ในนาม.......คนไทยที่นับถือ "ศาสนาพุทธ" .............คนหนึ่ง.......
#51
Posted 28 June 2013 - 10:03
- ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ likes this
#52
Posted 28 June 2013 - 14:05
ไม่เคยสงสัยในพุทธศาสนา ไม่เคยสงสัยในหลักธรรมของศาสนา
..........
แต่สงสัยในผู้เลื่อศรัทธาในศาสนา
สงสัยในสำนึกผู้คลองตนในผ้าเหลืองของศาสนา
เหตุใจถึงได้ดึงหลักที่เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวและกลั่นกลองจิตใจให้มัวหมอง
ตนเองไม่ประพฤติตนเป็นคนดี แลทำให้ศาสนาต้องเลวทรามในสายตาผู้เพ่งเห็น
- บัวทอง... likes this
People shouldn't be afraid of their government.
Governments should be afraid of their people
#53
Posted 28 June 2013 - 14:21
หลักคำสอนของศาสนาพุทธ คือ นิพพาน ละแล้วซึ่งกิเลสตัณหา
ถ้าพระ องค์ใด มันยังเสี้ยมสอนให้ "คนมอมเมาให้กิเลสตัณหา"
ใช้ความอยากของมนุษย์ให้การสร้างชื้อเสียงให้ตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็น นิกายจานบิน (สำหรับผม มันไม่ใช่พระ แค่คนที่อาศัยคำว่าพระ หารับปะทาน และ ไม่ใช่คำกล่าวหาที่รุนแรงเกินไป ไม่รู้สึกผิดที่ด่าคนเหล่านั้น แม้แต่นิดเดียว เพราะมันเอง ยังไม่รู้สึกเลยว่า มันบิดเบือนคำสอน และ หากินกับความเชื่อ กับกิเลส ของคนทั่วไป อย่างชั่วเลยขอบอก)
ไม่ว่าพระที่ประพฤติไม่สำรวม ผิดธรรมวินัย
พระที่ดูดวง พระใบ้หวย พระเครื่องราง
ก็ให้เดินผ่านผมไป ถ้าไม่อยากเสียพระ เพราะถ้าท่านยังสอนตัวเองไม่ได้
ก็อย่าหวังเลยว่า จะสอนใครได้
ถึง จขกท
เราไม่สามารถ ไปบังคับใครให้เป็นอย่างที่เราคิดได้
ขอให้เราหนักแน่น ใน หลักคำสอนของศาสนาพุทธเข้าไว้
แล้วท่านจะพบว่า พระห่วยๆเหล่านั้น มันไม่ได้มีค่าอะไรในสายตาท่านเลย
#54
Posted 28 June 2013 - 15:33
ศีล 5 ตูยังทำไม่ได้ อย่ามาถือว่าตูคือ พุทธ
นี่ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างมากครับ
พระยังอาบัติได้เลย เป็นพุทธคือศึกษา
และปฏิบัติตามคำ "พุทธะ" ทำได้ ทำไม่ได้
ทำได้น้อย ก็ค่อยๆ ทำกันไป ไม่ใช่อยู่ดีๆ
จะมีศีลกันได้ง่ายๆ ศีลผมผลุบๆ โผล่ๆ
ยังถือว่าเป็น "พุทธ" เลย
ใครถือศิล 5 ได้บริสุทธิ์ อย่างไม่มีบกพร่อง...............ก็ถือเป็นอริยะบุคคลแล้วครับ..........
