เห็นคนสอบไอ้คำแระ นึกสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมไม่มีคนไปสอบไอ้น๊ะจ๊ะมันมั่ง
เพราะจำได้ว่ามันขาดจากความเป็นพระไปแล้ว
แต่ทำไมตอนนี้ถึงยังนั่งจ๊ะจ๋าอยู่ในวัดได้อีก
สงสัยเป็นอย่างยิ่ง
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:11
เห็นคนสอบไอ้คำแระ นึกสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมไม่มีคนไปสอบไอ้น๊ะจ๊ะมันมั่ง
เพราะจำได้ว่ามันขาดจากความเป็นพระไปแล้ว
แต่ทำไมตอนนี้ถึงยังนั่งจ๊ะจ๋าอยู่ในวัดได้อีก
สงสัยเป็นอย่างยิ่ง
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:19
ไอ้คำรวยร้อยล้าน แต่ไอ้ยูรินี่หลักแสนล้านครับ เงินทั้งนั้นใครกล้าแตะ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:24
Edited by โคนัน, 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:25.
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:30
สาวก พี่เณร ใหญ่ไม่พองัย พอสอบจานบิน เดี๋ยว DSI โดน จานบิน ฟิ๊ว~~~~~~~~~~~~~~~~ ใส่หัว
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:31
แบบว่า วัดธรรมกายเป็นวัดฝ่ายมหานิกาย
เรียกว่าเป็นกำลังสำคัญเอาไว้คานกับฝ่ายธรรมยุติ
เก็บไว้ดีกว่าทำลายทิ้งกระมัง ไปวัดไหนที่เป็นมหานิกายดูสิ
เทศทีมีแต่เชิดชูวัดธรรมกายดีอย่างนั้นอย่างนี้ทั้งนั้น
ไม่รู้ไปรับอะไรมาจากวัดนี้บ้างหรือเปล่า
Edited by phoosana, 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:34.
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:32
คิดเอาง่ายๆ ขนาดพระป่าบ้านนอกยังมีเครื่องเจ็ทไว้นั่งเล่น
นับประสาอะไรกับพระในเมืองจะมีจานบินไว้นั่งเล่นไม่ได้....แถมมีตั้งหลายลำ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:35
ไอ้แทมมี่นี่ ถ้าหากให้ Forbes มาจัดอันดับนี่เผลอๆแซงปู่ Warren เอา
"Power tends to corrupt, and absolute power corrupts absolutely."
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:41
ก็นะ อันนี้ ได้ยิน มากะ หูตัวเอง เลย
คือ ตอนผม ไปนั่ง สมาธิ อยู่ อะครับ
เค้า เคยฉาย วีดีโอ หรือ พระ ท่านพูด ผม จำไม่ค่อยได้
ท่านบอกว่า การทำบุญ กับ พระสงฆ์ กับ พระศาสนา
ได้บุญ มากกว่า การ สงเคราะห์โลก
เช่น การ ทำบุญ บ้าน เด็กกำพร้า คนชรา คนพิการ
หรือ แม้แต่ การเก็บเงิน เก็บทอง ให้ พ่อแม่ ลูก หลาน
อีตานี้ คือ ลูกศิษย์ แก ก็จะเป็น ประเภท
อยากได้ บุญมาก ๆ อยู่เยอะ นะ ผมเคยอ่านใน วารสาร
เค้าบอก ยิ่งทำ ยิ่งได้ คือ หาเงิน ได้เยอะ ด้วยนะ
ได้มาเยอะ ก็ยิ่ง ทำบุญ ให้วัด อีก เยอะ ๆ
ทีนี้ เค้าจะไม่ค่อย ไปทำให้ บ้านเด็กกำพร้า หรือ
คนชรา ละ แต่ ไม่รู้นะ ครอบครัว ตัว ช. กับ ตัว ว.
