เวลานี้โลกออนไลน์กำลังพูดถึงเฟสบุ๊ค - ทวิตเตอร์ “ผู้กองปูเค็ม” กันอื้ออึง
ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ แววตาสีสนิม ท่าทีเด็ดเดี่ยวในชื่อ “ผู้กองปูเค็ม” เปิดฉาก“ยืน”ประท้วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์เรื่องโครงการรับจำนำข้าวข้ามวันข้ามคืนที่หน้าทำเนียบรัฐบาลคนเดียวกับหน้ากาก“กายฟ๊อกส์” อันเดียวบนใบหน้า ยังผลให้สังคมโซเชียลมีเดียกล่าวขานถึงเขาด้วยความชื่นชม
ภายใต้หน้ากากของ“ผู้กองปูเค็ม”มีร้อยเอก ทรงกลด ชื่นชูผล วัย 48 ปี ในสมัยที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ใครๆเรียกเขาว่า “ผู้กองปูเค็ม”
นามปากกานี้มาจาก“ทวิตเตอร์”ของเขา ซึ่งเดิมทีมีชื่อบัญชีว่า“ทรงกลด” ต่อมาเมื่อการโพสต์ข่าวสารที่เจาะลึก เร้นลับ ชนิดที่ไม่มีใครรู้ หรือรู้ก็ไม่กล้าพูดชักถี่ขึ้นจนร้อนแรง จนเกิดแฟนคลับติดตามทุกหัวระแหง แฟนๆพร้อมใจเปลี่ยนชื่อให้เขาใหม่เป็น “ผู้กองปูเค็ม”
ซึ่ง “ผู้กอง”มาจากยศทหารของเขา และ “ปูเค็ม”มาจาก “ธุรกิจ” ของเขานั่นเอง
ร้อยเอกทรงกลดลาออกจากราชการทหารมาตั้งแต่ปี 2541 เกิดที่พิษณุโลก ครอบครัวทำปูเค็มขายเป็นล่ำเป็นสันเพื่อส่งให้ตลาดไท ฐานะปานกลาง มีพี่น้อง 4 คน 2 ในนี้เป็นทหารอากาศประกอบอาชีพนักบิน อีกคนเป็นข้าราชการ และเขาเป็นทหารบก สังกัดกรมสรรพาวุธ พิษณุโลก
“ทรงกลด”ศิษย์ “สวนกุหลาบ” สอบติดเตรียมทหารรุ่น 26 และเข้าโรงเรียนนายร้อย จ.ป.ร. รุ่น 37 เอกด้านวิศวกรรมสรรพาวุธ และรับราชการทหารมีหน้าที่ด้านซ่อมบำรุงอาวุธยุทโธปกรณ์มาด้วยดี มีความก้าวหน้าพอประมาณ
ด้วยอุปนิสัยซื่อสัตย์ รักความเป็นธรรม ห้าวหาญ โผงผาง ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ทำให้ร้อยเอกทรงกลดเป็นคนต่อต้านความอยุติธรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะ“การทุจริต”
ดังนั้นเมื่อเห็น”วงการทหาร” ไม่ใสสะอาดอย่างคุย เขาจึงร้องเรียน แต่เท่าไรก็ไม่มีใครนำพา
ที่สุดจึงตัดสินใจทำหนังสือร้องเรียนผู้บังคับบัญชาว่าทุจริตไปยังรมว.กลาโหมยุคนั้นคือ “นายชวน หลีกภัย” ที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย วันนั้นเขาถูกจับตาจากสื่อมวลชน สังคมเริ่มเห็นเขาและกล่าวขานถึงทหารผู้กล้าต่อกรกับความไม่ดีไม่งาม
ข่าวการร้องเรียนเรื่องทุจริตในค่ายทหารใหญ่ที่เขาจุดชนวนเริ่มกระเพื่อม ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนไม่น้อย ไม่ใช่กับวงการสีดำในรั้วสีเขียว แต่กับชีวิตร้อยเอกของเขาต่างหาก