ไม่เสมอไปครับ... แต่เป็นอาการปกติของพระอริยะที่จะมีศีลบริสุทธิ์ เช่น พระโสดาบัน ซึ่งฆราวาสก็จะเป็นได้ ...แต่..ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมรักษาศีลแปดมากกว่า เพื่อยกระดับจิตใจ...แต่อย่างน้อยก็คือศีล 5 ไม่ขาดแน่นอน ดังนั้น พระโสดาบันจึงไม่มีวันตกนรกอีก
พระโสดาบันยังมี โลภ โกรธ หลง อยู่บ้าง โลภ แต่ก็ไม่ได้ไปอยากได้ของคนอื่นเขา โกรธ แต่ก็ไม่ได้ไปโกรธใคร หลง ก็ไม่ได้ไปชื่นชอบใครหรือรังเกียจใคร (หลงอยู่ในจิตตัวเอง) จึงไม่มีทางที่พระโสดาบันจะทำศีลขาด
พระโสดาบันนั้นจิตเข้าถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว...หากบำเพ็ญเพียรต่อไปอีก อย่างเร็วก็ 7 วันได้บรรลุพระอรหันต์ อย่างช้าก็ 7 ปี...
รู้สึกว่า ผิดแล้วครับ อันนี้ พระพุทธเจ้ากล่าวถึงแนวทางปฏิบัติ สติปฐาน 4 ครับ ไม่ได้เกี่ยวกับการบรรลุพระอรหัตน์ แต่ถ้าสำเร็จ โสดาบันแล้ว ไม่เกิน 7 ชาติ จะต้องนิพพาน ครับ คือสำเร็จ อรหัตน์ ส่วน 7วัน 7 ปี เป็นแนวทางการปฏิบัติเพื่อบบรลุโสดาบัน ครับ
#55
Posted 28 June 2013 - 15:42
พระโสดาบันนั้นจิตเข้าถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว...หากบำเพ็ญเพียรต่อไปอีก อย่างเร็วก็ 7 วันได้บรรลุพระอรหันต์ อย่างช้าก็ 7 ปี...
เรียนถามเป็นความรู้ แล้วต้องไปถึงระดับอนาคามีก่อนมั้ยครับ
แล้วแต่ตัวบุคคลครับ ถ้าศึกษาประวัติพระสาวกหลายๆท่าน มีหลายท่านที่เทศนาปุ๊บ บรรลุเป็นพระอรหันต์เลยก็มี อย่างพระพาหิยะเป็นต้น
บางท่านอย่างพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร ไม่ได้ฟังธรรมะจากพระพุทธเจ้าโดยตรง แต่ฟังจากคนอื่นก็บรรลุโสดาบัน แต่ไปบรรลุพระอรหันต์หลังจากที่
มาอยู่กับพระพุทธเจ้าแล้ว
หรือพระอานนท์ เป็นพระโสดาบันมานานและอุปัฏฐากพระพุทธเจ้ามาจนท่านปรินิพพานไป จึงได้เร่งฝึกและบรรลุจากโสดาบันเป็นพระอรหันต์ในคืนเดียว
ถ้าดูจากรูปแบบ พระพุทธสาวกในสมัยพุทธกาลส่วนใหญ่จะเป็นสเต็ปสั้นๆแบบนี้ครับ แต่คนที่ค่อยๆก้าวจากโสดาบันไปเป็นพระสกิทาคามี หรือไปเป็นพระอนาคามี
ส่วนใหญ่มักจะเป็นฆราวาสมากกว่า
เท่าที่ทราบในตอนนี้นะครับ อาจจะมีท่านอื่นที่ทราบมากกว่าผมก็ได้
ถูก ต้อง ครับ ไม่จำเป็นว่าเป็นโสดาบัน แล้วต้องเป็น สกทาคามี แล้ว อนาคามี จึงเป็นพระอหันต์ ได้ ขั้น ถ้าเปรียบ เป็นการสอบ
ก้ประมาณ สอบได้ 80 ขึ้นเป็นพระอรหันต์(80-100 ต่างกันที่บารมี) 60 ขึ้นไป เป็นพระอนาคามี 40 ขึ้นไปเป็น สกทาคามี 20 ขึ้น เป็นพระโสดาบัน ทีนี้เราสอบ ได้เท่าไหร่ ก็ได้ขั้นนั้นไป ไม่เหมือนเรียน ป1. แล้วขึ้นป.2 แล้วต้อง ขึ้นป.3 จากป.1 แล้วไป ม.6 เลยไม่ได้ ถ้า ยังไม่เกิน 80 จะสอบกี่ครั้งก็ได้ แต่เราไม่ตกชั้น แน่นอน ครั้งแรก ได้ 20 ครั้งต่อไปอาจจะ ได้ 60 หรือ 80 ก็ได้
#57
Posted 28 June 2013 - 16:35
ไม่มีใครบังคับให้เราเชื่อหรือศรัทธา...หรือไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา..."ปัญญาเกิดที่ตัวเราเอง"
#58
Posted 28 June 2013 - 17:01
พระสงฆ์ ก็ คือคน คนหนึ่ง...