กับ ตัว ด. อะ ลูกศิษย์ หลวงพี่ อะ
แกจะเชื่อ คือ จะทำให้ วัด เยอะ ๆ (แต่ครอบครัว
พวกนี้ แกฉลาด แก ผ่านบุญ มาที่ พวกเรา
เลยเอาเงิน หลวง ไปทำก่อน ไง ฮะ ๆ)
แต่ ไม่รู้นะ พวกครอบครัว 3 เกลอ นี่ แกยังอุตส่าห์
ดื้อ กับ หลวงพี่ แอบเม้ม ให้ลูกให้หลาน ไว้ สัก
ไม่มากไม่มาย หลักแสนล้าน เท่านั้นเอ๊งงงง
เฮอะ ๆ นี่ผิดคำสอน ไปหน่อย อะ ผมว่า
ถ้าถูกเป๊ะ ๆ นี่ ลูกหลาน นี่ต้องได้น้อย กว่า วัด อะ
เคยได้ยิน ไหมอะ เค้าบอก มี 3 แสน
ต้องทำ 3 แสน อะ อันนี้ ได้ยิน กะหู ด้วยล่ะ
เออ วันนั้น พอดี นั่งสมาธิ แล้วใจสงบ
พอได้ิยิน คำนี้ เลย ใจสว่าง หายสงสัย เลยอะ
ฮะ ๆ ไม่ใช่ว่า หายสงสัย แล้ว ต้องเอาเงิน
ไปทำบุญ นะ คือ ผมมัน ขี้เหนียว อยู่แล้ว แถมจนด้วย
แต่ที่ หายสงสัย คือ เออ
แบบนี้ ไปนั่งที่บ้าน ก็เหมือนกัน อะ ฮะ ๆ
อะไรฟะ ไม่ทันไร เผยไต๋
ขอให้พวกเรา ชาวหลากสี และพันธมิตร จงมีชีวิตรอด จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝีมือปูนา ไปตลอดรอดฝั่งด้วยครับ
PEMDAS ย่อมาจาก ลำดับการคำนวณ Parentheses , Exponentials , Multiply , Divide , Add , Subtract
FWGHSO ย่อมาจาก ลำดับการประเมินผลของ query FROM, WHERE, GROUP BY, HAVING, SELECT, ORDER BY
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:45
มีเยอะทำเยอะได้บุญเยอะ อย่าให้ตกซักบุญนะลูก
เอิ่กๆๆๆๆ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:51
อาร๊าย... ขนาดผลออกมาแล้ว
ยังทำห้าอะไรไม่ได้ แล้วจะไปสอบใหม่ ทามมาย?...
พวกที่จะมีหน้าที่สอบนั่น ก็สาวกนิกายนี้เกือบทั้งนั้น ไม่ใช่หรือ?
หรือถึงไม่ใช่สาวก ก็มีส่วนได้เสียกับกิจกรรมต่างๆบ้างแหล่ะ
ไม่เชื่อไปถาม รมต.ศึกษาคนใหม่ดูได้...
Edited by Suraphan07, 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:52.
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:59
แบบว่า วัดธรรมกายเป็นวัดฝ่ายมหานิกาย
เรียกว่าเป็นกำลังสำคัญเอาไว้คานกับฝ่ายธรรมยุติ
เก็บไว้ดีกว่าทำลายทิ้งกระมัง ไปวัดไหนที่เป็นมหานิกายดูสิ
เทศทีมีแต่เชิดชูวัดธรรมกายดีอย่างนั้นอย่างนี้ทั้งนั้น
ไม่รู้ไปรับอะไรมาจากวัดนี้บ้างหรือเปล่า
มหานิกาย กะ ธรรมยุติ ต่างกันยังไงครับ #ถามแบบคนไม่รู้จริงๆ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 11:01
อาร๊าย... ขนาดผลออกมาแล้ว
ยังทำห้าอะไรไม่ได้ แล้วจะไปสอบใหม่ ทามมาย?...
พวกที่จะมีหน้าที่สอบนั่น ก็สาวกนิกายนี้เกือบทั้งนั้น ไม่ใช่หรือ?
หรือถึงไม่ใช่สาวก ก็มีส่วนได้เสียกับกิจกรรมต่างๆบ้างแหล่ะ
ไม่เชื่อไปถาม รมต.ศึกษาคนใหม่ดูได้...
![]()
สงสัยในอนาคตเราคงจะได้มี "ศาสนาประจำชาติ" แน่ๆ > <
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 11:16
เดี้ยวนี้มีบัตรเครดิตบุญเเล้วนะจ๊ะ ญาติโยมจะได้ทำบุญจ่ายเงินให้ธรรมกายดูดทรัพย์ได้ไม่ติดขัดไง
.... ไอ้บ้าเอ่ย คนไม่มีตังก้อน *คุณ*ยังให้จ่ายทางบัตรเครดิตเป็นหนี้สะสมอีก
แล้วต้องจ่ายอีกเท่าไรหว่ะ ญาติโยมถึงจะได้ขึ้นสวรรค์?
Edited by Rarm41, 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 11:19.
