"กามสุขลฺลิกานุโยโค หิโน คมฺโม โปถุชฺชนิโก อนริโย อนตฺถสญฺหิโต"
ขึ้นต้นอย่างนี้ คัดเอา ธัมมจักกัปวัตตนสูตร ขึ้นมา ตั้ง อาราธนาศีล
ให้เพื่อนเพื่อนฟัง ก็ เพราะ สงสัย-สงสัย ว่า ยาก อย่างนี้ แล้วจะบวชไปทำไม?
ถ้าจะตอบกันแบบอย่างตาม ตำรา ใน ห้องเรียน ก็พอที่จะตอบได้ว่า...
บวชเพื่อสละโลก บวชเพื่อเว้นไว้จากกาม บวชเพื่อออกจากหมู่คณะ
ทั้งหมดนี้รวมรวมกันเรียกได้ว่า "เนกขัมมะ" อันได้แก่ การออกจาก ที่-ที่ มี "อา***" ข้องอยู่
แต่ "เนกขัมมะ" นั้น เป็นเพียงแค่ "ทางออก" เพราะ จุดหมายปลายทางอยู่ที่...
การสลายตัว แห่ง อัตตา โดยสิ้นเชิง ! พูดจากันแบบ บ้านบ้าน ก็คือ
บวชให้ลืมโลก บวชให้โลกลืม บวชเพื่อหาความรู้ในที่สุดว่าสิ่งที่เรียกว่าของตัวเองนั้นมันไม่มี
เพื่อจับเท็จ ของ ขันธ์ ๕ อันได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
จับเท็จ สิ่งเหล่านี้ได้หมด อัตตา ก็ หมด...ชีวิต ที่ เหลืออยู่ก็จะมีแต่ความจริง
คน ที่ บวช-จริง นั้น ยิ่ง บวช-นาน ยิ่ง เงียบ...ยิ่ง บวช-นาน ยิ่ง หาย
ไม่ต้องการแม้แต่คนที่ไปนับถือกราบไหว้ตน...ถึงจะมี กรุณา แต่ก็ต้องมี อุเบกขา ประกอบให้ได้เป็นสัดส่วน
ไม่เอา โลก กับ ธรรม มาปะปนกัน เพราะ โลกุตระ กับ โลกียะ นั้น มันคนละเรื่อง
เมื่อมองดู คน นุ่งห่ม ผ้ากาสาวพัตร์ สอง คน แล้วนำมาเทียบกัน
คนหนึ่ง หา เนกขัมมะ-หา ทางออก ไม่เจอ หรือ อาจจะเจอ แล้ว แต่เปลี่ยนใจไม่ยอมออก
กับ อีกคนหนึ่ง หลง-วน-เวียน ติดอยู่ "กามสุขลฺลิกานุโยโค..." ประกอบตัว ให้ พัวพัน ด้วย กาม
คนแรกนั้นเมื่อเปลี่ยนใจไม่ยอมออกจาก โลกียสุข แล้ว ก็ทำถูกต้อง เหมือน คน ที่ เข้า ตาม ตรอก-ออก ตาม ถนน
ในขณะที่คนที่สองนั้น แม้เจอ โลกกะวัชชะ แล้ว แต่ก็ยัง ปลิ้น-ปล้อน-หลอก-ลวง โดยอาศัย ผ้ากาสาวพัตร์ ไม่ยอมเลิก
ใครจะดี-ใครจะเลว หรือ จะเลวพอกันทั้งคู่ ตะนิ่นตาญี ไม่มีข้อสรุปให้กับเพื่อนเพื่อน พิจารณากันเอาเองเถอะนะ โยม...
ตะนิ่นตาญี
วันเสาร์ที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖
เวลา ๑๙.๐๓ นาฬิกา