พระสงฆ์ที่ปฎิบัติธรรม คือคน คนหนึ่งที่เสียสละความสุขสบาย เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เพื่อให้บรรลุธรรม
ความไม่เที่ยง ของคนเรา เกิดได้ในทั้งคนธรรมดา และพระสงฆ์...
ขอให้ชาวพุทธ ใช้วิจารณญาณ ในการแสดงความเคารพนับถือต่อพระสงฆ์ ตามหลักพุทธศาสนา
ทรัพย์สิน เงินทอง วัดใหญ่ๆ กิจกรรมงานใหญ่ๆ และ สตรี ก่อให้เกิด กิเลส ทั้งพระสงฆ์ และ ฆราวาส...
เมื่อรู้ตนว่าตัดกิเลสไม่ได้แล้ว ควรจะลาสิกขาบท สึกออกจากการเป็นพระสงฆ์ เพื่อให้พุทธศาสนา ไม่เปื้อนมลทิน ไปมากกว่านี้... สาธุ
- sorrow likes this
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ... ศีลธรรม เป็นกรอบรักษาจินตนาการให้ดำรงอยู่ด้วยความดีงาม...
#59
Posted 28 June 2013 - 18:39
สงสัยมาตลอดว่าทำไมวัดต่างๆ ต้องแข่งกันจัดงาน สร้างโบสถ์ ซื้อข้าวของ ระดมเงินทองเข้าวัดกันมากมายก่ายกอง
ศาสนสถานที่ดีควรจะมีสิ่งปลูกสร้างและวัตถุแต่เพียงพอดีไม่ใช่หรือคะ
สิ่งสำคัญที่ควรจะคำนึงถึงและมีให้มากคือ พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หมั่นศึกษาพระธรรมวินัย
และเผยแพร่พระพุทธศาสนาในทางที่ถูกที่ควรเท่านั้น
ไม่ใช่อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ในทุกวันนี้
นานๆไปวัดที เห็นสภาพวัดแต่ละแห่งแล้วได้แต่ปลง สร้างโบสถ์วิหาร ศาลาใหญ่โต
ข้าวของเครื่องใช้สุมกันระเกะระกะ สกปรกรกรุงรังและน่ากลัว
เคยถามเพื่อนที่ชอบไปวัดว่า ทำไมไม่มีใครจัดการอะไรให้ดูเรียบร้อยและสะอาดสะอ้านหน่อย
เพื่อนบอกว่า "ไม่ใช่หน้าที่ของคนไปวัดและไม่ใช่หน้าที่พระ"
ฟังแล้วนึกในใจว่า ... ตอบมาได้
ไปวัดทีไร รู้สึกกลัวและไม่ชอบในบรรยากาศแบบที่เห็นจริงๆ
อยากได้วัดแบบเล็กๆ เงียบๆ สะอาด และสงบร่มเย็น
มากกว่าวัดที่มีโบสถ์สามสิบห้าล้าน แต่เลอะเทอะไปทั้งวัด
#60
Posted 28 June 2013 - 18:44
อ่านเมนท์ของคุณหงส์เฒ่าเสาร์ธรรม แล้วนึกขึ้นมาได้เรื่องนึงค่ะ
สงสัยมาตลอดว่าทำไมวัดต่างๆ ต้องแข่งกันจัดงาน สร้างโบสถ์ ซื้อข้าวของ ระดมเงินทองเข้าวัดกันมากมายก่ายกอง
ศาสนสถานที่ดีควรจะมีสิ่งปลูกสร้างและวัตถุแต่เพียงพอดีไม่ใช่หรือคะ
สิ่งสำคัญที่ควรจะคำนึงถึงและมีให้มากคือ พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หมั่นศึกษาพระธรรมวินัย
และเผยแพร่พระพุทธศาสนาในทางที่ถูกที่ควรเท่านั้น
ไม่ใช่อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ในทุกวันนี้
นานๆไปวัดที เห็นสภาพวัดแต่ละแห่งแล้วได้แต่ปลง สร้างโบสถ์วิหาร ศาลาใหญ่โต
ข้าวของเครื่องใช้สุมกันระเกะระกะ สกปรกรกรุงรังและน่ากลัว
