เป็นบทความค่อนข้างตรงใจผมครับ
ธาม เชื้อสถาปนศิริ, timeseven@gmail.com
นักวิชาการด้านสื่อ สถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.)
==========
เท่าที่ผมสังเกต ด้วยภาระหน้าที่ในงานวิจัย และความสนใจส่วนตัว การประท้วงออนไลน์และการชุมนุมบนท้องถนนของกลุ่ม “V FOR THAILAND” นั้นมีแง่มุมหลายอย่างที่น่าสนใจ โดยเฉพาะลักษณะ “นิรนาม” (anonymous) ของกลุ่มที่ฝ่ายการเมือง หรือสื่อมวลชนตั้งคำถามที่ “แกนนำ/ผู้นำ/ผู้อยู่เบื้องหลัง” ของกลุ่มรณรงค์กดดันทางการเมืองนี้ โดยใช้กรอบความคิดแบบกลุ่มการเมืองคู่ขัดแย้งแบบเดิมๆในการมองการเมืองแบบคู่ตรงข้ามเรื่องสีที่ผ่านมา
ในความคิดส่วนตัวของผม, มีหลายสาเหตุที่ V FOR THAILAND จำเป็นต้องเป็นกลุ่มนิรนาม ไร้แกนนำ ไร้บุคคลตัวแทนกลุ่มเบื้องหลัง
ดังนี้
(1) แกนคิดหลักของ V FOR THAILAND คือ "ความคิด" มิใช่ บุคคลที่เป็นแกนนำ
คนเปลี่ยนแปลงได้ ฆ่าตายได้ เอาเงินและผลประโยชน์เปลี่ยนแปลงได้ ปิดปากได้ แต่ความคิดเปลี่ยนไม่ได้ - ถ้าคุณดูหนังเรื่อง "V for Vendetta" คุณจะได้ยินสิ่งที่วีพูดในช่วงที่ท้าทายอำนาจรัฐและดงห่ากระสุนว่า
"ภายใต้หน้ากาก ร่างกาย เลือดเนื้อ นี้ มีความคิด และ ความคิด เป็นเกราะป้องกันกระสุน!"
“Behind this mask there is more than just flesh.
Beneath this mask there is an idea... and ideas are bulletproof.” ― Alan Moore, V for Vendetta
(2) การที่ กลุ่ม V FOR THAILAND เคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเป็นมวลชนขนาดใหญ่ เท่ากับว่า ต้องการสะท้อน "ความคิดแบบ V-ต่อต้านรัฐคอร์รัปชั่น" โดยยกให้ "ประชาชนทุกๆ คนที่ใส่หน้ากากขาว" เป็นตัวแทนความคิดของกลุ่มแบบหนึ่งเดียว เท่าเทียม เสมอภาค
เป้าหมายของการประท้วงแบบวี "คือภาพของประชาชนที่เดินสวมหน้ากาแทนสัญลักษณ์การประท้วงตามท้องถนน โดยมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน คือ ความชั่วช้าของรัฐบาล นักการเมือง มิใช่หันหน้าตามสิ่งที่แกนนำ ผู้นำกลุ่มนี้นำ"
ดังนั้น การเกิดภาพผู้คนทั่วประเทศสวมใส่หน้ากาก และเดินตามท้องถนนอย่างสงบ ไร้รูปแบบ เพราะเชื่อถือในการรวมกลุ่มของประชาชนแบบตามอัธยาศัย ตามความพึงพอใจ โดยมีสมมติฐานที่เชื่อว่า ทุกคนมีวิจารณญาณด้วยตัวเอง!
(3) กลุ่ม V FOR THAILAND นั้น มีแผนการรณรงค์ ที่ เป็นขั้นตอน สังเกตจาก รูปแบบการก่อตั้ง การเรียกมวลชน การค่อยๆ กำหนดประเด็นยุทธศาสตร์เรียกร้อง ต่อสู้ ซึ่งสามารถดึงคนเข้ามาได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งหมดทำด้วย "ข้อความเดียว คือ ต่อต้านรัฐบาลคอร์รัปชั่น" ซึ่งเป็นวาทกรรมหลักในการเคลื่อนไหว
ลองดูประโยคนี้ "ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาล รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน"
“People shouldn't be afraid of their government. Governments should be afraid of their people.” ― Alan Moore, V for Vendetta
ซึ่งกลายมาเป็น วาทกรรมหลักในการปลุกพลัง ปลุกระดม ปลุกเสียงเงียบ ปลุกความตระหนักในสิทธิ หน้าที่พลเมืองของประชาชนต่ออำนาจรัฐบาล
ขณะที่การสร้างวาทกรรมรอง "ต่อต้านตระกูลชินวัตร" นั้น เป็นตัวอย่างรูปธรรมของความหมายคำว่า "คอร์รัปชั่น" ที่เห็นเป็นรูปธรรมปัจจุบันมากที่สุด
คือการกำหนด "เป้าหมายของการโค่นล้ม" -- ชัดเจนมากที่สุด
(4) กลุ่ม V FOR THAILAND ไม่กำหนดแกนนำ เพราะสุ่มเสี่ยงที่กลุ่มนี้ จะกลายเป็นกลุ่มการเมืองเช่นกลุ่มการเมืองอื่นๆ ที่มีแกนนำ เช่น เสื้อเหลือง พันธมิตร เสื้อหลากสี
เหล่านี้ "ไม่ดีในยุทธศาสตร์ระยะยาว" เพราะที่สุดแกนนำจะชี้นำมวลชน และสามารถสร้างเสื่อมศรัทธาได้ -- ฉะนั้น ดีที่สุดคือ "อย่ามีแกนนำ!"
