับชาวนา ป.4 ถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวงที่ทำให้เขาก้าวมาได้ถึงวันนี้

          ลูก 3 คน ของชาวนา ป.4 คนโตกำลังเรียนปริญญาโท สาขาปรับปรุงพันธุ์พืช ที่มหาวิทยาลัยเกษตร กำแพงแสน คนกลางเรียนปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ส่วนลูกสาวคนเล็กเพิ่งจบปริญญาตรี เกียรตินิยม จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ตอนนี้ทำงานธนาคาร ทุก ๆ เย็นวันศุกร์ที่ลูก ๆ กลับบ้าน ครอบครัวชาวนาเล็ก ๆ ก็จะคึกคักมีชีวิตชีวา ขับรถออกไปหาของอร่อยกินกัน ในขณะที่ชาวนาต้นทุนสูงนาติดกันไม่เคยคิดฝันว่าจะมีโอกาสเช่นครอบครัวของชัยพร
 

          ลมทุ่งพัดอู้มา เมฆตั้งเค้ามาทางขอบฟ้าตะวันตก นารกฟางของเขาแผ่ขยายออกไปลิบตา ชัยพรยืนพิงรถลากมองดูอย่างพอใจ ลูก ๆ โตกันหมด ได้เรียนกันสูง ๆ เปลื้องภาระไปอีกเปลาะ สองคนสามีภรรยาตกลงกันว่า นาปีนี้จะเอาโบนัสใหญ่คนละเส้น แล้วแบ่งรายได้แข่งกัน ลูกสาวคนโตบอกว่า เรียนจบโทเมื่อไหร่จะกลับมาช่วยพ่อทำนา จะได้เพลาแรงพ่อ แต่พ่อกลับบอกว่า ยังทำนาสนุกอยู่

          "ลูกเขาไม่อายหรอกที่พ่อเป็นชาวนา พอเราออกทีวี อาจารย์เขาเห็น เพื่อนเขาเห็น ยังมาถามเลยว่า ไม่เห็นบอกเลยว่ามีพ่อเป็นถึงเกษตรกรดีเด่นของประเทศ บางทีต่อไปถ้าคนเปลี่ยนมาทำนาอินทรีย์กันทั้งประเทศ นาดีมีกำไรกันหมด การบอกใครต่อใครว่าเป็นลูกชาวนา อาจเป็นความภูมิใจ เหมือนกับยุคหนึ่งที่คนได้ปลื้มไปกับการเป็นลูกพระยาก็ได้" ชัยพร กล่าวหน้าบาน พร้อมเล่าต่อว่า ตอนนี้เรายังทำสนุก ก็อยากขยายที่ทำให้กว้างออกไป ทำไปเถอะ ทำไปเรื่อย ๆ ทำเพลิน ๆ ไม่ขาดทุนหรอก ทำนาน่ะ มีแต่กำไร บอกกับตัวเองว่าถ้าฤดูนี้ได้ร้อยกว่าเกวียนจะขอโบนัสทอง 10 บาท บอกอย่างนี้ก็เลยต้องขยันฉีดฮอร์โมน ทำดิน ทำจิปาถะ แล้วก็ได้
 

          และนี่คือวิถีชีวิตของ ชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาร้อยล้าน ที่สามารถลบคำกล่าวที่ว่า "ทำนามีแต่จน" ได้สำเร็จ… โดยทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เขาสามารถมีวันนี้ได้ก็เพราะการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี นอกจากจะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังสามารถเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้นอีกด้วย และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือ การเป็นคนขยัน ลงมือปฏิบัติเอง แถมไม่กู้หนี้ให้เป็นภาระอีกต่างหาก…   

Edited by เหล่าฮู, 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 18:40.

[HiddenMan]

เหล่าฮู 5 ล้านล้านมาแล้ว...

[HiddenMan]

http://www.isranews....ครดิตชาวนา.html

 

 

ด้าน นายชัยพร พรหมพันธุ์ เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติปี 2538 สาขาอาชีพทำนา จาก ต.บางใหญ่ อ.บางปลาม้า จ. สุพรรณบุรี เปิดเผยว่าแม้ว่านโยบายจำนำข้าว จะทำให้ข้าวมีราคาสูงขึ้นซึ่งส่งผลดีต่อชาวนา แต่ชาวนารายย่อยที่ไม่มีเงินทุนหมุนเวียน อาจรอรอบการรับจำนำไม่ไหว และไม่มียุ้งฉางเก็บข้าว ต้องยอมขายให้พ่อค้าคนกลางในราคาที่ต่ำกว่าราคาจำนำ ส่วนบัตรเครดิตชาวนาจะทำให้เกษตรกรใช้เงินอย่างลืมตัวนำไปสู่หนี้มากจนไม่สามารถจ่ายได้ ดังตัวอย่างที่เป็นหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) จนไม่สามารถใช้คืนจำนวนมากในปัจจุบัน

