พลันที่ฝุ่นควันของการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยิ่งลักษณ์ 5 เริ่มจางลง
เสียงวิจารณ์ทั้งด้านบวก ด้านลบปรากฏขึ้น มีการตั้งคำถามต่อหน้าตา ครม.ชุดล่าสุด ที่เต็มไปด้วยอดีตข้าราชการประจำ เคล้ากับนักการเมืองหน้าเก่าแถว 3 ในพรรคเพื่อไทย
แม้บางตำแหน่ง บางกระทรวง จะได้นักการเมืองที่ "เก๋า" ประสบการณ์จากบ้านเลขที่ 111 ไปกำกับ แต่ก็ถูกมองว่าตั้งแบบผิดฝา ผิดตัวหรือไม่
เสียงวิจารณ์ยิ่งส่งเสียงดัง เมื่อ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ควบ รมว.กลาโหม เป็นสตรีเพศคนแรกที่สวมบทคุมกองทัพ
"ดร.ไชยันต์ ไชยพร" อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์ผ่านหน้ากระดาษ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า นี่คือสัญญาณของการนับถอยหลังยุบสภา
- การทำงาน 2 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อะไรคือจุดบวก จุดลบ
2 ปีที่ผ่านมา ปรับ ครม.เยอะเพื่อให้อยู่ครบ 4 ปี และความชัดเจนของปัญหาคือเป็นนักการเมืองแถว 3 ของพรรคไทยรักไทยเก่า ที่ฝีมือก็ไม่ได้เก่งกาจเท่าไหร่ อาศัยเงื่อนไขทางการเมืองให้ได้เสียงข้างมากมาเป็นรัฐมนตรี นั่นคือจุดอ่อนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ไม่สามารถได้รัฐมนตรีที่มีฝีมือและมีประสบการณ์ทางการเมือง
ส่วนตัวนายกรัฐมนตรี คือตัวปัญหา ขาดความรู้ความสามารถในการบริหารประเทศ ขาดความรู้ความเข้าใจปัญหาสลับซับซ้อนที่เป็นปัญหาระดับชาติ เรื่องจำนำข้าวก็ไม่สามารถแอ่นอกรับ หรืออธิบายปกป้องได้ชัดเจน เป็นรัฐบาลที่เอานายกฯลอยตัว ซึ่งในระบอบรัฐสภาเอานายกฯลอยตัวไม่ได้ นายกฯต้องทำงาน
- แต่นายกฯก็พัฒนาตัวเองขึ้นในหลายเรื่อง
พัฒนาขึ้น แต่ก็พัฒนาในแง่การพูดโดยไม่ต้องอ่านบท แต่วิสัยทัศน์นายกฯไม่มีความมั่นใจ ปกป้องประเด็นต่าง ๆ อย่างละเอียดไม่ได้เลย แต่มั่นใจในเรื่องออกไปเจริญสัมพันธไมตรี ทำกับข้าว อุ้มเด็ก
แต่ข้อดีของรัฐบาลคือ 2 ปีที่ผ่านมาไม่พยายามไปแตะต้องประเด็นเปราะบาง พยายามประนีประนอมกับฝ่ายชนชั้นนำที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ภาพของการรักษาสถาบัน ไม่พยายามดื้อดันทุรังแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่มาเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันกฎหมายที่เป็นเรื่องเปราะบาง คือกฎหมายนิรโทษกรรม หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- ที่ไปแตะกฎหมายที่เปราะบางในระยะหลังเพราะอะไร
ก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหาจำนำข้าว แม้การทำงานของรัฐบาลไม่ได้ดีเด่นอะไร แต่ก็ไม่ถึงกับเห็นชัดว่าล้มเหลวขนาดหนัก พอผ่านมาครบ 2 ปี และเสียงรัฐบาลกำลังดี เขาก็กล้าเข็นกฎหมายเข้าสภา เพื่อหวังว่าสังคมจะรับได้ แต่พอเกิดปัญหาจำนำข้าวขึ้นมา ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะดันทุรังขับเคลื่อนกฎหมายนี้ในเดือนสิงหาคมอย่างจริงจังหรือเปล่า เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคือ เรื่องโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท แต่ถึงไม่แตะการนิรโทษกรรม การปรองดอง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เอาแค่เข็น พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ฝ่ายค้านก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว สังคมอาจไม่เห็นด้วยต่อมาก็ได้
(มีต่อค่ะ)
V