Jump to content


Photo
- - - - -

ยิ่งลักษณ์พบปชช. ขนรมต.เรียงหน้าโฆษณาชวนเชื่อ "เพื่อชาวนาประเทศฉิบหายไม่เป็นไร"


  • Please log in to reply
9 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 01:35

ขำไทยโพสต์ ตั้งฉายาให้เสร็จเลย  "บุญเซ" กับ "ณัฐวอด"  ฮามากมายยยยยยย :D

อ่านเนื้อข่าวแล้วโคดฮา...คนเขียนคงเซ็งฝุดๆมานานแล้ว...แต่ละดอก จุกอึ้ก

 

อ้อ  ในข่าว...นางปูโบ้ยคนอื่นผิดหมด ตัวถูกคนเดียวอะคับ

 

http://www.thaipost....ay/230613/75418

โยนขรก.ทำเจ๊ง! พท.ยันนโยบายข้าวเจ๋ง/‘ยิ่งลักษณ์’ โบ้ย‘กขช.’ต้นคิดลดจำนำ

 

รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ขนรัฐมนตรีเรียงหน้าโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อชาวนาประเทศฉิบหายไม่เป็นไร "ปู" เฉลยแล้วต้นเหตุลดราคาจำนำ "กขช." เป็นคนคิด ครม.แค่รับทราบ ท่องคาถาปลูกมันปลูกอ้อยแทนรักษาวินัยการเงินการคลัง อย่างนี้ก็มีด้วย  "บุญเซ" สบช่องอ้างมาตรการรับครัวละ 5 แสนเพราะต้องการช่วยเหลือเฉพาะชาวนารายย่อย หลังพบเข้าไม่ถึงโครงการ แต่ ธ.ก.ส.ยันตัวเลขชาวนา 4 ล้านคนได้เงินครบแล้ว 6.2 แสนล้านบาท ฟังไว้ "ณัฐวอด" บอกสูตรฟอกตัวให้โรงสี-โกดัง ที่ไหนข้าวเปลือกหายร้อยละ 10 รีบเติมให้เต็ม

 

    เมื่อเช้าวันเสาร์ มีการระดมรัฐมนตรีเพื่อชี้แจงโครงการรับจำนำข้าว หลังโครงการนี้ประสบปัญหาทั้งการคอรัปชั่นและการเงินการคลัง โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" พร้อมด้วยนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ

 

    น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อย่ามองเพียงแค่ว่าตัวเลขที่ขาดทุนเท่าไหร่ แต่ต้องมองว่าเม็ดเงินที่เกษตรกรได้รับไป ทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นอย่างไร เม็ดเงินที่หมุนในระบบเป็นอย่างไร การหมุนเวียนของเศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นอย่างไรด้วย ซึ่งตรงนั้นมีการประเมินมูลค่าแล้ว เรียกว่ามากพอๆ  กับเงินที่สูญเสียไป

 

    "ต้องเรียนว่าระบบหมุนเวียนเศรษฐกิจนี้ก็จะทำให้สิ่งที่กลับมาคือการใช้จ่ายในภาครัฐ จะเห็นว่าตัว GDP ถ้าไม่มีระบบรับจำนำข้าว GDP ก็จะเป็นอีกตัวเลขหนึ่งจากที่ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้รายงาน ซึ่งตรงนี้จะเห็นว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่เราทำก็จะทำให้เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจควบคู่กันไปกับการสร้างความแข็งแรงในระยะยั่งยืน”

 

    เมื่อถามถึงเหตุผลของการตัดสินใจปรับลดราคารับจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า เป็นการนำเสนอจากคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้รับทราบมตินี้

 

    "เราต้องรักษาวินัยการเงินการคลังว่า การรักษาวินัยการเงินการคลังนั้น จะทำให้เราสร้างความสมดุลกับเศรษฐกิจระยะยาว รัฐบาลนี้มีการคำนึงถึงวินัยการเงิน การคลัง คือความมั่นใจของเศรษฐกิจที่จะกลับมา นักลงทุนก็จะมีความสบายใจในการลงทุนต่างๆ รัฐบาลสามารถที่จะจัดสรรงบประมาณต่างๆ นั่นคือที่มาของคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบในหลักการในการปรับลดราคา"

 

