- เป็นไปได้ไหม หากเราจะคิดราคาประกัน ตามต้นทุนการผลิตข้าวเฉลี่ย+กำไร 20-30% ให้ชาวนา
- 30% จากต้นทุนการผลิต น่าจะเป็นราคาที่ชาวนาพอใจที่สุด ที่ไม่เวอร์เกินไป
- ผลักภาระการลดต้นทุนการผลิต ไปที่รัฐบาล เพราะคิดราคาประกันตามต้นทุนการผลิต หากรัฐไม่ควบคุม ค่าปุุ๋ย ค่ายา รัฐเองจะเป็นฝ่ายอ้วก ดังนั้นรัฐต้องทำนโยบาย/โครงการ อะไรก็ได้ออกมาควบคุม ต้นทุนการผลิตของชาวนาให้ได้ต่ำที่สุด เพื่อที่จะไม่เป็นภาระคงคลังมากเกินไป (น่าจะดีกว่า ซื้อข้าวไปเก็บในโกดัง ขายก็ยาก)
- กำหนดเพดานของราคาประกันโดยเอาไว้ ราคาตลาดโลกเป็นเกณฑ์ โดยห้ามเกิน กี่% ของราคาตลาด (สมมุติซัก 20% ของราคาตลาด) ใช้กรณีต้นทุนพุ่งเกินราคาตลาด จะทำไม่ให้รัฐขาดทุนมากเกินไป
- แต่ไม่กำหนดราคาพื้น(floor) เพราะราคาประกันคิดตามต้นทุน ยิ่งต่ำยิ่งดี
- ชาวนาที่ลดต้นทุนได้เอง มากกว่าค่าเฉลี่ยของรัฐ ก็กำไรเน้นๆ เข้าไปอีก
- หากรัฐควบคุมต้นทุนไม่ได้/ราคาตลาดตกต่ำ ก็ถือว่าช่วยชาวนาไป หากราคาต้นทุนพุ่งแสดงว่ารัฐไม่มีน้ำยา ตรวจสอบกันไป
- หากขนาดนี้แล้ว ชาวนายังขาดทุน รัฐช่วยทำนโยบาย ย้ายให้ชาวนาเหล่านั้นไปทำอาชีพอื่นๆ โดยด่วน
- รัฐทำโครงการเพื่อพัฒนาในระยะยาวควบคู่กันไปด้วย มีเป้าหมายเพื่อพยายามลดการพึ่งพารัฐของชาวนาในอนาคต จนอาจไม่จำเป็นต้องใช้ประชานิยมอีก
- นำรูปแบบของจำนำข้าวเข้ามาผสาน กรณ๊ราคาข้าวตกต่ำ โดยรัฐทำตัวเป็นผู้รับซื้อข้าวอีกราย ที่เข้ามารับซื้อข้าวจากชาวนา เพื่อช่วยดึงราคาตลาดให้สูงขึ้น
- อื่นๆ
* ตัวเลขต่างๆ ปรับเปลี่ยนได้ ตามความเหมาะสม
* ต้นทุนการผลิต ที่เป็นค่ากลาง คิดจากราคาเฉลี่ยของค่ายา ค่าปุ๋ย ค่าแรงงาน และอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการทำนาในแต่ละไร่ ครอบคลุมทุกปัจจัยการผลิตที่จำเป็นทั้งหมด
* ประชานิยม แหละ แต่อย่างว่าหากไม่ทำ เขาก็ไม่เลือก ให้เขาเลือกก่อน เพื่อพัฒนา แล้วค่อยลด ละ เลิก หากทำได้ตามเป้าหมายในอนาคต
* work ไม่ work ยังไงก็เสวนากันไป
Edited by annykun, 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 10:56.