เขากลายเป็นแกะดำและต้องลาออกด้วยความขมขื่นในเวลาถัดมา “เสียใจแต่ไม่เสียดาย” เขาบอก
ในวันร้ายก็ยังมีดี เพราะวันที่เสียอาชีพที่ทระนงและรักยิ่ง แต่วันนั้นเขาเจอพี่คนใหม่ “ วีระ สมความคิด” คือผู้แนะนำชีวิตโลดโผนบนถนนการเมืองภาคประชาชนให้กับเขา แม้ถอดเครื่องแบบแล้ว แต่เขายังจำได้เสมอว่า “เกิดเป็นทหารต้องรับใช้ชาติ”
กระนั้นการเดินออกมาใช้ชีวิตพลเรือนก็ล่องลอยเคว้งคว้าง ยามนั้นถึงกับคิดไม่ตกว่าจะทำอะไรหลังตกงาน ดีที่ภรรยาและลูกสนับสนุนทุกการตัดสินใจ
ท่ามกลางเศรษฐกิจฟองสบู่แตกปี 2541 อดีตนายทหารตัดสินใจทำกระชังเลี้ยงปลา แม้ไม่ถนัดแต่ต้องก้มหน้าอดทน “งานการล้มเหลวแต่ไม่ท้อ” เขาบอกกับเราด้วยเสียงเรียบๆ แต่พอหันมาช่วยแม่ทำปูเค็ม จึงเห็นว่าดีและมีตลาดของแม่นำร่องอยู่แล้ว อาชีพใหม่จึงเริ่มที่ขายปูเค็ม ฉายาผู้กองปูเค็มเริ่มที่จุดนี้ที่นี่ที่บ้านแม่
ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่ง …ตีสองของคืนวันที่แสนลำบาก “นายทรงกลด”รับสายจากเพื่อนแม่ที่ขายปูเค็มที่ระนอง ขอร้องให้มาช่วย วันนั้นเขาไม่รีรอและถ่อไปเผชิญโชคใหม่ในตลาดที่ไม่คุ้น จากระนองเข้าพม่า วิ่งไปวิ่งมาทั้งทำแพปู ลงมือดองเอง จัดเก็บและส่งตลาดไทเอง ทำไปทำมาเอ๊ะท่าจะดี ทำไปไม่กี่ปีทรงกลดก็พลิกฟื้น ^^
เพียง 12 ปีหลังลาออกจากทหารมาขายปูเค็ม เขามีแพปู 7 แห่ง ในยะไข่-ย่างกุ้ง-ทวายและมะริด จากชีวิตล้มลุกคลุกคลานมาเป็นฟื้นคืนตัว และยืนได้มั่นคง โดยย้อนมาใช้“พิษณุโลก”บ้านของแม่เป็นฐานบัญชาการกองทัพปูเค็ม
ลิขิตเป็นของฟ้า ชะตาเป็นของคน ในวันที่เขาสุขแต่พบว่าทุกข์ของชาติกำลังร้อนรุ่ม วันนั้นประชาชนคนไทยผู้รักชาติพากันออกมาเป็นพันธมิตรฯขับไล่เผด็จการทักษิณกินเมืองที่ท้องสนามหลวงเนืองแน่น
เสียงตะโกน”ทักษิณออกไป” พาจิตวิญญาณกบฏของทรงกลดพุ่งมาที่ท้องสนามหลวง และที่นั่นเขาพบ “วีระ สมความคิด” อีกครั้งหนึ่ง
ทรงกลดตัดสินใจโจนเข้าร่วมขบวนการกู้ชาติ สวมเสื้อเหลืองเรารักในหลวง เป็นแม่ทัพคุมฝึกสอนนักรบศรีวิชัย การ์ดอาสาและกองร้อยหนังสติ๊ก เมื่อเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย.ทักษิณออกไปแล้ว แต่ทรงกลดยังอยู่กับกองทัพประชาชน“ค้าขายสลับกู้ชาติ” เขาบอกอย่างนั้นและยิ้มสุขที่ได้พูดถึงพันธมิตรฯ
เพราะรู้ว่าเครื่องมือแหลมคมของการต่อสู้กับทักษิณคือ ความจริง ทำให้ทรงกลดเริ่มหันเข้าสู่โลกออนไลน์ เปิดทวิตเตอร์ทำห้องข่าวเสนอข่าวสารในชื่อ“ทรงกลด”ไม่นานก็เปรี้ยง ด้วยความเข้มของข่าวล้วนลึกลับซับซ้อนไม่เคยได้ยิน ยิ่งเรื่องทุจริตในกองทัพมีเท่าไร โหมเสนอหมดไส้หมดพุงอย่างไม่กลัว