เพราะเมื่อเป็นกลุ่มการเมือง เท่ากับว่า กลุ่มนี้ จะถูกจัดให้กลายเป็นคู่ขัดแย้งหนึ่งทางการเมือง ในการเมืองความขัดแย้งที่สังคมไทยชินเฉย มานานหลายปี
การตั้งกลุ่มที่ไม่มีแกนนำ ยังเป็นการปกป้องกลุ่มจากการเจรจาต่อรอง ประนีประนอม เพราะรัฐบาลไม่รู้ว่าจะเจรจากับใคร ทำให้กลุ่มถูกป้องกันจากอำนาจ "ไม้นวม" ของรัฐ!
(5) กลุ่ม V FOR THAILAND ไม่กำหนดแกนนำ เพราะจะทำให้สื่อมวลชน (โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์) นำเสนอข่าวสารในรูปแบบเดิมๆ เช่น "เน้นสัมภาษณ์ เอาเสียง เอาภาพ เฉพาะแกนนำ" ไปออกสื่อ -- กลายเป็นการลดทอนความสำคัญของ "ไอเดีย/ความคิด" และลักษณะปัจเจกชนของมวลชนที่รวมตัวกัน
นั่นทำให้ สื่อสามารถรายงานข่าวภายใต้กรอบความคิดแบบเดิมๆ คือ "แหล่งข่าวคู่ขัดแย้ง"
ซึ่งสื่อมักยึดกรอบการรายงานข่าวแบบ "คู่ตรงกันข้าม" (binary opposition)
หลักฐานคือ "กลุ่ม V FOR THAILAND" มักเรียกตนเองว่า "V" หรือ "พี่น้องชาววี" แต่ไม่เคยเรียกตนเองว่า "หน้ากากขาว" โดยเฉพาะแอดมิน ที่ไม่เรียกตนเอง หรือกลุ่มมวลชนว่าหน้ากากขาวเลย
แต่อาจมีมวลชนบางส่วน ที่เรียกตัวเองว่า "หน้ากากขาว" นั่นอาจมีสมมติฐานว่า
(1) "หน้ากากขาว เป็นคำที่สื่อมวลชน เริ่มครั้งแรกใช้เรียกกลุ่ม V" -- พวกเขา สื่อมวลชนกระแสหลัก ไม่ยอมเรียกชื่อ "สามัญนามทางการของกลุ่มนี้" ? เพราะอะไร?
(2) รัฐบาล โดย ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง สื่อ การตลาด อาจขอร้องให้สื่อมวลชน อย่าเรียก อย่าใช้คำว่า "V FOR THAILAND" แต่ให้ใช้คำเรียก "สี" แทน ในการสื่อสารกับประชาชน คือ "หน้ากากขาว" เพื่อ - ลดสถานะ ความสำคัญ และลดทอนไปเป็นเพียง "ความขัดแย้งทางการเมือง ของอีกกลุ่มสีหนึ่งเท่านั้น!"