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 11:31
มันอยู่นอกเหนืออำนาจ DSI ครับ ต้องให้ ตำรวจอวกาศ ตรวจสอบแทนครับ
" ประกาศบอยคอต ช่อง 3 ไม่ว่าจะข่าว ละคร หรือการ์ตูนลูก กรูไม่ดู !!! "
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 11:47
เชี่ยแระ!!!!
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 11:49
http://th.wikipedia..../ธรรมยุติกนิกาย
ลองอ่านดูครับ
ที่ต่างกันแบบชัดๆ
คำขอบวชต่างกัน
ครองจีวรต่างกัน
ฉันอาหารต่างกัน(ในบาตร นอกบาตร)
การรับปัจจัยต่างกัน(รับโดยตรงกับมือ มีคนรับแทน)
ทีนี้ปัญหามันเกิดตรงที่เมื่อยกฐานะเป็นนิกายแล้ว พระสงฆ์มหานิกาย กับ ธรรมยุติกนิกาย จะไม่ร่วมสังฆกรรม กัน
ในมหาเถรสมาคมเองก็มีปัญหาเพราะต้องรักษาสมดุลระหว่างสองนิกายก็มีพระราชาคณะจากทั้งสองนิกาย
เมื่อพระนิกายหนึ่งลงความเห็นในทางใดทางหนึ่ง พระอีกนิกายก็จะนิ่งเงียบเสีย ไม่แสดงอาการสนับสนุน
พระรูปไหนสนับสนุน อาจถูกขับไปอยู่อีกนิกายหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่แต่ก็ฟังเขามาอีกที ทำให้ขาดเอกภาพ
พระสายธรรมยุติมีกำเนิดจาก ร.4 และมีวัตรปฎิบัติที่น่าเลื่อมใสกว่า
เลยได้ความนิยมจนไปถึงราชพิธีก็จะใช้พระจากวัดธรรมยุติ
และที่เป็นปัญหาอีกเรื่องตำแหน่งพระสังฆราช ส่วนใหญ่จะมาจากธรรมยุติมากกว่ามหานิกาย
ทำให้ฝ่ายมหานิกายก็ไม่ค่อยพอใจทั้งที่ฝ่ายมหานิกายมีพระสงฆ์เยอะกว่า
Edited by phoosana, 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 11:56.
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 12:09
http://th.wikipedia..../ธรรมยุติกนิกาย
ลองอ่านดูครับ
ที่ต่างกันแบบชัดๆ
คำขอบวชต่างกัน
ครองจีวรต่างกัน
ฉันอาหารต่างกัน(ในบาตร นอกบาตร)
การรับปัจจัยต่างกัน(รับโดยตรงกับมือ มีคนรับแทน)
ทีนี้ปัญหามันเกิดตรงที่เมื่อยกฐานะเป็นนิกายแล้ว พระสงฆ์มหานิกาย กับ ธรรมยุติกนิกาย จะไม่ร่วมสังฆกรรม กัน
ในมหาเถรสมาคมเองก็มีปัญหาเพราะต้องรักษาสมดุลระหว่างสองนิกายก็มีพระราชาคณะจากทั้งสองนิกาย
เมื่อพระนิกายหนึ่งลงความเห็นในทางใดทางหนึ่ง พระอีกนิกายก็จะนิ่งเงียบเสีย ไม่แสดงอาการสนับสนุน
พระรูปไหนสนับสนุน อาจถูกขับไปอยู่อีกนิกายหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่แต่ก็ฟังเขามาอีกที ทำให้ขาดเอกภาพ
พระสายธรรมยุติมีกำเนิดจาก ร.4 และมีวัตรปฎิบัติที่น่าเลื่อมใสกว่า
เลยได้ความนิยมจนไปถึงราชพิธีก็จะใช้พระจากวัดธรรมยุติ
และที่เป็นปัญหาอีกเรื่องตำแหน่งพระสังฆราช ส่วนใหญ่จะมาจากธรรมยุติมากกว่ามหานิกาย
ทำให้ฝ่ายมหานิกายก็ไม่ค่อยพอใจทั้งที่ฝ่ายมหานิกายมีพระสงฆ์เยอะกว่า
นิกายนี้เนี่ย ที่เรียกว่า "พระป่า" หรือเปล่าครับ ที่ครองจีวรสีเข้ม และ ฉันท์มื้อเดียว
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 12:18
อวด อุตริ ก้น่าจะดดนด้วย บอกว่า เจอ สตีป จ๊อบ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 12:25