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับวันที่เกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองในปีแรกของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ทวิตเตอร์ของเขายิ่งร้อนฉ่า ด้วยความเป็นทหารเก่าและมีเพื่อนยังประจำการอยู่ เขาอาศัยช่องว่างนี้แทรกเข้าไปเป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารความช่วยเหลือระหว่างทหารกับประชาชน และวันนั้นเองที่แฟน คลับของเขาพร้อมใจกันเรียกร้องให้เปลี่ยนจาก“ทรงกลด” เป็น“ผู้กองปูเค็ม” สั้น และง่ายต่อการจดจำ
“ทวิตเตอร์ผู้กองปูเค็ม” ดังกระฉ่อนสุดหยุดยั้ง ในฐานะนายทหารนอกราชการขายปูเค็มผู้ชอบช่วยเหลือประชาชนผู้ทุกข์ยากไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เขาต่อต้านการโกงกินทุกรูปแบบ ไม่คบหาคนชั่วไม่ว่าจะรวย มั่งคั่งสักเพียงไหน เขารักชาติ รักในหลวง พร้อมมอบกายถวายชีวิตต่อกรความชั่วทุกรูปแบบ
เข้าสู่ปีที่สองของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ประเทศไทยต้องเผชิญหน้ากับ“ม็อบเสื้อแดง”ปิดราชประสงค์ ผู้กองปูเค็มก็เห็นและมองทะลุหลังฉากอย่างไม่หวั่นเกรง ทวิตเตอร์ของเขาร้อนแรงมากขึ้น ต่อต้านขบวนการเสื้อแดงไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เวลานั้นเขาทวิตถึง“พี่หยอย” พี่ร่วมรุ่นเตรียมทหารที่เขาเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังฝึกกองกำลังเสื้อแดงและอาวุธที่นำมาประหัตประหารทหารและคนไทยด้วยกัน ทั้งเรื่องทหารขุนกองกำลังเสื้อแดง–สร้างชายชุดดำมาฆ่าทหาร–หนุนเสื้อแดงเผาเมืองช่วยทักษิณ เขาเจาะลึกชีวิตและแผนการพี่หยอยและเสธ.แดง อย่างไม่กลัวตาย ชายคนนี้จึงเป็นฮีโร่ออนไลน์อย่างมิพักต้องสงสัย
“แม้ตัวตายก็ช่างมัน ถ้าความถูกต้องอยู่ไม่ได้ อะไรก็อยู่ไม่ได้”เจ้าของทวิตเตอร์ผู้กองปูเค็ม บอก
เมื่อกองทัพเสื้อแดงเริ่มป่วนเมืองไทย ผู้กองปูเค็มหันมาแต่งกายคล้ายทหารอีกครั้ง เริ่มออกลาดตระเวนตามพื้นที่การชุมนุมเพื่อหาข่าว และที่นั่นเขาเจอ”เสธ.แดง” พล ต ขัตติยะ สวัสดิผล
“พี่แดงชวนผมมาเข้ากับกองทัพเสื้อแดง ผมจ้องตาพี่แดงเขม็ง บอกปัดไม่ใยดี”
“ตอนนั้นเพื่อนที่เป็นหน้าห้อง ผบ.ทบ.พล.อ.อนุพงษ์ โทรมาบอกให้ถอดชุดคล้ายทหารออก”
“ผมสวนกลับว่า ทหารมัวทำ***อะไรอยู่ ชาวบ้านจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว อย่ามาเห่า” อดีตร้อยเอกทรงกลดเล่าเสียงเข้ม และความที่เป็นคนกล้า เขาเคยถามพี่เสธ.แดงกลับไปว่า “ฆ่าพี่ร่มเกล้าทำไม” เสธ. แดงให้คำตอบว่า “มันคือสงครามต้องมีการสูญเสีย” เขากัดฟันเล่าเรื่องนี้ด้วยความเจ็บปวด
ช่วงเวลาที่สับสนอลหม่าน ทวิตเตอร์ผู้กองปูเค็มถูกเพื่อนทหารจาก “ศ. อ. ฉ.” ติดต่อขอข้อมูลไปใช้ ทำให้วันนั้นเขากับเพื่อนทหารกลับมาร่วมมือกันใหม่เพื่อช่วยประชาชน
“ผมไปช่วยประชาชนที่โดนเผาเมืองแทบทุกที่เท่าที่ทำได้ โดยไม่เอาอะไรเลย ทำทุกอย่างที่ชาวบ้านขอมา สุดท้ายก็ทำสงครามสื่อ สงครามจิตวิทยากลับไปด้วย” นักรบนิรนามในนิยามผู้กองปูเค็ม เริ่มออกฤทธิ์ออกเดช
ตั้งแต่วันนั้นเครือข่ายของเขาก็ขยายตัวจนถึงวันนี้ วันที่ไม่มีนักเลงคีย์บอร์ดคนไหนไม่รู้จักเฟส บุ๊ค –ทวิตเตอร์ “ผู้กองปูเค็ม”
วันนี้ผู้กองปูเค็มผู้เกรียงไกรจากกองทัพออนไลน์พูดถึงทหารไทยว่า “โรงเรียนนายร้อยปลูกฝังให้คนมีอุดมการณ์ รักชาติ รักในหลวง รักประชาชน ผมถูกปลูกฝังให้คิดถึงแผ่นดินเกิดก่อนตัวเอง”
“เราสละชีพได้เพื่อชาติของเราอย่างไม่ลังเล เพื่อความสงบสุขของแผ่นดิน มิใช่นิ่งเฉยหาผลประโยชน์ใส่ตัว สุขสบายจนปล่อยบ้านเมืองล่มจม อย่างนั้นอย่าเรียกตัวเองว่า ทหาร”
“ผมเป็นทหารทุกลมหายใจ แม้จะลาออกจากราชการแล้ว แต่ทหารก็ยังคือทหาร บ้านเมืองไม่ปกติสุข พระเจ้าอยู่หัวถูกจาบจ้วง ประชาชนถูกข่มเหงรังแก คนโกงกินมากมาย คนชั่วมาทำเราแตกแยก ทหารทั้งหลายจะอยู่สุขสบายได้อย่างไร”
“วันนี้ศึกนอกยังไม่เท่าไร แต่ศึกในนี่สิลำบาก โจรปล้นชาติโครมๆทหารจะนั่งเฉยได้ไหม”
“ผมยอมตายได้เพื่อบ้านนี้เมืองนี้ ผมไม่กลัวความชั่ว ไม่เกรงคนชั่ว”
“ผมเชื่อว่า ถ้าเราไม่เริ่มก็ไม่มีใครเริ่ม ถ้าเราไม่ทำก็ไม่มีใครทำ ถ้าเราไม่กล้าก็ไม่มีใครกล้า”
“ความกลัวมีน้อยกว่าอุดมการณ์ที่อยากทำ ถ้ามัวกลัวบ้านเมืองจะอยู่ไม่รอด ครอบครัวเราก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นต้องมีคนเริ่มแสดงตนก่อน ถ้าไม่เริ่มก็ไม่มีคนตาม “
ไม่แปลกใจทำไมผู้กองจากโลกออนไลน์ จึงกลายเป็น “ขวัญใจ”ในโลกแห่งความจริง โลกแห่งการต่อสู้กับคนชั่วที่ขาดแคลนแกนนำและแรงบันดาลใจ คำตอบทั้งหลายรวมอยู่ที่เขาแล้ว “ผู้กองปูเค็ม” คนไม่กลัวที่กล้าเริ่ม เพื่อเป็นเยี่ยงให้เราได้เดินตาม
จากคอลัมภ์ เล่าหลังไมค์ วันที่ 28 มิถุนายน 2556 โดยอัญชะลี ไพรีรัก http://www.naewna.co.../columnist/7379
Edited by ดอกปีบ FOR VENDETTA, 28 June 2013 - 10:58.