เท่าที่ผมนั่งดูรายงานข่าวทางโทรทัศน์ ค้นพบว่า "ไม่มีช่องใด ถือไมค์สัมภาษณ์ผู้ชุมนุม" คงมีแต่ภาพ "มุมกว้าง บรรยากาศ และการสังเกตุการณ์ทั่วไป" ของผู้ชุมนุม -- ซึ่งแปลกมาก นั่นพิสูจน์ว่า "สื่อมวลชนไม่สามารถ" -- สัมภาษณ์ความคิดของคน ชาวบ้านทั่วไปได้
สื่ออาจติดกับ "ความเคยชิน" ในการรายงานข่าวแบบ "มีตัวแทนคู่ความขัดแย้ง" ฝ่ายที่ 1-2-3 แต่พอไม่มีตัวแทน สื่อเลยมองว่ามันเป็นปรากฏการณ์นะครับ
ที่น่าสนใจคือ "คำว่าหน้ากากขาว" นั้นมาจากสื่อหนังสือพิมพ์ -- ทั้งๆ ที่เมื่อสืบค้นดู ก็จะพบว่า "ใช้คำว่า หน้ากาก กาย ฟวอกส์" -- แต่อาจจะไม่เข้าใจสำหรับคนอ่าน
ซึ่งก็บอกได้ว่า สื่อเลือกเอว ที่จะ "ตีตราหน้ากากวี" ให้เป็นอีกขั้วตรงกันข้ามกับกลุ่มการเมืองสีอื่นๆ! -- โดยไม่ได้เจตนาแต่จากความเคยชิน
เป็นลักษณะที่บอกว่า สื่อมวลชน "มีกรอบความคิดยึดติดเรื่องคู่ความขัดแย้ง" ในการรายงานข่าว (conflict scheme)
(6) การที่ V FOR THAILAND ไม่มีแกนนำ แต่เดินยุทธศาสตร์ด้วยมวลชนไร้นาม ทำให้ สื่อไทย ทำข่าวไม่เป็น เพราะแทบไม่ปรากฏว่า "สื่อสำนักใด จะทำการสัมภาษณ์ประชาชนที่สวมใส่หน้ากากกาย ฟวอกส์ มาออกรายการข่าว ในลักษณะ เสียงให้สัมภาษณ์เลย"
ข้อนี้ อาจดี และ แย่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับมุมมอง
ในแง่ดี คือ จะทำให้ อุดมการณ์ไม่เปลี่ยน ไม่มีใครสำคัญกว่าใครในกลุ่มมวลชน
ข้อแย่คือ นักข่าว สื่อไทย ทำข่าวไม่เป็น เพราะ "ไม่รู้จะไปสัมภาษณ์ใครดี?"
--- แต่หากคุณได้ดูข่าวการประท้วงของต่างประเทศ โดยการใช้หน้ากากกาย ฟวอกส์ แล้วละก็ คุณจะเห็นสื่อต่างชาติ "สัมภาษณ์" ประชาชนที่มาชุมนุม นี้อย่าง "ปกติ"
แต่สำหรับสื่อไทย -- ใบ้รับประทาน!
(7) การที่ V FOR THAILAND ไร้นาม, ไร้แกนนำ - เพราะกลุ่มวีนั้น มีฐานคิดจากการเชื่อถือในความเท่าเทียม ในพลังประชาชน การต่อสู้แบบ "ตัวแทน ตัวเสมือน" - ทุกๆ คนมีฐานะเป็น "ตัวแทนสัญญะของความไม่พอใจในอำนาจคดโกงของรัฐ" ฉะนั้น มันจะอยู่ยาวนานกว่า ยั่งยืนกว่า และ เสรีกว่า ไม่มีใครถูกจูงจมูกใคร
ทุกคนมาประท้วง ด้วยมีความรู้สึกว่า "เป็นเจตน์จำนงบริสุทธิ์ และเสรี"
ทำให้การเมืองฝ่ายตรงข้าม รัฐบาลนั้น -- ไม่สามารถทำการ "เจรจาลับๆ ต่อรองผลประโยชน์ เพื่อประนีประนอม รอมชอม ขอร้อง ฯลฯ" ได้
เป็นการต่อสู้ทางรัฐศาสตร์ แบบ ไร้ลักษณ์ ไร้นาม!
เป็นการเคลื่อนไหวเชิงอุดมการณ์ - มากกว่าการนำของบุคคล
สุดท้าย ผมคิดว่า นี่คือการทดสอบกำลัง ฐานคิด แรงกระตุ้นทางการเมืองของคนไทยในแบบลักษณะไม่ยึดติดบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ย้ายแรงผลักทางการเมืองมาไว้ที่ "ความคิด" หรือ "ไอเดีย" ที่มีแกนหลักที่ "ความไม่พอใจนักการเมืองชั่วช้า รัฐบาลคอร์รัปชั่น ผู้นำทรราช"
ความคิดนี้ "เปิดรับผู้คนมากกว่า - มันนำผู้คนมาเจอกันด้วยความไม่พอใจ"
วีต้องการสร้าง เน้น "ปรากฏการณ์ทางการเมือง" มิใช่ "กลุ่มทางการเมือง" ซึ่งกลุ่มทางการเมืองนั้น ย่อยสลายได้ด้วยผลประโยชน์ และการประนีประนอม
การนัดหมายของชาว วีก็เพื่อที่จะทดสอบว่า "ความคิดสามารถนำคนได้!"
ด้วยประโยคหลัก คือ" ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นมาแล้ว ข้าขอประกาศว่า
ข้าคือเจ้าของประเทศไทย และจะไม่ยอมให้ผู้ใดโกงกินประเทศของข้าอีกต่อไป "
ความคิดนี้ คือ ความคิดหลัก และมันฆ่าไม่ตาย!
และความคิด สามารถสร้างการประท้วง การชุมนุมได้ มากกว่าความนิยมในตัวคน