เคยถามเพื่อนที่ชอบไปวัดว่า ทำไมไม่มีใครจัดการอะไรให้ดูเรียบร้อยและสะอาดสะอ้านหน่อย
เพื่อนบอกว่า "ไม่ใช่หน้าที่ของคนไปวัดและไม่ใช่หน้าที่พระ"
ฟังแล้วนึกในใจว่า ... ตอบมาได้
ไปวัดทีไร รู้สึกกลัวและไม่ชอบในบรรยากาศแบบที่เห็นจริงๆ
อยากได้วัดแบบเล็กๆ เงียบๆ สะอาด และสงบร่มเย็น
มากกว่าวัดที่มีโบสถ์สามสิบห้าล้าน แต่เลอะเทอะไปทั้งวัด
ไปคิดอย่างนั้นก็ไม่ถูก จะว่าวัดใหญ่หรือวัดเล็ก ก็สร้างตามแรงศรัทธาของคน
ถ้าจะเอาแต่วัดเล็กๆ งั้นวัดที่ พระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลสร้าง ก็ผิดหมดละมั้ง
วัดที่สร้างถวา่ยพระพุทธเจ้า เช่นวัดพระเชตวัน ก็ใหญ่เบ่อเริ่มเทิ่มนะ หรือเจดีย์ ใหญ่ๆที่สร้างถวายพระพุทธเจ้า ก็ผิดอีกมั้ง
Edited by เหล่าฮู, 28 June 2013 - 18:46.
#61
Posted 28 June 2013 - 19:20
http://www.youtube.com/watch?v=MN8MrE92xp4&feature=player_detailpage
หลวงปู่ออกรายการของคุณกฤษณะ ท่านตอบไว้หลายคำถาม ที่ผู้คนสงสัยกันครับ
#62
Posted 28 June 2013 - 19:30
อ่านเมนท์ของคุณหงส์เฒ่าเสาร์ธรรม แล้วนึกขึ้นมาได้เรื่องนึงค่ะ
สงสัยมาตลอดว่าทำไมวัดต่างๆ ต้องแข่งกันจัดงาน สร้างโบสถ์ ซื้อข้าวของ ระดมเงินทองเข้าวัดกันมากมายก่ายกอง
ศาสนสถานที่ดีควรจะมีสิ่งปลูกสร้างและวัตถุแต่เพียงพอดีไม่ใช่หรือคะ
สิ่งสำคัญที่ควรจะคำนึงถึงและมีให้มากคือ พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หมั่นศึกษาพระธรรมวินัย
และเผยแพร่พระพุทธศาสนาในทางที่ถูกที่ควรเท่านั้น
ไม่ใช่อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ในทุกวันนี้
นานๆไปวัดที เห็นสภาพวัดแต่ละแห่งแล้วได้แต่ปลง สร้างโบสถ์วิหาร ศาลาใหญ่โต
ข้าวของเครื่องใช้สุมกันระเกะระกะ สกปรกรกรุงรังและน่ากลัว
เคยถามเพื่อนที่ชอบไปวัดว่า ทำไมไม่มีใครจัดการอะไรให้ดูเรียบร้อยและสะอาดสะอ้านหน่อย
เพื่อนบอกว่า "ไม่ใช่หน้าที่ของคนไปวัดและไม่ใช่หน้าที่พระ"
ฟังแล้วนึกในใจว่า ... ตอบมาได้
ไปวัดทีไร รู้สึกกลัวและไม่ชอบในบรรยากาศแบบที่เห็นจริงๆ
อยากได้วัดแบบเล็กๆ เงียบๆ สะอาด และสงบร่มเย็น
มากกว่าวัดที่มีโบสถ์สามสิบห้าล้าน แต่เลอะเทอะไปทั้งวัด
ไปวัดป่าบ้านตาดของหลวงตาบัวสิครับ ท่านจะได้เห็นสิ่งดีๆงามหลายอย่างเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติ
คือมีดีมากกว่าเสียครับ ทั้งกิจของสงฆ์และแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชน
- บัวทอง... and คุณหนูจีน่า like this
#63
Posted 28 June 2013 - 21:14
ถึงเวลาหรือยัง ? ...