    นายกฯ ยังคงให้ชาวนาหันไปปลูกมันสำปะหลัง อ้อย  โดยให้เหตุผลว่า สามารถจะเปลี่ยนไปเป็นพลังงาน ยังมีความต้องการอีกมาก ดังนั้นเราก็จะปรับวิธีการในเรื่องของการจัดโซนนิ่ง คือบางพื้นที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกข้าวก็จะกำหนดพื้นที่ให้ปลูกข้าว ถ้าพื้นที่ใดมีทางเลือกอื่น ก็จะให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอกับพี่น้องประชาชนว่ามีทางเลือกอื่นที่รายได้ไม่น้อยกว่าเดิม

 

    "เราจะสามารถรักษาสมดุลนี้ได้ แน่นอนว่าในอนาคต ซึ่งประเทศไทยจะเป็นแหล่งอาหารโลก หรือการเป็นครัวไทยสู่ครัวโลกจะเกิดขึ้นจริง" น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

^

^

^

(โปรดสังเกต  ยังคง "ขายฝัน" อย่างต่อเนื่อง :angry: )


Edited by ผึ้งน้อย For Vendetta, 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 01:36.

gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#2 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 01:40

อีปูโบ้ยไปที่กขช.เป็นต้นเหตุ อีไก่โต้งขี้แยโบ้ยด้วยคน บอกว่า "ตลาดโลกเป็นต้นเหตุ"

บอกว่าตอนจำนำข้าวก่อนนั้นกับตลาดตอนนี้มันต่างกัน   แถแบบนี้ เรียกว่า "ตอแหล" นะครับ

V

V

 

เรียงหน้าแจงจำนำเจ๊ง

    นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในช่วงที่ 2 ของรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ถึงการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขโครงการรับจำนำข้าว

 

    โดยนายกิตติรัตน์กล่าวว่า ตามจริงตอนที่เรากำหนดราคารับจำนำ ในช่วงเวลานั้นแนวโน้มโอกาสราคาข้าวแตกต่างจากปัจจุบัน อัตราแลกเปลี่ยนที่จะแปลเงินเหรียญที่เราขายข้าวในตลาดต่างประเทศได้ปรับมาเป็นเงินบาทก็แตกต่างไปจากกับปัจจุบัน อุปทานของผู้ผลิตที่เป็นคู่แข่งของเราในตลาดโลกรายอื่นก็แตกต่างไปจากปัจจุบัน ดังนั้นการที่เรารับจำนำก็ตั้งอยู่บนเงื่อนไขในเรื่องของการที่เราจะรับจำนำแล้วก็จำหน่ายออก ส่วนต่างของราคาหรือรายได้ที่ได้จากการจำหน่ายข้าวกับต้นทุนของการดำเนินการด้านการรับจำนำได้มีการกำหนดคร่าวๆ ไว้ว่าควรจะอยู่ในหลักประมาณเท่าไหร่ ซึ่งก็ถือว่าเป็นวินัยการคลังที่สำคัญ เพราะว่ารัฐบาลก็มีหน้าที่ดูแลทั้งประเทศเกษตรกรผู้ปลูกข้าวถือเป็นบุคคลที่สำคัญ เพราะถ้าหากเราดูแลกลุ่มนี้มากสักเล็กน้อยก็คงจะไม่มีใครตำหนิต่อว่า

 

    "การที่จะดูแลในกรอบที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องที่จำเป็นด้วย ดังนั้นเมื่อเราพยายามจะจำหน่ายข้าวให้ได้ราคาที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งก็ทำได้ดี แต่ว่าเมื่อเทียบกับภาวะราคาตลาดโลกต่างๆ ซึ่งคู่แข่งราคาถอยลงไปมากมาย เราก็ควรจะต้องอยู่กับความจริง แล้วก็รับจำนำในราคาที่ลดลงไปบ้าง แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นในหลักการคือว่า ถ้าหากว่าภาวะราคาเปลี่ยนแปลงไป อัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เอื้ออำนวย เราก็สามารถกำหนดอัตราใหม่ที่สอดคล้องกับกลไกตลาดตามสมควร เราไม่ได้ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม เรายังคงช่วยดูแลในเรื่องของราคารับจำนำได้ดีกว่าราคาตลาด"

 