 

http://www.isranews....0-07-08-29.html

 

นายชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาเงินล้าน ในฐานะเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปี 2538 ทำนาในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ จนได้รับฉายาว่าชาวนาเงินล้าน กล่าวภายหลังเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่กลุ่มผู้นำการเปลี่ยนแปลงสังคม (นปปส.) เมื่อเร็วๆ นี้ว่า กลุ่มผู้นำการเปลี่ยนแปลงสังคม (นปปส.) ได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานยัง อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เพื่อเรียนรู้การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในภาคเกษตรกรรม อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์มหาอุทกภัยพิบัติเมื่อปี 2554 ชาวนาประสบปัญหาข้าวเกิดความเสียหายเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้ ทุกคนอยู่ในภาวะขาดทุน สูญเสียทรัพย์สิน เงินทองและกำลังใจ ตนซึ่งเป็นชาวนามาแต่กำเนิดและเรียนรู้วิธีการทำนามาทุกรูปแบบ

 

ดังนั้นตนมองว่าการหันมาปลูกข้าวหนีน้ำ หรือที่เรียกกันว่าข้าวเบา ซึ่งใช้ระยะเวลาในการปลูกเพียง 3 เดือนก็เก็บเกี่ยวข้าวได้แล้วเป็นแนวทางการรับมือน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นอีก ซึ่งในปีที่ผ่านมาชาวนาส่วนใหญ่หรือเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์จะปลูกข้าวหนัก ที่ต้องใช้เวลาในการปลูก 4 เดือน เนื่องจากได้ราคาดีกว่าข้าวเบาเกวียนละ 1,000 บาท อีกทั้งข้าวหนักเป็นข้าวที่รัฐบาลรับประกันราคา

 

“ผมและคนในชุมชน หมู่ 1 หมู่ 2 หมู่ 8 ของ อ.บางปลาม้าทั้งทุ่ง กว่า 50 เปอร์เซ็นต์ จึงหันมาปลูกข้าวเบากันในปีนี้ จากที่แทบไม่มีใครปลูกเลย เพราะเมื่อหันมาปลูกข้าวที่ใช้ระยะเวลาในการเติบโตสั้นเราจะสามารถเก็บเกี่ยวข้าวภายในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจะหนีน้ำทัน และเรายังขายข้าวให้กับโรงสีข้าวได้ เราจึงไม่เสี่ยงกับการขาดทุนด้วยการปลูกข้าวหนัก เพราะเมื่อปีที่แล้วน้ำท่วมนาข้าวแค่เพียง 2 สัปดาห์ ผมเสียเงินไปถึง 4 แสนบาท นอกจากนี้ชาวนาที่ปลูกข้าวอยู่ในละแวกเดียวกันยังรวมกลุ่มกันช่วยกันดูแลที่นา

[55555]

ตามไปดูวิถีชีวิต ชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาเงินล้าน ญาติ จตุพร พรหมพันธุ์ ?

 

     "ใครว่าทำนาแล้วจน...ไม่จริงหรอก ทำนามันดีกว่าทำงานกินเงินเดือนอีก" นี่คือคำพูดยืนยันหนักแน่นจากปากของ ชัยพร พรหมพันธุ์ เกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำนา ที่ ชัยพร พรหมพันธุ์ กล้าการันตีแบบนี้ก็เพราะว่าชาวนาอย่าง ชัยพร พรหมพันธุ์ ทำกำไรเหนาะ ๆ หักต้นทุนเรียบร้อยแล้ว เมื่อฤดูกาลผลิตที่แล้ว 2,000,000 บาทเศษ และฤดูที่เพิ่งผ่านพ้นไป 1,000,000 บาทเศษ ๆ และตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีเงินเหลือใช้มากพอ จนสามารถกำหนดเงินเดือนให้ตัวเองและภรรยาในอัตราเดียวกับผู้บริหารเสื้อคอปกขาวในเมือง มีโบนัสจากผลประกอบการไม่เคยขาด โดยเฉลี่ยก็มีรายได้ตกคนละประมาณ 60,000 – 70,000 บาท ปีก่อนนี้ซื้อทองเส้นเท่าหัวแม่โป้งมาใส่ พร้อม ๆ กับถอยรถกระบะมาขับเล่น ๆ อีกต่างหาก
 

          ซึ่งนอกจากเงินเดือนและโบนัสสูงแล้ว ชัยพร พรหมพันธุ์ ยังซื้อที่ดินขยายการผลิตออกไป 30 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 20 ปี ด้วยเงินสด ไม่เคยขาดทุนจากการทำนาต่อเนื่องมานับตั้งแต่ปี 2533 ไม่เคยมีหนี้สิน มีหลักประกันสุขภาพชั้นดี จากการส่งประกันชีวิตประกันสุขภาพระดับ A เดือนละร่วมแสน ส่งลูก 3 คน เรียนจบปริญญาโทโดยขนหน้าแข็งไม่ร่วง...วันว่างยังพาลูก ๆ ออกไปหาของกินอร่อย ๆ นอกบ้าน ชาวนาคนนี้เขาทำได้อย่างไร ทำไมชีวิตจึงมีเงินเก็บมากมายขนาดนี้ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปเรียนรู้การใช้ชีวิตจากเขากันค่ะ...