วงการสงฆ์ไทย ....
#64
Posted 28 June 2013 - 21:31
ผมจัดเป็นพวกไร้....
ถ้านรกมีจริงคงจะหนีไม่พ้น
ลบหลู่พระมาก็หลายคน
แต่
มีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยลบหลู่ ไม่เคยแม้แต่จะคิด
พระธรรมครับ
"Imagination is more important than knowledge"
"จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"
#65
Posted 28 June 2013 - 21:45
ตรงข้างกับผมครับ ...
ผมเคารพ ศัทธา พุทธศาสนา สุดหัวใจ...
แต่ก็เพราะอย่างนี้ ผมถึงมาไล่ด่าพวกอลัชชีอยู่นี้ไงละครับ...
ปัญหาเรื่องสงฆ์นี้ เริ่มที่ตัวเราเองกันก่อนเลยไหมครับ
ง่ายๆ เลิกถวายเงินพระ
แค่นี้ผมว่าเราก็ช่วยลดพวก อลัชชีได้เยอะแล้วละครับ
เห็นบ่อยๆ พวกเอาเงินใส่บาตร ไม่รู้หรือไงว่ามันผิด ???
Edited by chaidan, 28 June 2013 - 21:48.
- อู๋ ฮานามิ and wat like this
#66
Posted 28 June 2013 - 21:53
ตรงข้างกับผมครับ ...
ผมเคารพ ศัทธา พุทธศาสนา สุดหัวใจ...
แต่ก็เพราะอย่างนี้ ผมถึงมาไล่ด่าพวกอลัชชีอยู่นี้ไงละครับ...
ปัญหาเรื่องสงฆ์นี้ เริ่มที่ตัวเราเองกันก่อนเลยไหมครับ
ง่ายๆ เลิกถวายเงินพระ
แค่นี้ผมว่าเราก็ช่วยลดพวก อลัชชีได้เยอะแล้วละครับ
เห็นบ่อยๆ พวกเอาเงินใส่บาตร ไม่รู้หรือไงว่ามันผิด ???