คงไม่ใช่ครับ ทั้งสองนิกาย มีทั้งพระป่า พระบ้าน
ศาสนกิจคือ สิ่งที่พระภิกษุต้องปฏิบัติหลังจากบวชแล้ว ท่านเรียกว่า
"ธุระ" มี 2 อย่างคือ
1. คันถธุระ = ธุระฝ่ายคัมภีร์ กิจด้านการเล่าเรียน, ศึกษาพระธรรมวินัย = คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด
2. วิปัสสนาธุระ = ธุระฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐาน = กิจด้านการบำเพ็ญภาวนาหรือเจริญกรรมฐาน
ตามระบบในพระวินัย พระภิกษุต้องอยู่ในสำนักเดียวกับอุปัชฌาย์ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยอย่างน้อย 5 พรรษา (นวกภูมิ) จึงจะพ้นจากนิสัย (นิสัยมุตตกะ) ไปอยู่ที่อื่นได้และในระหว่างนั้นก็ต้องศึกษาด้านคันถธุระเป็นพื้นฐาน อาจจะมีการปฏิบัติที่หลังหรือควบคู่ไปกับการศึกษาก็ได้ตามความเหมาะสม ปริยัติเป็นบาทฐานสู่ปฏิบัติ ปฏิบัติเป็นบาทฐานสู่ปฏิเวธ
มีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งชอบและถนัดในด้านปริยัติ จึงมีหน้าที่รวบรวม ประมวล ถ่ายทอด เผยแพร่คำสั่งสอนของพระพุทธองค์ไปสู่ผู้อื่น และบริหารดูแลกิจการคณะสงฆ์ พระสงฆ์กลุ่มนี้เรียกว่า "พระสายปริยัติ" พระสายนี้มักจะอยู่กับที่ อยู่ในสำนัก ในวัดและอยู่ใกล้กับบ้าน ต่อมาก็อยู่ใกล้เคียงกับชาวบ้าน จึงมักถูกเรียกว่า "พระบ้าน" (คามวาสี)
ธุดงควัตร-จุดกำเนิดของพระป่า
ในการปฏิบัติ พระพุทธองค์ทรงแนะนำพระภิกษุไปอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม ที่ที่ทรงแนะนำ เช่น สุญญาคาร (เรือนว่าง) ป่าช้า ป่า โคนไม้ เป็นต้น ซึ่งเป็นที่สัปปายะ (สะดวกและเหมาะสม) สำหรับการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง
ในสมัยพุทธกาลพระมหากัสสปเถระนิยมชมชอบการปฏิบัติธรรมในลักษณะเช่นนี้ เท่านั้นยังไม่พอท่านยังปฏิบัติให้เคร่งครัดเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีกโดยการปฏิบัติธุดงควัตร(ธรรมอันเป็นอุบายดับกิเลส และช่วยส่งเสริมความมักน้อยสันโดษ) จนพระบรมศาสดาสรรเสริญท่านให้เป็นเอตทัคคะในด้านนี้ ซึ่งมีพระอีกจำนวนมากที่ชอบและถนัดในการปฏิบัติในสายนี้
ต่อมาพระในสายนี้ได้เป็นตัวแทนพระภิกษุที่ปฏิบัติเคร่งครัด ที่เราเรียกว่า "พระป่า" (อรัญวาสี)
ข้อสังเกตประการหนึ่งต่อสายพระป่า ได้แก่ พระพุทธองค์ไม่ทรงบังคับให้พระภิกษุทุกรูปปฏิบัติเช่นนี้ตลอดเวลา หลักฐานที่ปรากฏชัด เช่น ข้อเสนอของพระเทวทัต 5 ประการ เช่น การอยู่ป่าเป็นวัตร บิณฑบาตเป็นวัตร เป็นต้น พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาต โดยให้ถือเป็นทางเลือกก็พอ
ปฏิเวธ คือ จุดมุ่งหมายของพระทั้ง 2 สาย