     นายกิตติรัตน์กล่าวต่อว่า ในเมื่อกลไกราคาตลาดโลกเป็นตัวสำคัญในการที่จะทำให้เกิดรายได้ การที่จะปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับภาวการณ์ที่เป็นเรื่องควรจะทำ ตนไม่คิดว่าเป็นการถอยอะไร เราก็ยังเดินหน้าในเรื่องของการดูแลเกษตรกรด้วยการปลูกข้าวด้วยกลไกการรับจำนำอยู่ เพียงแต่ว่าเงื่อนไขในเรื่องของราคาหรือว่าการรับจำนำต่อรายก็อาจจะแตกต่างไปจากเดิม

 

    ขณะที่นายวราเทพกล่าวเสริมว่า ตัวเลขที่ไม่เป็นทางการและเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ และก็เป็นตัวเลขที่คาดเคลื่อนอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำตัวเลขของส่วนราชการที่อ้างว่าเป็นของราชการไปเปิดเผย แต่ว่าไปเปิดเผยแล้วไปเปิดเผยในลักษณะซึ่งไปบวกรวมในตัวเลขใดก็ไม่ทราบ อย่างเช่นอ้างบอกว่าผลการดำเนินการรับจำนำข้าวของรัฐบาลสร้างความเสียหายขาดทุนปีละถึง 260,000 ล้านบาท ผลสุดท้ายก็คือมันไม่เป็นตามนั้น มันก็เลยทำให้ตัวเลขเหล่านั้นสร้างความวิตกกังวลกับผู้ที่เกี่ยวข้องและไม่ได้เกี่ยวข้อง เป็นที่มาที่รัฐบาลก็คงจะต้องมาพิสูจน์ในเรื่องนี้ให้ชัดเจน และท้ายที่สุดก็ได้ดำเนินการตรวจสอบรวบรวม และก็เอาตัวเลขที่เป็นเอกสารของรูปปิดบัญชีมาเปิดเผยว่าใน 1 ปี  2 ฤดูกาลที่เราดำเนินการในปีแรก ณ วันที่ 31 มกราคม 2556 มีการปิดบัญชีแล้วมีการแจ้งตัวเลขจากอนุปิดบัญชีผลการดำเนินงานที่เรียกว่าขาดทุนประมาณ 136,000 ล้านเท่านั้น และเป็นการรวมในเรื่องของดอกเบี้ยค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว

สบช่องอ้างช่วยรายย่อย

 

    "ความจริงเมื่อใช้คำว่าขาดทุน ผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะว่าในการที่เราจะดูแลเกษตรกร มันก็หมายถึงในการที่จะต้องจัดเตรียมเงินอุดหนุนชดเชยเข้าไป ดังนั้นการดำเนินการในส่วนนี้ รัฐไม่ได้ประสงค์ที่จะสร้างกำไรจากการดำเนินการอยู่แล้ว แต่ว่าการที่จะมีสัดส่วนชดเชยอะไรต่างๆ เหล่านี้ ก็ขอให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม เมื่อเทียบกับงบประมาณรวมของทั้งประเทศ"


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#3 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 01:43

 ต่อมา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายลักษณ์ วจนานวัช กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวในช่วงที่ 3 ของรายการเดียวกันนี้

 

    นายบุญทรงกล่าวว่า ในการประชุม กขช.เมื่อวันอังคาร ได้มีมติที่จะมีการปรับปรุงให้โครงการรับจำนำข้าวในฤดูกาลปัจจุบันนี้ ก็คือฤดูกาลนาปรังสำหรับปี 2556 โดยเงื่อนไขที่จะมีการเปลี่ยนแปลงคือจะจำกัดปริมาณมูลค่าข้าวสำหรับเกษตรกรชาวนาให้เข้าโครงการได้ไม่เกินครัวเรือนละ 500,000 บาท ซึ่งในประเด็นนี้เราได้มีการหารือกันค่อนข้างจะละเอียด ว่าจริงๆ แล้วรัฐบาลต้องการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาซึ่งเป็นรายย่อย ดังนั้นรัฐบาลจะไปดูสถิติ ซึ่งปรากฏว่าขณะนี้เกษตรกรชาวนาที่อยู่ภายนอกโครงการยังไม่ได้เข้ามา ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยแทบทั้งสิ้น ซึ่งการกำหนดมาตรการที่วงเงินไม่เกิน 500,000 บาทก็มีความเหมาะสม

