“ฑิฆัมพร” กล่าวเสริมว่า สิ่ง สำคัญที่ผู้สื่อข่าวต้องมีก็คืออย่าหลงไปกับวาทกรรมการเมือง เช่นคำว่าชาวนาได้ประโยชน์ หรือเขาจะรวยขึ้นทำไมต้องไปขวางเขา นี่คือ “วาทกรรม” แต่สิ่งที่เราต้องการคือ “ข้อมูล” ว่าเป็นอย่างไร กำไรหรือขาดทุน คนได้ประโยชน์จริงไหม
แม้ จะไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจจากรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ กระนั้น “หน้าที่” ของนักข่าว ก็ต้องขุดคุ้ยหาความจริงต่อไปว่าโครงการดังกล่าวส่งผลกระทบหรือมีจุดที่น่า ตั้งคำถามในประเด็นใดอีกบ้าง...
“อาภรณ์ รัตน์” อธิบายว่า การทำข่าวเศรษฐกิจ แค่แม่นตัวเลขยังไม่พอ ต้องทำการบ้านด้านอื่นๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะจำนำข้าว เพราะ “ข้าว” เป็นพืชการเมือง ไม่ว่ารัฐบาลไหนเข้ามาก็ต้องช่วย ดังนั้น นอกจากเรื่องตัวเลขกำไรขาดทุนแล้ว เราจะต้องรู้ถึงเรื่องระยะเวลาการผลิต ปริมาณข้าวที่ประเทศเราผลิตได้ วิธีและขั้นตอนการทุจริต ที่สำคัญมีใครได้ประโยชน์จากโครงการนี้บ้าง
ส่วน “สิริวรรณ” ให้ข้อมูลเพิ่ม เรื่องเบื้องหลังโครงการรับจำนำข้าว “ตันละหมื่นห้า” ว่า
“เรา เคยถามรัฐมนตรีบุญทรงนะว่าทำไมต้อง ตันละ 15,000 บาท ซึ่งเขาก็รู้ว่าที่ตั้งราคานี้มันโอเวอร์ไป แต่ก็อธิบายว่าตอนที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริการประเทศใหม่ๆ ก็คิดเพียงว่าจะทำอย่างไรให้ราคาที่ได้ไม่ต่างจากราคาขั้นต่ำที่ตั้งไว้วัน ละ 300 บาท เลยเป็นที่มาของโครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ด ตันละ 15,000 บาท ซึ่งการรับจำนำข้าวในราคาที่สูง มันยิ่งเปิดช่อง เมื่อเราอยู่ในพื้นที่ด้วยก็เลยเห็นว่า ช่วงไหนบ้างที่จะเกิดการทุจริต นับแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่จะขึ้นไม่ตรง มีการนำพื้นที่ปลูกอ้อยมาลงทะเบียนว่าเป็นพื้นที่ทำนา โรงสีก็อาจจะโกงน้ำหนักหรือความชื้น แล้วนักการเมืองทำยังไงเวลาขายข้าวในสต็อก เราก็ต้องเขียนข่าวแฉทุกแง่มุม” เธอว่า
ท้ายสุด เมื่อถามว่าสื่อจะสามารถยับยั้งหรือสกัดกั้นการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้หรือไม่ ?
“อาภรณ์ รัตน์” มองว่า คงทำไม่ได้ เพราะไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ไม่ทิ้งชาวนา ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญ ดังนั้น นโยบายนี้ทุกรับบาลต้องทำ แต่จะโกงมากหรือโกงน้อยเท่านั้นเอง หน้าที่ของสื่อคือการเปิดโปงแม้ว่าเราจะเปลี่ยนใครไม่ได้
“หน้าที่ ของเราคือเปิดโปง อย่างตอนนั้น แม้เราไม่สามารถงัดตัวเลขออกมาได้ แต่สิ่งที่เราทำสำเร็จคือเราทำให้ชาวบ้านได้เห็นกันเองว่ามันมีความผิดปกติ แบบนี้อยู่ แล้วมีมากขึ้นทุกที” เธอว่า
ขณะที่ “ฑิฆัมพร” กล่าวปิดท้ายการเสวนาว่า “สื่อ ก็เหมือนกับสุนัขที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน ใครจะเข้ามาขโมยทรัพย์สินในบ้านเรา เราก็เห่าไว้ก่อน แต่จะไปบอกให้เขาเป็นคนดีนะ เราบอกไม่ได้”
(ขอบคุณข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา)
นักข่าวสตรีกท.พาณิชย์กลุ่มนี้'ยกตนข่มท่าน' ข่มบุญทรง ข่มณัฐวุฒิ....
คนมีความรู้ดีกว่า ฉลาดกว่า มีจริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตมากกว่า ไม่ควรประจานนักการเมืองซึ่งได้ดิบได้ดี...
ได้ตำแหน่งเพราะเป็นลูกน้องซาเปาแดง หรือ แกนนำไพร่เสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง เผากรุงเทพ เผาเซ็นทรัลเวิลด์....!
Edited by ปุถุชน, 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 07:58.