การบรรลุธรรม (วิมุตติ) เป็นจุดหมายสูงสุดของการบวชในพระพุทธศาสนา การบรรลุธรรมต้องอาศัยทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติควบคู่กันไป ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปก็จะทำให้การบรรลุธรรมเป็นไปได้ยาก พระสงฆ์ที่เก่งด้านปริยัติอย่างเดียวไม่ปฏิบัติก็มืดบอด ปฏิบัติอย่างเดียวไม่มีปริยัติก็หลงทาง ทั้งสองฝ่ายต้องอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อไปสู่หนทางเดียวกันคือปฏิเวธ
อีกประการหนึ่ง ในการธำรงและสืบทอดพระศาสนา ทั้งปริยัติและปฏิบัติ เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องป้องกันพระศาสนาไม่เสื่อมลง เมื่อไม่มีปริยัติ ปฏิบัติก็ไม่มี ปฏิเวธไม่ต้องพูดถึง เพราะปริยัติ (พุทธธรรม) เป็นผลมาจากการปฏิบัติของพระพุทธเจ้าและพระสาวก ซึ่งได้แก่ ปฏิเวธนั่นเอง
พระป่า-พระบ้านในเมืองไทยกับริบทที่แปรเปลี่ยน
เมื่อประเทศไทยรับพระพุทธศาสนาเข้ามา เราไม่ได้รับเข้ามาเพียงหลักธรรมเท่านั้น แต่ยังได้รับวัฒนธรรมของสงฆ์เข้ามาอีกด้วย ในสมัยสุโขทัย มีการแบ่งพระสงฆ์ออกเป็น 2 ฝ่ายเช่นกัน คือ
1. คามวาสี คือ คณะของพระภิกษุที่ศึกษาเน้นหนักในด้านพระพุทธวจนะในพระไตรปิฎก อรรถกถา และคัมภีร์ต่างๆ รวมทั้งวิทยาการต่างๆ อาศัยอยู่ในเขตเมืองหรือใกล้ชุมชน
2. อรัญวาสี คือ คณะของพระภิกษุที่เน้นหนักในด้านการปฏิบัติ มุ่งบำเพ็ญภาวนา อยู่ในป่าและสถานที่ห่างไกลจากบ้านและชุมชนออกไป
การแบ่งคณะสงฆ์ในลักษณะนี้ เนื่องจากเงื่อนไขทางสังคมเปลี่ยนไปจากเรื่องศาสนามาเป็นเรื่องสังคมและการเมือง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม จนมาถึงรัตนโกสินทร์ คณะสงฆ์ได้แบ่งออกไปเป็น 2 นิกาย คือ
1. มหานิกาย - พระสงฆ์จำนวนมากที่เป็นฝ่ายดั้งเดิม
2. ธรรมยุต - พระสงฆ์คณะใหม่ มีระเบียบวิธีปฏิบัติและความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนจากเดิม
ทั้งมหานิกายและธรรมยุต มีพระทั้ง 2 แบบ คือ มีทั้งพระป่าและพระบ้านทั้ง 2 นิกาย ต่อมาพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ พระเถระที่ชาวบ้านนับถือว่าเป็นพระสุปฏิปันโน มีศีลาจารวัตรงดงามและเป็นต้นแบบพระสายป่าในเมืองไทย ท่านได้นำการธุดงค์และอยู่ป่าเป็นวัตร มาเผยแพร่จนเป็นที่ยอมรับในคณะสงฆ์และสร้างศรัทธาในหมู่ญาติโยม ข้อสังเกตจากพระภิกษุสายอาจารย์มั่น คือ เป็นฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ผู้คนส่วนใหญ่จึงมักจะคิดว่าพระสายป่าที่ปฏิบัติเคร่งครัดเป็นพระสายธรรมยุต ไปด้วย
http://www.dhammatha...ticles/phra.php
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 12:41
อาร๊าย... ขนาดผลออกมาแล้ว
ยังทำห้าอะไรไม่ได้ แล้วจะไปสอบใหม่ ทามมาย?...
พวกที่จะมีหน้าที่สอบนั่น ก็สาวกนิกายนี้เกือบทั้งนั้น ไม่ใช่หรือ?
หรือถึงไม่ใช่สาวก ก็มีส่วนได้เสียกับกิจกรรมต่างๆบ้างแหล่ะ
ไม่เชื่อไปถาม รมต.ศึกษาคนใหม่ดูได้...
![]()
คนเก่าก็ใช่ย่อยนิ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 12:41
ประเทศไทยเราถ้าคุณรวยถึงระดับนึงไม่ว่าใครหน้าไหนหรือแม้แต่กฏหมายก็จะทำอะไรคุณไม่ได้...