          นายชัยพร  พรหมพันธุ์ ชาวนาวัย 48 อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ที่ 1 ตำบลบางใหญ่ อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อำเภอบางปลาม้า สมรสกับคุณวิมล พรหมพันธุ์ บุตรมี 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน รักอาชีพการทำนาเป็นชีวิตจิตใจ ความมั่งคั่งมั่นคงทั้งปวง ได้มาจากการทำนาโดยสุจริต ไม่เอาเปรียบดินไม่เอาเปรียบน้ำ คิดซื่อ ขยันขันแข็ง และมีสองมือหยาบกร้านจากการทำงานหนักเช่นชาวนาทั่ว ๆ ไป โดยชาวนาโดยส่วนใหญ่คู่กับตำนานยิ่งทำยิ่งจน ทำนาจนเสียนา แต่สำหรับเขา ทำนาบนที่ดินมรดกพ่อ 20 กว่าไร่ กับอีกส่วนหนึ่งเขาเช่าเพิ่มเติม ทำไปทำมาก็ซื้อที่นาเช่ามาเป็นของตัวเอง ปาเข้าไป 100 กว่าไร่ แถมซื้อที่นามาโดยไม่เคยกู้แบงก์ ไม่เคยเป็นลูกค้าขี้ข้าใคร 

          "ผมล้มมาเยอะเหมือนกัน" สำเนียงเหน่อ ๆ ของลูกชายคนโตของผู้ใหญ่บ้านแห่ง ตำบลบางใหญ่ ผู้เพียรพยายามหาหนทางตั้งตัว เคยทำแม้แต่นากุ้งและสวนผลไม้คละชนิด แต่สู้น้ำไม่ไหว ต้องกลับมาเป็นชาวนาตามรอยพ่อ 
 

          "ทำนาเคมีมา 20 กว่าไร่ ครั้งแรกปี 2525 ได้ข้าว 13 เกวียน จำได้แม่นเลย ขายได้เกวียนละ 2,000 บาท ขาดทุนยับ พอดูหนทาง เลยไปสมัครเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คิดว่าจะได้เบิกเงินค่าเรียนลูก เพราะมองอนาคตแล้วว่าไม่มีปัญญาส่งลูกแน่ แต่ปี 2531 เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอาละวาดหนัก แถวบ้านเราโดนกันหมด ก็พอดีอาจารย์เดชา ศิริภัทร ทำเรื่องนาอินทรีย์และใช้สมุนไพร มาขอทำแปลงทดลองปลูกสมุนไพร พ่อก็แบ่งนาให้ 5 ไร่ ด้วยความเกรงใจ อาจารย์ก็เริ่มทดลองใช้สะเดาสู้กับเพลี้ย เครื่องไม้เครื่องมือเยอะ ผมก็ไปช่วยอาจารย์ฉีด ก็ฉีดไปยังงั้น เราไม่ได้ศรัทธาอะไร แต่ปรากฎว่าแปลงนาที่สารเคมีเสียหายหมด ส่วนแปลงนาที่ฉีดสะเดากลับไม่เป็นอะไร 

          ผมก็เริ่มจะเชื่อแล้ว แต่ก็ยังไม่เต็มร้อย เลยเอามาทำในนาของผมเอง ซึ่งปีนั้นชาวนาโดนเพลี้ยกันเยอะมาก หน่วยปราบศัตรูพืชจังหวัด เขาเลยเอายาที่ผสมสารเคมีมาแจก ผมก็ลองเอามาใช้ โดยแบ่งว่าแปลงนานี้ฉีดสารเคมี แปลงนานี้ฉีดสะเดา ซึ่งผลก็ปรากฎออกมาว่า แปลงนาที่ฉีดสะเดาปลอดภัยดี เก็บเกี่ยวข้าวก็ดี แต่แปลงที่ฉีดสารเคมีตายหมด ตั้งแต่นั้นมาก็เลยเชื่อสนิทใจ แล้วมาลองทำเองดู ผมก็หักกิ่งก้านสะเดามาใส่ครกตำเอง ภรรยาก็บ่นว่าทำไปทำไมเสียเวลา แต่ผมรั้น คือยังไงก็ขอลองหน่อย ก็เอาไปฉีดแล้วข้าวก็ได้เกี่ยว ผลผลิตก็ออกมาดีเกินคาด ทีนี้ชาวบ้านก็แห่มาขอสูตรเอาไปทำบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยมีใครประสบผลสำเร็จ เพราะเขาใช้สมุนไพรคู่กับยาเคมี บางคนใช้เคมีจนเอาไม่อยู่แล้วถึงหันมาใช้สะเดา พอมันไม่ได้ผลทันตาเห็น ก็กลับไปใช้สารเคมีกันเหมือนเดิม” เกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำนา กล่าว
 

          การคิดต้นทุนของเขา ลงทุนเต็มที่ตกไร่ละ 2,000 บาท ในขณะที่ขายได้เกวียนละไม่ต่ำกว่า 8,000 บาท ซึ่งหลังจากเขาทำนาอินทรีย์ได้เพียง 3 ปี มีเงินเหลือมากกว่า 6 ปี ที่มัวจมอยู่กับปุ๋ยยา อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ก็ใช่ว่าชัยพรจะหวงวิชาความรู้ เขายังได้ให้คำปรึกษากับผู้ที่มีปัญหา และสนใจในวิถีเกษตรอินทรีย์ ที่โทรมถามาขอคำปรึกษาตามสายแทบจะทุกวัน 

          ใครว่าทำนาแล้วจน...ไม่จริงหรอก" ชัยพรยืนยันหนักแน่นซ้ำอีก สำคัญตรงที่ต้องทำนาแบบใช้สมอง ไม่ใช่ทำนาแบบเป็นผู้จัดการนาสถานเดียว 

          "ถ้าเป็นผู้จัดการนาล่ะจนแน่ มีมือถือเครื่องเดียวโทรสั่งตามกระแส มีนาอย่างเดียว ที่เหลือจ้างเขา เริ่มทำไร่นึงก็ต้องมีพันกว่า ตั้งแต่ทำเทือก ทำดิน ไปยันหว่าน เฉพาะได้แค่ต้นนะ ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เกี่ยวไหม จากนั้นต้องฉีดยาคุมหญ้า ใส่ปุ๋ยอีกหลายพัน ของเราต้นทุนไม่กี่สตางค์ อาศัยว่าต้องละเอียดอ่อน ต้องรักษาธรรมชาติ แล้วก็ต้องเป็นลูกจ้างตัวเอง ไม่ใช่ผู้จัดการ พอไปพูดกับเขา เขาก็บอกนาเขาน้อย แล้วก็เช่าเขา ทำอินทรีย์ไม่ได้หรอก ผมก็บอกว่าเมื่อก่อนผมก็เช่า ทำไมยังทำได้ ทำจนมีเงินซื้อนา เขาไม่คิดย้อนกลับไงว่าสมัยปู่ย่าตายายทำนา มันมียาที่ไหนล่ะ คนโบราณยังได้เกี่ยว ของเรายังดี มีสะเดาให้ฉีด สมัยโบราณมีที่ไหนล่ะ ไอ้บางคนเห็นข้าวเราเขียว ก็บอกว่าคงแอบใส่ปุ๋ยกลางคืนละมั้ง แหม๋! กลางวันยังไม่มีเวลาเลย จะมาใส่ปุ๋ยกลางคืน มาฉีดให้งูมันเอาตายเรอะ" ชัยพร กล่าว

          ทุกครั้งที่ขายข้าวได้ เขาจะนึกถึงบุคคลที่นำเอาวิธีเกษตรอินทรีย์มาให้เขาได้รู้จัก และปรับใช้ในที่นาของเขา จนมีเงินเหลือเก็บ ... "ถ้าผมไม่ได้เจออาจารย์เดชาก็คงไม่ได้เกิดหรอก คงไม่ได้ส่งลูกเรียนปริญญาโทไป 2 คน อีกคนก็ว่าจะเรียนปีหน้า ลูกมาทีเอาเงินค่าเทอมทีละ 40,000 – 50,000 บาท ก็ยังเฉย ๆ เรามีให้"
 

          ขณะที่ อาจารย์เดชา ศริรภัทร แห่งมูลนิธิขวัญข้าว ผู้เพียรพยายามเผยแพร่วิถีการทำนาอินทรีย์ยืนยันว่า ไม่ได้ช่วยอะไรชัยพรมากกว่านั้น ความสำเร็จทั้งปวงเกิดจากตัวชัยพรเอง แต่สำหรับชาวนา ป.4 ถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวงที่ทำให้เขาก้าวมาได้ถึงวันนี้