พระเกษม สำนักสงฆ์ป่าสามแยก ชูเรื่องอย่าถวายเงินพระมาพูดออกบ่อย
ผมเห็นด้วยเฉพาะเรื่องนี้ครับ
- chaidan likes this
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
#67
Posted 28 June 2013 - 23:20
ยุคนี้มันเลยกึ่งหนึ่งของพุทธกาลแล้วครับ ศาสนาจึงเริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ
แค่เลยมา 56 ปี เรายังเห็นความเสื่อมเกิดขึ้นจนหดหู่ใจ ถ้าเกิดนับเวลาต่อไปอีก 100 - 200 ปี ไม่รู้จะเสื่อมลงอีกขนาดไหน
ผ่านยุครุ่งเรืองของพุทธศาสนาแล้วครับ พวกเรายังโชคดีที่เกิดมากลางพุทธกาล ยังพอมีแก่นของธรรมพอให้ได้เก็บเกี่ยวไปบ้าง
สงสารพวกลูกหลานที่เกิดทีหลัง ใครจะสั่งสอนหลักธรรมให้ได้อีก ถ้าไม่ใช่เราเอง
- คนบูรพา likes this
#68
Posted 29 June 2013 - 00:37
ผมบ้านเรา มันมี2กลุ่ม ใหญ่ ที่สุดโต่งไปกันคนละด้าน งะ
1.พวกที่ มนุษย์นิยมเอามาก ไม่นับถือศาสนาใด จนถึง ไปถึงขั้นantiศาสนา เหยียดหยามคนนับถือศาสนา
2.พวกที่งมงายคลั่งลัทธิไปเลย
#69
Posted 29 June 2013 - 02:34
ยุคนี้มันเลยกึ่งหนึ่งของพุทธกาลแล้วครับ ศาสนาจึงเริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ
แค่เลยมา 56 ปี เรายังเห็นความเสื่อมเกิดขึ้นจนหดหู่ใจ ถ้าเกิดนับเวลาต่อไปอีก 100 - 200 ปี ไม่รู้จะเสื่อมลงอีกขนาดไหน
ผ่านยุครุ่งเรืองของพุทธศาสนาแล้วครับ พวกเรายังโชคดีที่เกิดมากลางพุทธกาล ยังพอมีแก่นของธรรมพอให้ได้เก็บเกี่ยวไปบ้าง
สงสารพวกลูกหลานที่เกิดทีหลัง ใครจะสั่งสอนหลักธรรมให้ได้อีก ถ้าไม่ใช่เราเอง
ขอแก้ไขครับ ปีนี้เป็นปีกึ่งพุทธกาลครับ
การนับ พ.ศ. ของเราอ้างอิงจากลังกา แต่ลังกาก็มีความคลาดเคลื่อนจากประวัติศาสตร์จริงๆ
จากหนังสือกาลานุกรมของ พระพรหมคุณาพร ท่านได้ทำการเทียบเคียงอ้างอิงกับศักราชสากล
ทำให้ทราบได้ว่า การนับปีของลังกาเคลื่อนไป 57 ปี
และ การนับ พ.ศง ของไทยกับลังกาก็ไม่ตรงกัน
เรานับปีที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นปีที่ 0 ซึ่งง่ายต่อการจดจำ คือ นำ พ.ศงมาคิดก็จะทราบปีที่ตรัสรู้เลย
แต่แบบลังกาและสากลทั่วไป จะไม่มีปีที่ 0 คือ นับ 1 ตั้งแต่ ปีแรกเลย ลังกาจึงใช้ พ.ศ. มากกว่าเรา 1 ปี
- hinotori likes this
#70
Posted 29 June 2013 - 12:04
เรื่องนี้ได้เกิดกับพระพุทธศาสนามาแล้วเมื่อกึ่งพุทธกาล
จนพระเจ้าอโศกมหาราชต้องจับพระเลว เหลือบศาสนา ฆ่าทิ้งเสีย 200000 กว่ารูป
แล้วก็ทำการสังคายนาพระไตรปิฏกใหม่ อันเป็นฉบับที่ถ้าผมจำผิดต้องกราบขออภัยมากๆ...
เป็นฉบับที่พระถังซำจั๋งเดินทางมาถึงชมพูทวีป เพื่อรับไปเผยแผ่ที่ประเทศจีน
ปล. เรียนถามท่านผู้รู้ครับ ถ้าก้าวล่วงต้องขออภัย
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพระหนุ่มๆยุคนี้ต้องใช้ชื่อว่าหลวงปู่
หลวงปู่เณรคำ
หลวงปู่พุทธอิสระ
หลวงปู่เกษม
กรณีหลวงปู่เกษมนี่อ่านเจอมาจะจะจังๆในแมเนเจอร์ครับ
เรียกว่าหลวงปู่เกษมเลย
ผมงงมาก
กระบวนการไต่สวนเพื่อจับสึกใช้วิธีแบบ cross-examination มีบันทึกไว้ในคัมภีร์กถาวัตถุ น่าสนใจมากครับ
- ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ likes this
3 user(s) are reading this topic
0 members, 3 guests, 0 anonymous users