น่าอาย แต่มันจริง
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 13:03
คงไม่ใช่ครับ ทั้งสองนิกาย มีทั้งพระป่า พระบ้าน
ศาสนกิจคือ สิ่งที่พระภิกษุต้องปฏิบัติหลังจากบวชแล้ว ท่านเรียกว่า
"ธุระ" มี 2 อย่างคือ
1. คันถธุระ = ธุระฝ่ายคัมภีร์ กิจด้านการเล่าเรียน, ศึกษาพระธรรมวินัย = คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด
2. วิปัสสนาธุระ = ธุระฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐาน = กิจด้านการบำเพ็ญภาวนาหรือเจริญกรรมฐาน
ตามระบบในพระวินัย พระภิกษุต้องอยู่ในสำนักเดียวกับอุปัชฌาย์ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยอย่างน้อย 5 พรรษา (นวกภูมิ) จึงจะพ้นจากนิสัย (นิสัยมุตตกะ) ไปอยู่ที่อื่นได้และในระหว่างนั้นก็ต้องศึกษาด้านคันถธุระเป็นพื้นฐาน อาจจะมีการปฏิบัติที่หลังหรือควบคู่ไปกับการศึกษาก็ได้ตามความเหมาะสม ปริยัติเป็นบาทฐานสู่ปฏิบัติ ปฏิบัติเป็นบาทฐานสู่ปฏิเวธ
มีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งชอบและถนัดในด้านปริยัติ จึงมีหน้าที่รวบรวม ประมวล ถ่ายทอด เผยแพร่คำสั่งสอนของพระพุทธองค์ไปสู่ผู้อื่น และบริหารดูแลกิจการคณะสงฆ์ พระสงฆ์กลุ่มนี้เรียกว่า "พระสายปริยัติ" พระสายนี้มักจะอยู่กับที่ อยู่ในสำนัก ในวัดและอยู่ใกล้กับบ้าน ต่อมาก็อยู่ใกล้เคียงกับชาวบ้าน จึงมักถูกเรียกว่า "พระบ้าน" (คามวาสี)
ธุดงควัตร-จุดกำเนิดของพระป่า
ในการปฏิบัติ พระพุทธองค์ทรงแนะนำพระภิกษุไปอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม ที่ที่ทรงแนะนำ เช่น สุญญาคาร (เรือนว่าง) ป่าช้า ป่า โคนไม้ เป็นต้น ซึ่งเป็นที่สัปปายะ (สะดวกและเหมาะสม) สำหรับการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง
ในสมัยพุทธกาลพระมหากัสสปเถระนิยมชมชอบการปฏิบัติธรรมในลักษณะเช่นนี้ เท่านั้นยังไม่พอท่านยังปฏิบัติให้เคร่งครัดเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีกโดยการปฏิบัติธุดงควัตร(ธรรมอันเป็นอุบายดับกิเลส และช่วยส่งเสริมความมักน้อยสันโดษ) จนพระบรมศาสดาสรรเสริญท่านให้เป็นเอตทัคคะในด้านนี้ ซึ่งมีพระอีกจำนวนมากที่ชอบและถนัดในการปฏิบัติในสายนี้
ต่อมาพระในสายนี้ได้เป็นตัวแทนพระภิกษุที่ปฏิบัติเคร่งครัด ที่เราเรียกว่า "พระป่า" (อรัญวาสี)
ข้อสังเกตประการหนึ่งต่อสายพระป่า ได้แก่ พระพุทธองค์ไม่ทรงบังคับให้พระภิกษุทุกรูปปฏิบัติเช่นนี้ตลอดเวลา หลักฐานที่ปรากฏชัด เช่น ข้อเสนอของพระเทวทัต 5 ประการ เช่น การอยู่ป่าเป็นวัตร บิณฑบาตเป็นวัตร เป็นต้น พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาต โดยให้ถือเป็นทางเลือกก็พอ
ปฏิเวธ คือ จุดมุ่งหมายของพระทั้ง 2 สาย
การบรรลุธรรม (วิมุตติ) เป็นจุดหมายสูงสุดของการบวชในพระพุทธศาสนา การบรรลุธรรมต้องอาศัยทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติควบคู่กันไป ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปก็จะทำให้การบรรลุธรรมเป็นไปได้ยาก พระสงฆ์ที่เก่งด้านปริยัติอย่างเดียวไม่ปฏิบัติก็มืดบอด ปฏิบัติอย่างเดียวไม่มีปริยัติก็หลงทาง ทั้งสองฝ่ายต้องอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อไปสู่หนทางเดียวกันคือปฏิเวธ