          ลูก 3 คน ของชาวนา ป.4 คนโตกำลังเรียนปริญญาโท สาขาปรับปรุงพันธุ์พืช ที่มหาวิทยาลัยเกษตร กำแพงแสน คนกลางเรียนปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ส่วนลูกสาวคนเล็กเพิ่งจบปริญญาตรี เกียรตินิยม จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ตอนนี้ทำงานธนาคาร ทุก ๆ เย็นวันศุกร์ที่ลูก ๆ กลับบ้าน ครอบครัวชาวนาเล็ก ๆ ก็จะคึกคักมีชีวิตชีวา ขับรถออกไปหาของอร่อยกินกัน ในขณะที่ชาวนาต้นทุนสูงนาติดกันไม่เคยคิดฝันว่าจะมีโอกาสเช่นครอบครัวของชัยพร
 

          ลมทุ่งพัดอู้มา เมฆตั้งเค้ามาทางขอบฟ้าตะวันตก นารกฟางของเขาแผ่ขยายออกไปลิบตา ชัยพรยืนพิงรถลากมองดูอย่างพอใจ ลูก ๆ โตกันหมด ได้เรียนกันสูง ๆ เปลื้องภาระไปอีกเปลาะ สองคนสามีภรรยาตกลงกันว่า นาปีนี้จะเอาโบนัสใหญ่คนละเส้น แล้วแบ่งรายได้แข่งกัน ลูกสาวคนโตบอกว่า เรียนจบโทเมื่อไหร่จะกลับมาช่วยพ่อทำนา จะได้เพลาแรงพ่อ แต่พ่อกลับบอกว่า ยังทำนาสนุกอยู่

          "ลูกเขาไม่อายหรอกที่พ่อเป็นชาวนา พอเราออกทีวี อาจารย์เขาเห็น เพื่อนเขาเห็น ยังมาถามเลยว่า ไม่เห็นบอกเลยว่ามีพ่อเป็นถึงเกษตรกรดีเด่นของประเทศ บางทีต่อไปถ้าคนเปลี่ยนมาทำนาอินทรีย์กันทั้งประเทศ นาดีมีกำไรกันหมด การบอกใครต่อใครว่าเป็นลูกชาวนา อาจเป็นความภูมิใจ เหมือนกับยุคหนึ่งที่คนได้ปลื้มไปกับการเป็นลูกพระยาก็ได้" ชัยพร กล่าวหน้าบาน พร้อมเล่าต่อว่า ตอนนี้เรายังทำสนุก ก็อยากขยายที่ทำให้กว้างออกไป ทำไปเถอะ ทำไปเรื่อย ๆ ทำเพลิน ๆ ไม่ขาดทุนหรอก ทำนาน่ะ มีแต่กำไร บอกกับตัวเองว่าถ้าฤดูนี้ได้ร้อยกว่าเกวียนจะขอโบนัสทอง 10 บาท บอกอย่างนี้ก็เลยต้องขยันฉีดฮอร์โมน ทำดิน ทำจิปาถะ แล้วก็ได้
 

          และนี่คือวิถีชีวิตของ ชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาร้อยล้าน ที่สามารถลบคำกล่าวที่ว่า "ทำนามีแต่จน" ได้สำเร็จ… โดยทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เขาสามารถมีวันนี้ได้ก็เพราะการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี นอกจากจะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังสามารถเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้นอีกด้วย และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือ การเป็นคนขยัน ลงมือปฏิบัติเอง แถมไม่กู้หนี้ให้เป็นภาระอีกต่างหาก…   

 

 

ทำไมไม่เห็นว่าเค้าต้องพึ่งโครงการรับจำนำ..

 

 

[kokkai]

ตามไปดูวิถีชีวิต ชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาเงินล้าน ญาติ จตุพร พรหมพันธุ์ ?

 

     "ใครว่าทำนาแล้วจน...ไม่จริงหรอก ทำนามันดีกว่าทำงานกินเงินเดือนอีก" นี่คือคำพูดยืนยันหนักแน่นจากปากของ ชัยพร พรหมพันธุ์ เกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำนา ที่ ชัยพร พรหมพันธุ์ กล้าการันตีแบบนี้ก็เพราะว่าชาวนาอย่าง ชัยพร พรหมพันธุ์ ทำกำไรเหนาะ ๆ หักต้นทุนเรียบร้อยแล้ว เมื่อฤดูกาลผลิตที่แล้ว 2,000,000 บาทเศษ และฤดูที่เพิ่งผ่านพ้นไป 1,000,000 บาทเศษ ๆ และตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีเงินเหลือใช้มากพอ จนสามารถกำหนดเงินเดือนให้ตัวเองและภรรยาในอัตราเดียวกับผู้บริหารเสื้อคอปกขาวในเมือง มีโบนัสจากผลประกอบการไม่เคยขาด โดยเฉลี่ยก็มีรายได้ตกคนละประมาณ 60,000 – 70,000 บาท ปีก่อนนี้ซื้อทองเส้นเท่าหัวแม่โป้งมาใส่ พร้อม ๆ กับถอยรถกระบะมาขับเล่น ๆ อีกต่างหาก
 

          ซึ่งนอกจากเงินเดือนและโบนัสสูงแล้ว ชัยพร พรหมพันธุ์ ยังซื้อที่ดินขยายการผลิตออกไป 30 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 20 ปี ด้วยเงินสด ไม่เคยขาดทุนจากการทำนาต่อเนื่องมานับตั้งแต่ปี 2533 ไม่เคยมีหนี้สิน มีหลักประกันสุขภาพชั้นดี จากการส่งประกันชีวิตประกันสุขภาพระดับ A เดือนละร่วมแสน ส่งลูก 3 คน เรียนจบปริญญาโทโดยขนหน้าแข็งไม่ร่วง...วันว่างยังพาลูก ๆ ออกไปหาของกินอร่อย ๆ นอกบ้าน ชาวนาคนนี้เขาทำได้อย่างไร ทำไมชีวิตจึงมีเงินเก็บมากมายขนาดนี้ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปเรียนรู้การใช้ชีวิตจากเขากันค่ะ...

          นายชัยพร  พรหมพันธุ์ ชาวนาวัย 48 อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ที่ 1 ตำบลบางใหญ่ อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อำเภอบางปลาม้า สมรสกับคุณวิมล พรหมพันธุ์ บุตรมี 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน รักอาชีพการทำนาเป็นชีวิตจิตใจ ความมั่งคั่งมั่นคงทั้งปวง ได้มาจากการทำนาโดยสุจริต ไม่เอาเปรียบดินไม่เอาเปรียบน้ำ คิดซื่อ ขยันขันแข็ง และมีสองมือหยาบกร้านจากการทำงานหนักเช่นชาวนาทั่ว ๆ ไป โดยชาวนาโดยส่วนใหญ่คู่กับตำนานยิ่งทำยิ่งจน ทำนาจนเสียนา แต่สำหรับเขา ทำนาบนที่ดินมรดกพ่อ 20 กว่าไร่ กับอีกส่วนหนึ่งเขาเช่าเพิ่มเติม ทำไปทำมาก็ซื้อที่นาเช่ามาเป็นของตัวเอง ปาเข้าไป 100 กว่าไร่ แถมซื้อที่นามาโดยไม่เคยกู้แบงก์ ไม่เคยเป็นลูกค้าขี้ข้าใคร 

          "ผมล้มมาเยอะเหมือนกัน" สำเนียงเหน่อ ๆ ของลูกชายคนโตของผู้ใหญ่บ้านแห่ง ตำบลบางใหญ่ ผู้เพียรพยายามหาหนทางตั้งตัว เคยทำแม้แต่นากุ้งและสวนผลไม้คละชนิด แต่สู้น้ำไม่ไหว ต้องกลับมาเป็นชาวนาตามรอยพ่อ 
 

          "ทำนาเคมีมา 20 กว่าไร่ ครั้งแรกปี 2525 ได้ข้าว 13 เกวียน จำได้แม่นเลย ขายได้เกวียนละ 2,000 บาท ขาดทุนยับ พอดูหนทาง เลยไปสมัครเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คิดว่าจะได้เบิกเงินค่าเรียนลูก เพราะมองอนาคตแล้วว่าไม่มีปัญญาส่งลูกแน่ แต่ปี 2531 เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอาละวาดหนัก แถวบ้านเราโดนกันหมด ก็พอดีอาจารย์เดชา ศิริภัทร ทำเรื่องนาอินทรีย์และใช้สมุนไพร มาขอทำแปลงทดลองปลูกสมุนไพร พ่อก็แบ่งนาให้ 5 ไร่ ด้วยความเกรงใจ อาจารย์ก็เริ่มทดลองใช้สะเดาสู้กับเพลี้ย เครื่องไม้เครื่องมือเยอะ ผมก็ไปช่วยอาจารย์ฉีด ก็ฉีดไปยังงั้น เราไม่ได้ศรัทธาอะไร แต่ปรากฎว่าแปลงนาที่สารเคมีเสียหายหมด ส่วนแปลงนาที่ฉีดสะเดากลับไม่เป็นอะไร 

          ผมก็เริ่มจะเชื่อแล้ว แต่ก็ยังไม่เต็มร้อย เลยเอามาทำในนาของผมเอง ซึ่งปีนั้นชาวนาโดนเพลี้ยกันเยอะมาก หน่วยปราบศัตรูพืชจังหวัด เขาเลยเอายาที่ผสมสารเคมีมาแจก ผมก็ลองเอามาใช้ โดยแบ่งว่าแปลงนานี้ฉีดสารเคมี แปลงนานี้ฉีดสะเดา ซึ่งผลก็ปรากฎออกมาว่า แปลงนาที่ฉีดสะเดาปลอดภัยดี เก็บเกี่ยวข้าวก็ดี แต่แปลงที่ฉีดสารเคมีตายหมด ตั้งแต่นั้นมาก็เลยเชื่อสนิทใจ แล้วมาลองทำเองดู ผมก็หักกิ่งก้านสะเดามาใส่ครกตำเอง ภรรยาก็บ่นว่าทำไปทำไมเสียเวลา แต่ผมรั้น คือยังไงก็ขอลองหน่อย ก็เอาไปฉีดแล้วข้าวก็ได้เกี่ยว ผลผลิตก็ออกมาดีเกินคาด ทีนี้ชาวบ้านก็แห่มาขอสูตรเอาไปทำบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยมีใครประสบผลสำเร็จ เพราะเขาใช้สมุนไพรคู่กับยาเคมี บางคนใช้เคมีจนเอาไม่อยู่แล้วถึงหันมาใช้สะเดา พอมันไม่ได้ผลทันตาเห็น ก็กลับไปใช้สารเคมีกันเหมือนเดิม” เกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำนา กล่าว
 

          การคิดต้นทุนของเขา ลงทุนเต็มที่ตกไร่ละ 2,000 บาท ในขณะที่ขายได้เกวียนละไม่ต่ำกว่า 8,000 บาท ซึ่งหลังจากเขาทำนาอินทรีย์ได้เพียง 3 ปี มีเงินเหลือมากกว่า 6 ปี ที่มัวจมอยู่กับปุ๋ยยา อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ก็ใช่ว่าชัยพรจะหวงวิชาความรู้ เขายังได้ให้คำปรึกษากับผู้ที่มีปัญหา และสนใจในวิถีเกษตรอินทรีย์ ที่โทรมถามาขอคำปรึกษาตามสายแทบจะทุกวัน 

          ใครว่าทำนาแล้วจน...ไม่จริงหรอก" ชัยพรยืนยันหนักแน่นซ้ำอีก สำคัญตรงที่ต้องทำนาแบบใช้สมอง ไม่ใช่ทำนาแบบเป็นผู้จัดการนาสถานเดียว 

          "ถ้าเป็นผู้จัดการนาล่ะจนแน่ มีมือถือเครื่องเดียวโทรสั่งตามกระแส มีนาอย่างเดียว ที่เหลือจ้างเขา เริ่มทำไร่นึงก็ต้องมีพันกว่า ตั้งแต่ทำเทือก ทำดิน ไปยันหว่าน เฉพาะได้แค่ต้นนะ ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เกี่ยวไหม จากนั้นต้องฉีดยาคุมหญ้า ใส่ปุ๋ยอีกหลายพัน ของเราต้นทุนไม่กี่สตางค์ อาศัยว่าต้องละเอียดอ่อน ต้องรักษาธรรมชาติ แล้วก็ต้องเป็นลูกจ้างตัวเอง ไม่ใช่ผู้จัดการ พอไปพูดกับเขา เขาก็บอกนาเขาน้อย แล้วก็เช่าเขา ทำอินทรีย์ไม่ได้หรอก ผมก็บอกว่าเมื่อก่อนผมก็เช่า ทำไมยังทำได้ ทำจนมีเงินซื้อนา เขาไม่คิดย้อนกลับไงว่าสมัยปู่ย่าตายายทำนา มันมียาที่ไหนล่ะ คนโบราณยังได้เกี่ยว ของเรายังดี มีสะเดาให้ฉีด สมัยโบราณมีที่ไหนล่ะ ไอ้บางคนเห็นข้าวเราเขียว ก็บอกว่าคงแอบใส่ปุ๋ยกลางคืนละมั้ง แหม๋! กลางวันยังไม่มีเวลาเลย จะมาใส่ปุ๋ยกลางคืน มาฉีดให้งูมันเอาตายเรอะ" ชัยพร กล่าว

          ทุกครั้งที่ขายข้าวได้ เขาจะนึกถึงบุคคลที่นำเอาวิธีเกษตรอินทรีย์มาให้เขาได้รู้จัก และปรับใช้ในที่นาของเขา จนมีเงินเหลือเก็บ ... "ถ้าผมไม่ได้เจออาจารย์เดชาก็คงไม่ได้เกิดหรอก คงไม่ได้ส่งลูกเรียนปริญญาโทไป 2 คน อีกคนก็ว่าจะเรียนปีหน้า ลูกมาทีเอาเงินค่าเทอมทีละ 40,000 – 50,000 บาท ก็ยังเฉย ๆ เรามีให้"
 

          ขณะที่ อาจารย์เดชา ศริรภัทร แห่งมูลนิธิขวัญข้าว ผู้เพียรพยายามเผยแพร่วิถีการทำนาอินทรีย์ยืนยันว่า ไม่ได้ช่วยอะไรชัยพรมากกว่านั้น ความสำเร็จทั้งปวงเกิดจากตัวชัยพรเอง แต่สำหรับชาวนา ป.4 ถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวงที่ทำให้เขาก้าวมาได้ถึงวันนี้

          ลูก 3 คน ของชาวนา ป.4 คนโตกำลังเรียนปริญญาโท สาขาปรับปรุงพันธุ์พืช ที่มหาวิทยาลัยเกษตร กำแพงแสน คนกลางเรียนปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ส่วนลูกสาวคนเล็กเพิ่งจบปริญญาตรี เกียรตินิยม จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ตอนนี้ทำงานธนาคาร ทุก ๆ เย็นวันศุกร์ที่ลูก ๆ กลับบ้าน ครอบครัวชาวนาเล็ก ๆ ก็จะคึกคักมีชีวิตชีวา ขับรถออกไปหาของอร่อยกินกัน ในขณะที่ชาวนาต้นทุนสูงนาติดกันไม่เคยคิดฝันว่าจะมีโอกาสเช่นครอบครัวของชัยพร
 

          ลมทุ่งพัดอู้มา เมฆตั้งเค้ามาทางขอบฟ้าตะวันตก นารกฟางของเขาแผ่ขยายออกไปลิบตา ชัยพรยืนพิงรถลากมองดูอย่างพอใจ ลูก ๆ โตกันหมด ได้เรียนกันสูง ๆ เปลื้องภาระไปอีกเปลาะ สองคนสามีภรรยาตกลงกันว่า นาปีนี้จะเอาโบนัสใหญ่คนละเส้น แล้วแบ่งรายได้แข่งกัน ลูกสาวคนโตบอกว่า เรียนจบโทเมื่อไหร่จะกลับมาช่วยพ่อทำนา จะได้เพลาแรงพ่อ แต่พ่อกลับบอกว่า ยังทำนาสนุกอยู่

          "ลูกเขาไม่อายหรอกที่พ่อเป็นชาวนา พอเราออกทีวี อาจารย์เขาเห็น เพื่อนเขาเห็น ยังมาถามเลยว่า ไม่เห็นบอกเลยว่ามีพ่อเป็นถึงเกษตรกรดีเด่นของประเทศ บางทีต่อไปถ้าคนเปลี่ยนมาทำนาอินทรีย์กันทั้งประเทศ นาดีมีกำไรกันหมด การบอกใครต่อใครว่าเป็นลูกชาวนา อาจเป็นความภูมิใจ เหมือนกับยุคหนึ่งที่คนได้ปลื้มไปกับการเป็นลูกพระยาก็ได้" ชัยพร กล่าวหน้าบาน พร้อมเล่าต่อว่า ตอนนี้เรายังทำสนุก ก็อยากขยายที่ทำให้กว้างออกไป ทำไปเถอะ ทำไปเรื่อย ๆ ทำเพลิน ๆ ไม่ขาดทุนหรอก ทำนาน่ะ มีแต่กำไร บอกกับตัวเองว่าถ้าฤดูนี้ได้ร้อยกว่าเกวียนจะขอโบนัสทอง 10 บาท บอกอย่างนี้ก็เลยต้องขยันฉีดฮอร์โมน ทำดิน ทำจิปาถะ แล้วก็ได้
 

          และนี่คือวิถีชีวิตของ ชัยพร พรหมพันธุ์ ชาวนาร้อยล้าน ที่สามารถลบคำกล่าวที่ว่า "ทำนามีแต่จน" ได้สำเร็จ… โดยทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เขาสามารถมีวันนี้ได้ก็เพราะการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี นอกจากจะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังสามารถเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้นอีกด้วย และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือ การเป็นคนขยัน ลงมือปฏิบัติเอง แถมไม่กู้หนี้ให้เป็นภาระอีกต่างหาก…   

 

แล้วโรงเรียนนปช.ทำไมไม่สอนเรื่องแบบนึ้ แทนการยุยงให้คนเกลียดกัน

[Bookmarks]

 

ตอนอีปู ออกนโยบายจำนำข้าว คนยกตัวอย่างคุณชัยพรมา ไม่เห็นพวกควายแดงจะอ้างอิงคุณชัยพรเลย เห็นออกมาตอแหล ให้ชาวนาเถอะ ชาวนายากจน ถ้าชาวนาทำได้อย่างคุณชัยพร อีปูก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลดิ เพราะนโยบายจำนำข้าว คงหาเสียงกับชาวนาไม่ได้แล้ว เพราะเค้ารวยกันหมดแล้ว 

Edited by Bookmarks, 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 20:58.

[55555]

ไปว่าทั้งบุญทรง ทั้งอีเม้ย ผิดได้ไง...

 

ต้องมาร์ค กับ เหล่าแมงสาป ดิผิด ที่คัดค้าน จนขาดทุน