คลังรับไม่ได้ “สุภา” ปูดรัฐบาลเจ๊งจำนำข้าว สั่งตั้ง คกก.สอบ “กิตติรัตน์” ยอมรับข่าวที่ออกมาสร้างความไม่สบายใจให้แก่หน่วยงานที่ถูกอ้างอิง เสมือนเป็นการกล่าวหาในทางปฏิบัติ หากไม่ได้พูดตามที่มีสื่อรายงานก็จะทำให้ “สุภา” พ้นข้อกังวล ด้านเจ้าตัวยันไม่รู้สึกอะไร เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง โดยปลัดกระทรวงคลัง ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ไปให้ข้อมูลโครงการรับจำนำข้าวในคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ (กมธ.) วุฒิสภา กรณีระบุว่าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกมีการทุจริตทุกขั้นตอน โดยระบุว่า ข้อเท็จจริงที่ น.ส.สุภา ให้ต่อคณะกรรมาธิการ เศรษฐกิจ วุฒิสภา กับการรายงานข่าวของสื่อมวลชนตรงกันหรือไม่
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ข่าวที่ออกมาสร้างความไม่สบายใจให้แก่หน่วยงานที่ถูกอ้างอิง เสมือนเป็นการกล่าวหาในทางปฏิบัติ กระทรวงการคลัง ก็เลยตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อหาข้อเท็จจริง หากผลตอบสอบเป็นไปตามที่ น.ส.สุภา อ้างว่าไม่ได้พูดตามที่มีสื่อรายงานก็จะทำให้ น.ส.สุภา พ้นข้อกังวล
โดยก่อนหน้านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความไม่พอใจถึงการชี้แจงของ น.ส.สุภา จนเป็นที่มาของการตั้งกรรมการสอบวินัย
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า กรณีปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ได้ลงนามแต่งตั้ง นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ด้าน น.ส.สุภา เปิดเผยกับสื่อว่า การถูกตั้งกรรมการสอบวินัยกรณีไปชี้แจง กมธ.เศรษฐกิจ วุฒิสภา โดยยืนยันว่า ตนเองไม่รู้สึกอะไร เนื่องจากได้ทำตามหน้าที่ ขณะที่ นายกิตติรัตน์ และนายอารีพงศ์ ก็ทำตามหน้าที่เช่นกัน เราเคารพซึ่งกันและกัน โดยยืนยันว่า การไปชี้แจงต่อ กมธ.ฯ ได้บอกไปว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกมีความเสี่ยง และโอกาสที่จะเกิดการทุจริตในทุกขั้นตอน เพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง 10 หน่วยงาน เช่น กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ เกษตรกร ดังนั้น จึงมีโอกาสที่จะเกิดการทุจริตได้ เช่น ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การทำประชาคม เป็นต้น
“มีกรรมาธิการคนหนึ่งถามว่า ขั้นตอนไหนมีการโกงมากที่สุด ซึ่งดิฉันบอกไปว่า ทุกขั้นตอนมีความเสี่ยงที่จะเกิดการทุจริตทั้งนั้น และได้ยกตัวอย่างการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่มีส่วนเกินออกมา รวมถึงตัวเลขสต๊อกข้าวสารส่วนเกินอีก 3 ล้านตัน และตัวเลขขาดทุน 2.2 แสนล้านบาท”
น.ส.สุภา ยืนยันว่า สิ่งที่ตนเองได้ชี้แจง กมธ.ฯ ไปนั้น มีเอกสารรายงานที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกฯ จัดทำขึ้น และได้ส่งให้นายกฯ รับทราบไปตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา...
http://www.manager.c...D=9560000081914