อีกประการหนึ่ง ในการธำรงและสืบทอดพระศาสนา ทั้งปริยัติและปฏิบัติ เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องป้องกันพระศาสนาไม่เสื่อมลง เมื่อไม่มีปริยัติ ปฏิบัติก็ไม่มี ปฏิเวธไม่ต้องพูดถึง เพราะปริยัติ (พุทธธรรม) เป็นผลมาจากการปฏิบัติของพระพุทธเจ้าและพระสาวก ซึ่งได้แก่ ปฏิเวธนั่นเอง
พระป่า-พระบ้านในเมืองไทยกับริบทที่แปรเปลี่ยน
เมื่อประเทศไทยรับพระพุทธศาสนาเข้ามา เราไม่ได้รับเข้ามาเพียงหลักธรรมเท่านั้น แต่ยังได้รับวัฒนธรรมของสงฆ์เข้ามาอีกด้วย ในสมัยสุโขทัย มีการแบ่งพระสงฆ์ออกเป็น 2 ฝ่ายเช่นกัน คือ
1. คามวาสี คือ คณะของพระภิกษุที่ศึกษาเน้นหนักในด้านพระพุทธวจนะในพระไตรปิฎก อรรถกถา และคัมภีร์ต่างๆ รวมทั้งวิทยาการต่างๆ อาศัยอยู่ในเขตเมืองหรือใกล้ชุมชน
2. อรัญวาสี คือ คณะของพระภิกษุที่เน้นหนักในด้านการปฏิบัติ มุ่งบำเพ็ญภาวนา อยู่ในป่าและสถานที่ห่างไกลจากบ้านและชุมชนออกไป
การแบ่งคณะสงฆ์ในลักษณะนี้ เนื่องจากเงื่อนไขทางสังคมเปลี่ยนไปจากเรื่องศาสนามาเป็นเรื่องสังคมและการเมือง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม จนมาถึงรัตนโกสินทร์ คณะสงฆ์ได้แบ่งออกไปเป็น 2 นิกาย คือ
1. มหานิกาย - พระสงฆ์จำนวนมากที่เป็นฝ่ายดั้งเดิม
2. ธรรมยุต - พระสงฆ์คณะใหม่ มีระเบียบวิธีปฏิบัติและความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนจากเดิม
ทั้งมหานิกายและธรรมยุต มีพระทั้ง 2 แบบ คือ มีทั้งพระป่าและพระบ้านทั้ง 2 นิกาย ต่อมาพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ พระเถระที่ชาวบ้านนับถือว่าเป็นพระสุปฏิปันโน มีศีลาจารวัตรงดงามและเป็นต้นแบบพระสายป่าในเมืองไทย ท่านได้นำการธุดงค์และอยู่ป่าเป็นวัตร มาเผยแพร่จนเป็นที่ยอมรับในคณะสงฆ์และสร้างศรัทธาในหมู่ญาติโยม ข้อสังเกตจากพระภิกษุสายอาจารย์มั่น คือ เป็นฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ผู้คนส่วนใหญ่จึงมักจะคิดว่าพระสายป่าที่ปฏิบัติเคร่งครัดเป็นพระสายธรรมยุต ไปด้วย
โอ้ ความรู้ทั้งนั้น ขอบคุณครับ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 13:25
นะจ๊ะ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 13:56
ขนาดจานบิน/มนุษย์อวกาศ/น้ำท่วม แม่ชีแกยังจัดการมาแล้ว
แค่ DSI คงจะจิ๊บๆสินะ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 13:57
นะจ๊ะ
สาาาาาาธุ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 14:23
ฤๅว่า "น่ะจ๊ะ"จะไม่ได้เอาอายุในอดีตชาติ มารวมปัจจุบัน
ให้สาวกได้เรียกกันว่า "หลวงปู่"
จึงได้รับการอนุโลม...
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 15:06
เห็นคนสอบไอ้คำแระ นึกสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าทำไมไม่มีคนไปสอบไอ้น๊ะจ๊ะมันมั่ง
เพราะจำได้ว่ามันขาดจากความเป็นพระไปแล้ว
แต่ทำไมตอนนี้ถึงยังนั่งจ๊ะจ๋าอยู่ในวัดได้อีก
สงสัยเป็นอย่างยิ่ง
เส้นเค้าใหญ่ ส.ส. เผาไทย เป็นกันชนให้อยู่ แถมเงินยังอุดปาก คนบางพวกไว้
ทำให้ มองไม่เห็น
ทั้งๆ ที สมเด็จพระสังฆราช ได้มีหนังสือแจ้งเถระสมาคมไปแล้วว่า
เจ้าอาวาส วัดจานบิน ขาดจากการเป็นพระ ไปนานแล้ว
แต่ก็ยังหน้าด้านหน้าทน ใส่ผ้าเหลืองได้นะ ตายไปคงได้ไปอยู่ใกล้ๆ เสธ. ที่โดนเป่ากระหม่อมตายไปนั้นแหละ
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 15:20
ประเทศไทยเราถ้าคุณรวยถึงระดับนึงไม่ว่าใครหน้าไหนหรือแม้แต่กฏหมายก็จะทำอะไรคุณไม่ได้...
น่าอาย แต่มันจริง
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 21:34
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 22:12
ที่ไอ้เณรคำ มันหัดถวายเบนซ์ เจ้าคณะ พระผู้ใหญ่ มันไม่ได้คิดเองหรอก
มันก็เลียนแบบ จากที่มันเห็นในวงการพระนั่นแล
ขาใหญ่วัดจานบิน เค้าแจกเบนซ์ให้เป็นพาหนะพระผู้ใหญ่ ตามวัดต่างๆใน ม.ส. นานนมแล้ว
นอกจากแจกเบนซ์ประจำตำแหน่ง เอาไว้รองตูดพระแล้วก็ยังมีถวายปัจจัย ให้ใช้ตามประสงค์เป็นรายเดือน
ดูๆไปก็เหมือน ไอ้เชี่ยแม้ว จ่ายเงินเดือน สส เลี้ยงไว้เป็นพวกลงคะแนน ยังไงยังงั๊น
ที่นี้เข้าใจกันรึยังว่าทำไม พระผู้ใหญ่ ใน มส ถืออมสากกระเบือไว้ในปาก เป็นแต่ท่องคาถา ปัดรังควาญ รดน้ำมนต์
มันก็เหมือนๆที่เจ้าคณะ ที่นั่งเบนซ์ไอ้เณรคำนั่นแหละ แต่สเกลมันต่างกัน
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 22:26
ถ้ามีกฏของพระ ว่า พระห้ามรับเงินโยม ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม ไม่งั้นปราชิก วัดธรรมกายคงเป็นวัดร้าง..เหลือแต่จานบิน
ถูกใจเสื้อแดง ของแพงไม่ว่า โดนโกงไม่ด่า ขอแค่ตระกูลชินนรกเป็น นายก พอ..
ตอบ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 23:11
มันอยู่นอกเหนืออำนาจ DSI ครับ ต้องให้ ตำรวจอวกาศ ตรวจสอบแทนครับ
กฎหมายมันก็แค่สิงที่สร้างมาอย่างมีเป้าหมาย แต่หาก เอาแต่บอกว่ากฎหมายเป็นแบบนี้ แบบนั้น โดยไม่สนใจว่าเป้าหมายจริงๆ นันคืออะไร ก็คงไม่ใช่
ตอบ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 00:06
ภาพจริงหรือตัดต่อนี่ บอกตรงๆไม่เคยเห็น ไม่เคยสนใจ
ถ้าจริงดูมันจะอลังการ งานสร้างบุญเกินไปไหม
เมื่อเทียบกับเราไปตามวัดบ้านนอกๆ น่าสงสารพระท่านมากเลย ขุดดิน ถางป่า ล้อมรั้วกันเอง
ถ้าแยกเสียงส่วนใหญ่ กับความถูกต้องไม่ออก ก็อย่ามาอ้างว่ามาจากประชาธิปไตยเลย
ตอบ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 00:21
ภาพจริงหรือตัดต่อนี่ บอกตรงๆไม่เคยเห็น ไม่เคยสนใจ
ถ้าจริงดูมันจะอลังการ งานสร้างบุญเกินไปไหม
เมื่อเทียบกับเราไปตามวัดบ้านนอกๆ น่าสงสารพระท่านมากเลย ขุดดิน ถางป่า ล้อมรั้วกันเอง
เก็บเอาจากเวปเสรีไทย นี่แหละครับจำไม่ได้ว่าใครโพสต์ไว้
นี่อีกภาพ
ส่วนอันนี้ตัดต่อแน่
ตอบ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 00:32
ภาพจริงหรือตัดต่อนี่ บอกตรงๆไม่เคยเห็น ไม่เคยสนใจ
ถ้าจริงดูมันจะอลังการ งานสร้างบุญเกินไปไหม
เมื่อเทียบกับเราไปตามวัดบ้านนอกๆ น่าสงสารพระท่านมากเลย ขุดดิน ถางป่า ล้อมรั้วกันเอง
เก็บเอาจากเวปเสรีไทย นี่แหละครับจำไม่ได้ว่าใครโพสต์ไว้
นี่อีกภาพ
ส่วนอันนี้ตัดต่อแน่
โห มันเกินไปแน่ๆ คนเราที่ไปก็เนอะ ไม่แยกแยะเลยจริงๆ
ถ้าแยกเสียงส่วนใหญ่ กับความถูกต้องไม่ออก ก็อย่ามาอ้างว่ามาจากประชาธิปไตยเลย
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน