http://www.bangkokbi...0130711/516754/
"วีรพงษ์"ชี้ จำนำข้าวทำลายวินัยการคลังร้ายแรง แนะรัฐทำ 3 เรื่อง ลดต้นทุนขนส่ง-เจรจาขยายตลาด-วิจัยพัฒนา พร้อมปรับนโยบายส่งเสริมสินค้าเกษตร
ในงานประชุมสัมมนาขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สภาเกษตรกรแห่งชาติ นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถาพิเศษ "ภาคเกษตรไทยในทศวรรษหน้าจะไปทางไหน" ว่า ในสถานการณ์ที่ข้าวล้นตลาดขณะนี้ และจะยิ่งเป็นมากขึ้นในอนาคต การที่รัฐบาลจะจัดโครงการช่วยเหลือต่างๆ เช่น โครงการรับจำนำข้าวคงจะทำไปนานๆไม่ได้ เพราะจะเป็นอันตรายต่อฐานะการเงินการคลังของประเทศ ทำลายวินัยการคลังของประเทศอย่างร้ายแรง จนทำให้เกิดวิกฤติทางการเงินได้ ซึ่งจะเสียหายต่อประเทศชาติและส่วนรวม
ขณะเดียวกัน การส่งเสริมให้ผลิตสินค้าเกษตรดั้งเดิมเช่น ข้าว มันสำปะหลัง และ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไม่น่าจะเป็นนโยบายที่ถูกต้องอีกต่อไป ควรจะปรับเปลี่ยนไปผลิตสินค้าเกษตรทางเลือกแทน อาทิ ประมง ต้นไม้โตเร็ว และปาลม์นํ้ามัน เพราะส่วนใหญ่แล้วสินค้าเกษตรทางเลือกมักจะผูกกับอุตสาหกรรมการเกษตร ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรด้วย นอกจากนี้ รัฐควรหันมาส่งเสริมภาคเกษตร 3 เรื่องหลัก คือลดต้นทุนด้านขนส่งให้ครบวงจร การเจรจาการค้ากับต่างประเทศเพื่อขยายตลาด และเพิ่มการวิจัยการเกษตรให้มากขึ้น
"บทบาทของรัฐจากนี้ควรดูว่าจะส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากภาคการเกษตร อย่างไร จะเจรจาการค้ากับต่างประเทศ และจัดระบบน้ำอย่างไร ส่วนอย่างอื่นอย่าไปยุ่งกับเค้าเลย ทั้งเรื่องจัดโซนนิ่ง เรื่องลดต้นทุนการผลิต เกษตรกรรู้ดีกว่ารัฐบาลมากมาย รวมถึงตัวผมที่ยืนพูดอยู่ตรงนี้ด้วย ขณะนี้ถึงจุดอีกจุดหนึ่งที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง อนาคตไม่ได้สดใสอย่างที่หลายคนเห็น จึงขอฝากรัฐบาลว่าภาพที่ผมเห็นเป็นอย่างนี้ เราจะช่วยกันได้อย่างไร"ประธานกยอ. กล่าว
ทั้งนี้ ภาคการเกษตรถือว่ามีความสําคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก มีสัดส่วนการจ้างงาน 30 % ของแรงงานทั้งหมด ซึ่งแม้จะมีสัดส่ดส่วนผลผลิตต่อ GDP เพียง10 % แต่ก็มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกจำนวนมาก เพราะกลายเป็นวัตถุดิบให้ภาคอุตสาหกรรม ทำให้เกิดภาคการขนส่ง และการส่งออกที่สร้างรายได้กับประเทศได้กว่า 80% จึงเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องพัฒนาต่อเนื่อง
ไงหล่ะ กว่าจะยอมรับได้ว่ามันเป็นนโบายโง่ๆ ก็พังไปเป็นแถบๆแล้วคร้าบ