 

    เมื่อถามว่า การที่ปรับลงมาจาก 15,000 บาท เป็นราคา 12,000 บาท เกษตรกรได้รับผลกระทบหรือไม่ รายได้จะหายไปมากน้อยเพียงใด รมว.พาณิชย์ตอบว่า คงจะมีบ้าง แต่ต้องเรียนว่าราคาที่รัฐบาลปรับลดลงมานี้ ส่วนหนึ่งรัฐบาลได้มีการคำนึงถึงข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาต้นทุน ในเรื่องปริมาณข้าวต่อราย รัฐบาลยอมรับว่าการปรับเงื่อนไขหรือรายละเอียด ก็ย่อมต้องมีผลกระทบ แต่รัฐบาลยังเน้นดูแล เลือกที่จะดูแลเกษตรกรรายย่อย

 

    นายลักษณ์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนี้นายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นโครงการที่รัฐบาลดูแลพี่น้องเกษตรกร ทาง ธ.ก.ส. ได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย รัฐบาลได้ใช้กลไกของรัฐบาลในพื้นที่ที่จะดูแลให้เกิดความโปร่งใส ในการโอนเม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์เข้าบัญชีเงินฝากของพี่น้องเกษตรกรที่เปิดไว้กับ ธ.ก.ส. ตรงนี้ถือว่าเป็นการได้รับเงินโดยตรงของเกษตรกร 2 ปี 4 รอบการผลิต มีพี่น้องเกษตรกรได้รับประโยชน์ทั้งสิ้นกว่า 4,000,000 ราย และเป็นเม็ดเงินที่ทาง ธ.ก.ส.โอนเข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรเป็นรายคนทั้งสิ้นกว่า 620,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นเรื่องที่พี่น้องชาวเกษตรกรก็มีความดีใจมาก

 

        วันเดียวกันนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลปริมาณข้าวคงเหลือของ องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงสีและโกดังกลางทั่วประเทศ หากพบเป็นโกดังหรือคลังสินค้าที่มีการเก็บข้าวสารเป็นจำนวนกระสอบแล้วต้องถูกต้องครบตามจำนวนที่มีการรายงาน 100 เปอร์เซ็นต์ หากมีจำนวนกระสอบข้าวขาดหายไป ถือว่าพบมีความผิดปกติ เนื่องจากการปฏิบัติงานผู้ที่ถือกุญแจโกดัง 3 ดอก ต้องมีการไขกุญแจพร้อมกันจึงสามารถขนกระสอบข้าวออกจากโกดังได้

 

"ณัฐวอด" บอกสูตรหนีผิด

    ส่วนปริมาณข้าวที่กองอยู่บนพื้นของคลังสินค้าต่างๆที่ยังไม่ได้มีการบรรจุกระสอบ จะใช้สูตรการคำนวณดั้งเดิมในทุกๆ โครงการของกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ สำหรับกรณีพบว่ามีปริมาณข้าวขาดจากจำนวนที่ได้แจ้งช่วงที่มีการขึ้นทะเบียนไว้ก่อนหน้าลงพื้นที่ หากในกองข้าวสารขาดหายไปไม่เกินร้อยละ 5 ถือว่าอยู่ในอัตราที่ขาดเกินที่สามารถเกิดขึ้นได้ เรียกว่าปริมาณข้าว Error ในการตรวจสอบสูตรการวัดพื้นที่การประมาณการ โดยเจ้าของโกดังหรือไซโล ต้องนำปริมาณข้าวที่ขาดหายกลับมาเติมให้เต็มจำนวนที่ขึ้นทะเบียนไว้ภายในฤดูการรับจำนำหรือรอบการรับจำนำนั้นๆ แต่หากขาดหายไปเกินร้อยละ 5 ถือว่าผิดปกติ

 

    "ในส่วนข้าวเปลือกขาดหายไปไม่เกินร้อยละ 10 ถือว่าอยู่ในอัตราที่ขาดเกินที่สามารถเกิดขึ้นได้ เรียกว่า “ปริมาณข้าว Error” ในการตรวจสอบสูตรการวัดพื้นที่การประมาณการ โดยเจ้าของโกดังหรือไซโลต้องนำปริมาณข้าวที่ขาดหายกลับมาเติมให้เต็มจำนวนที่ขึ้นทะเบียนไว้ภายในฤดูการรับจำนำหรือรอบการรับจำนำนั้นๆ เช่นกัน แต่หากขาดหายไปเกินร้อยละ 10 ถือว่าผิดปกติ" รมช.พาณิชย์กล่าว

 

    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายจำนำข้าวว่า ขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ออกมาประกาศให้ชัดๆ ว่าไม่เห็นด้วยกับโครงการรับจำนำข้าว ไม่ใช่มาใช้วิธีเล่นการเมืองแบบโลว์คอสต์หรือการเมืองต้นทุนต่ำ ใช้วิธีตีหัวเข้าบ้าน พยายามสร้างแรงกดดันซึ่งไม่ส่งผลกระทบกับรัฐบาล แต่กลายเป็นว่าจะส่งผลกระทบกับข้าราชการและผู้ปฏิบัติในกระทรวงพาณิชย์แทน

 

           "ขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ออกมาประกาศให้ชัดๆ ว่าไม่เห็นด้วยกับโครงการรับจำนำข้าว ทั้งนี้ เราไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว แต่เป็นในส่วนของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ไม่ใช่ความผิดพลาดของฝ่ายนโยบาย โดยรัฐบาลจะยังเดินหน้าโครงการรับจำนำ"

 

           นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 25 มิ.ย. พรรคเพื่อไทยจะเรียกประชุมส.ส.พูดคุยกันถึงประเด็นโครงการรับจำนำข้าว โดยตนและ ส.ส.ส่วนหนึ่งไม่ติดใจนักกับการลดราคาจำนำข้าวลงมาจาก 15,000 บาทต่อตัน มาเป็น 12,000 บาทต่อตัน  เพราะได้สัมผัสกับชาวนาอยู่ตลอด ทราบดีว่าไม่มีผลกระทบมากนัก คือไม่ขาดทุน แต่กำไรลดลง เพียงแต่มองว่ารัฐบาลพลาดนิดเดียวที่ไม่อธิบายก่อนลดราคา พอมาอธิบายทีหลังก็เหมือนกับแก้ตัว รัฐบาลควรบอกกับ ส.ส.ก่อนเพื่อไปทำความเข้าใจกับชาวนา ซึ่งในที่ประชุมพรรคคงมีการคุยกันตรงจุดนี้ อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่าเราจะไปคุยปรับความเข้าใจกับชาวนาไม่ยาก โดยเฉพาะภาคเหนือ อีสาน ส่วนความเคลื่อนไหวของชาวนาบางส่วนที่จะมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น ตนมองว่าเป็นกลุ่มชาวนาจำนวนน้อยที่คิดล้มรัฐบาล วันนี้ในกลุ่มชาวนาเองก็มีการแบ่งกลุ่มเหมือนกัน

 

เพ้อเจ้อจำนำ 2 หมื่น

    ที่ จ.กาญจนบุรี มีรายงานว่าที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน อบต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้มีการจัดการสัมมนาเรื่อง "กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จะมีส่วนช่วยพัฒนาศักยภาพของสตรีจังหวัดกาญจนบุรีอย่างไร" โดย นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 3 ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร

 

    แต่มีกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวนหนึ่งได้เดินเข้าไปสอบถามกรณีนโยบายของรัฐบาลที่ลดราคารับจำนำข้าวจาก 15,000 บาท ลงเหลือ 12,000 บาท ซึ่งนายสุรพงษ์ได้ชี้แจงว่าเดี๋ยวจะขึ้นเวทีชี้แจงให้ทราบ ทำให้กลุ่มเกษตรกรรอฟังเหตุผลอย่างใจจดใจจ่อ

 

    จากนั้นนายสุรพงษ์ได้ขึ้นพูดผ่านเครื่องขยายเสียงบนเวทีว่า ขอให้เกษตรกรเข้าใจถึงการทำงานของรัฐบาลด้วย เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับปัจจัย ทำให้มีผลกับการตัดสินใจของรัฐบาล ไม่มีใครรู้หรอกว่าทิศทางจะเป็นยังไง รัฐบาลพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว ไม่แน่ปีหน้าราคารับจำนำอาจเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 บาทก็ได้ :o  :o  :o 


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#4 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 01:45

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาการทุจริตจำนำข้าว มากกว่าการปรับลดราคารับจำนำลง เพราะเป็นการแก้ปัญหาแบบเกาไม่ถูกที่คัน   เปรียบเสมือนการกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก ก็ต้องผิดต่อๆ ไป เพราะทำให้ชาวนาเสียประโยชน์ลดลงไปอีก

 

    เขากล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยตอบคำถามว่าใช้หลักเกณฑ์ในการพิจารณาปรับลดราคารับจำนำอย่างไร อีกทั้งยังดำเนินการอย่างฉุกละหุก ชี้ให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว และเป็นการแก้ปัญหาที่ผิดพลาดตั้งแต่ต้น คือการรับจำนำข้าวที่มีราคาสูงกว่าท้องตลาด จึงไม่มีชาวนามาไถ่ข้าวคืน จนกลายเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ และต้องหาที่เก็บสต็อกข้าวจำนวนมากจนเกิดความเสียหาย เพราะระบายข้าวไม่ได้ตามที่คาดหมายไว้ นอกจากนั้นรัฐบาลยังเสียค่าบริหารจัดการในการรักษาดูแลข้าวไม่ให้เสื่อมสภาพลง ซ้ำยังมีปัญหาข้าวเน่าจากการเก็บรักษาที่ไม่ได้คุณภาพ

 

    ส่วนกรณีที่รัฐบาลประกาศจะตรวจสอบโกดัง โรงสี และไซโลที่เก็บสต็อกข้าว 1,600 แห่งทั่วประเทศ ในวันที่ 29 มิ.ย.นั้น นายองอาจถามว่า ทำไมรัฐบาลเพิ่งคิดตรวจ ทั้งที่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเราได้เรียกร้องให้ไปตรวจสอบคุณภาพข้าว การจัดเก็บและเหตุการณ์เวียนเทียนข้าว ซึ่งเกิดความเสียหายขึ้นมากแล้ว รัฐบาลนี้เพิ่งมาคิดตรวจสอบ

 

เชื่อจัดฉากปราบโกง

    "ถ้าพบการทุจริตคอรัปชั่น ก็จะจับได้แค่ปลาซิวปลาสร้อย ไม่น่าจะแก้ปัญหาทุจริตที่ตัวใหญ่ได้ ถือว่าเป็นการสร้างภาพ จัดฉากเพื่อตีปี๊บในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้คนไทยเห็นว่ารัฐบาลนี้เอาจริง หนำซ้ำยังมีการประกาศบอกผ่านสื่อให้รู้ล้วงหน้าเป็นสัปดาห์ ทั้งที่ในความเป็นจริงหากจะได้ข้อเท็จจริงก็ไปตรวจสอบโดยที่ไม่ต้องบอกล่วงหน้า เพราะจะมีการเล่นแร่แปรธาตุ จัดฉากเกิดขึ้น จึงขอฝากรัฐบาลว่า ขอให้ไปดูต้นตอปัญหาที่แท้จริง คือฝ่ายการเมือง พ่อค้า และข้าราชการประจำบางส่วน ที่ร่วมมือกันฉ้อฉล ไม่ใช่เอาผิดกับข้าราชการระดับล่าง"

 

    นายองอาจกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนขอให้รัฐบาลร่วมตรวจสอบหาข้าวที่หายไป ทั้งข้าวสารจำนวน 2.5 ล้านตัน ที่มีมูลค่า 4.5 หมื่นล้านบาท และข้าวถุงถูกใจที่รัฐบาลนี้ประกาศว่าจะทำเพื่อจำหน่ายให้ประชาชน 2 ล้านตัน แต่พบว่ามีเพียง 4 แสนตันที่กระจายอยู่ในท้องตลาด ดังนั้นข้าวถุงหายไป 1.6 ล้านตัน จึงอยากให้รัฐบาลตรวจสอบ และตอบให้ได้ว่าข้าวหายไปไหน ใครได้ประโยชน์จากข้าวที่หายไป พร้อมเอาคนผิดมาลงโทษ ไม่ควรปล่อยให้คนชั่วลอยนวลหากินบนหลังชาวนา

 

    ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Warong Dechgitvigrom” ถึงโครงการรับจำนำข้าวว่า รู้สึกงงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาบอกว่าถูกพรรคประชาธิปัตย์กดดันทำให้ต้องปรับลดราคาจำนำข้าวลง จึงขอถามว่าไม่ทราบว่าใครไปบังคับรัฐบาลให้ลดราคา เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์คัดค้านเพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาวนา ซึ่งการลดราคาจำนำข้าวครั้งนี้ ไม่ได้เป็นประโยชน์กับชาวนา เพราะรัฐบาลไม่ได้ลดราคาต้นทุน อาทิ ค่าสีแปร ค่าขนข้าว ค่าเช่าโกดัง ค่าตรวจคุณภาพข้าว โดยเซอร์เวเยอร์ ค่าดูแลข้าว ลมควันฆ่ามอด ค่าประกันภัยข้าว โดยเฉพาะผลประโยชน์ตอนระบายข้าวก็ไม่ลด พวกเราจึงถือว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับชาวนา อยากให้รัฐบาลคิดถึงอกเขาอกเรา และควรจะแสดงความรับผิดชอบในนโยบายที่หาเสียงไว้ และอยากให้พูดให้ชัดว่าใครกันแน่ที่สั่งให้รัฐบาลลดราคาจำนำข้าวลง หรือเป็นเพราะว่าทำเจ๊งแล้วพาลคนอื่น

 

โพลระบุคนไม่เห็นด้วยกับปู

    นพ.วรงค์โพสต์ข้อความอีกว่า การที่นายณัฐวุฒิจะลงพื้นที่ตรวจโกดังข้าวทั่วประเทศ ในวันที่ 29 มิ.ย. ภายใต้ชื่อ  "เปิดทุกโกดัง ดูทุกคลังสินค้า ผ่าทุกโรงสี" นั้น ตนดูแล้วจะเป็นปาหี่มากกว่า เพราะตนมีประสบการณ์การไปตรวจโกดังข้าว ไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ถ้านายณัฐวุฒิจะตรวจจริงๆ ต้องผ่ากองข้าวออกมาให้เห็นถึงไข่แดง ไม่ใช่ไปแค่ถ่ายรูป เจาะแค่ข้าวที่กองอยู่ด้านนอกโชว์เท่านั้น ดังนั้น ถ้านายณัฐวุฒิมีเวลาอย่าลืมไปตรวจโกดังข้าวหอมมะลิที่ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นรอยต่อ อ.เมืองฯ กับ อ.ปราสาท รับรองได้ว่าจะเจอของดีแน่นอน

 

    ขณะที่ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “การปรับลดราคารับจำนำข้าว” จากการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 59.62 ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลลดราคาจำนำข้าวเปลือกเจ้า 100 เปอร์เซ็นต์ จากตันละ 15,000 บาท เป็น 12,000 บาท เพราะเห็นใจเกษตรกร ทำให้มีรายได้จากการขายข้าวลดลง อีกทั้งต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น (ค่าปุ๋ย ค่าเชื้อเพลิง ค่าแรง เป็นต้น) ทำให้ชาวนาเป็นหนี้เพิ่มมากขึ้น ควรไปแก้ไขการทุจริตคอรัปชั่นของระบบขั้นตอนจะดีกว่า ขณะที่ ร้อยละ 36.62 เห็นด้วย เพราะรัฐบาลไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายส่วนต่างราคาข้าว ซึ่งทำให้รัฐขายข้าวขาดทุน

 

    ด้านความคิดเห็นต่อการรับจำนำข้าวกับการประกันราคาข้าว ว่านโยบายใดที่เกษตรกรจะได้ประโยชน์สูงสุด พบว่า ประชาชน ร้อยละ 44.31 ระบุว่าเป็นการประกันราคาข้าว เพราะลดการทุจริตคอรัปชั่น มีขั้นตอนที่ตรวจสอบได้ชัดเจนและละเอียดกว่าการรับจำนำ ช่วยให้รัฐบาลไม่ขาดทุน รองลงมาร้อยละ 29.81 ระบุว่าเป็นการรับจำนำข้าว เพราะเกษตรกรจะได้ราคาที่สูงกว่าการประกันข้าวและได้เงินทันทีที่ขายข้าว ทำให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้

 

    ขณะที่สวนดุสิตโพล เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ประชาชนไม่เห็นด้วย 59.16% ส่งผลกระทบต่อชาวนาซึ่งได้รับความเดือดร้อนโดยตรง เนื่องจากมีการลงทุนซื้อปุ๋ย ซื้อยา ค่าน้ำมันไปแล้ว ชาวนาต้องสูญเสียรายได้ ขาดทุน  ควรแก้ที่ต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริงจะดีกว่า ไม่ใช่มาแก้ที่ปลายเหตุ ฯลฯ

 

    เห็นด้วยมี 25.19% เพราะช่วยลดภาระของรัฐบาลที่แบกรับมานาน ราคาที่ตั้งไว้ 15,000 บาทสูงเกินไป ควรอิงกับราคาของตลาด จะได้ไม่ขาดทุนหรือมีการทุจริตเกิดขึ้นในโครงการ ฯลฯ.


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#5 หงส์แดง

หงส์แดง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,755 posts

ตอบ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 01:53

สรุปที่พล่ามมาคือเจ๊งครับ ทำต่อไม่ได้ และเพ้อฝันหลอกต่อไปว่าอาจเพิ่มให้อีก พวกสะตอจริงๆ :angry:


ถ้าแยกเสียงส่วนใหญ่ กับความถูกต้องไม่ออก ก็อย่ามาอ้างว่ามาจากประชาธิปไตยเลย


#6 mr.patton

mr.patton

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 579 posts

ตอบ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 02:26

ตัวชี้วัดว่าชาวนามีควมเป็นอยู่ดีขึ้น คือ การโหมโฆษณของสื่อหลักที่ไปทำข่าวสัมภาษณ์ชาวนา ชาวนาบอกไม่มีเงิน โครงการรับจำนำข้าวทำให้ลืมตาอ้าปาก เเต่ไม่เคยเห็นถามว่า มีที่ดินเป็นของตัวเองไหม ต้นทุนทำนาต่อไร่ ละ8000 เอาเงินที่ไหนมาลงทุน เเละอีกหลายๆคำถามที่ควรถาม ผมคนปากนำ้โพพี่ป้าน้าอาผมก็ทำนาทำไมผมจะไม่เห็นว่าชีวิตความเป็นอยู่เขาดีขึ้นไหม คนมีอาชีพให้เช่าพระเครื่องถ้ามีลูกค้ามาถามว่าพระเเท้ไหม ศักดิ์สิทธิ์ไหม คุ้มค่ากับเงินที่จะเสียไปไหม เขาอยากได้ตังเขาจะตอบอย่างไรละ ทำไมที่ควรถามไม่ถาม ถามคำถามที่ก็รู้ๆคำตอบอยู่เเล้ว รายการข่าวสมัยนี้สอนให้คนเป็นคนโง่



#7 อึ่งอ่างไชโย

อึ่งอ่างไชโย

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 443 posts

ตอบ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 02:32

มาโม้แถวบ้านซะด้วย  ไม่เคยรู้เรื่องเลย  ทำแต่งานกับอ่านเสรีไทย



#8 ชาวสวน

ชาวสวน

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,095 posts

ตอบ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 02:43

สะกดจิตยังไงก็หนีไม่พ้น 

 

"ทักษิณคิด รัฐบาลเพื่อไทยทำ(เจ๊ง)"  โดย ปูไม่รู้  :lol:



#9 kabokaboh

kabokaboh

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 588 posts

ตอบ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 07:13

อย่าเอา GDP ดีขึ้นเพราะส่งออกข้าวมาอ้าง

 

นอกจากจะไม่ใช่สินค้าหลักบ้านเราแล้ว

 

คุณท่าน ยังทำให้ ข้าวไม่อยู่ในรายการส่งออกสิบอันดับแรกด้วยซ้ำไป

 

แถมเอาเอากำไรมาผลาญเล่นๆ แสนกว่าล้าน (ตัวเลขรฐบ หรือ มากกว่า ถ้าเป็นแหล่งอื่น)

 

กินแบ่งกันเป็นระบบ แบบทอเต็มผืน ไร้รอยต่อ คุณบุญซวย คุณณัฐวอดเอ้ย

 

http://www2.ops3.moc.go.th/



#10 Robin

Robin

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,097 posts

ตอบ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 07:16

ดีแต่พูดเอง เออ เอง ตอนนักข่าวซักเห็นไปไม่เป็น เอาแต่คันหู แม้แต่ไอ้เถิก ก็หมดท่า น่าสมเพช






ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน