Jump to content


Photo
- - - - -

หุุๆๆ...5 ประวัติศาสตร์ "นายกฯ หญิง " --- จริงๆแล้ว มีมากว่านั้น ?...


  • Please log in to reply
7 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 Suraphan07

Suraphan07

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,016 posts

ตอบ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 12:08

๕ ประวัติศาสตร์ "นายกฯ หญิง"

12 July 2556

เปลว สีเงิน

 แถวเกียรติยศพรึ่บพร้อม ผบ.เหล่าทัพ รอรับรัฐมนตรี กห. "บิ๊กยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่กระทรวงกลาโหมแต่เช้าวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ครั้นได้เวลาตามฤกษ์ ๑๑.๑๑ น. "นายหญิง" ของเหล่าทหารกล้าทั้ง ๓ ทัพก็มาถึง ท่ามกลางการยิงสลุตเสียงดัง ตูม..ตูม..ล่วงหน้าแต่เช้า ทั้ง GMC ทั้งชั้นผู้น้อยกระเด็นกระดอนไป ๘ นาย! 

    ไม่ใช่การยิงสลุตที่กลาโหมหรอกครับ แต่โจรก่อการร้าย ๓ จังหวัดใต้ มันกดระเบิดหวังฆ่าทหารชุดคุ้มครองครูที่ยะลาโน่น ประเดิมวันรอมฎอน ตามที่เจรจามาถูกทางแล้ว
    แต่ถ้าอนุโลมตามฤกษ์ จะถือว่าเป็น "สลุตฤกษ์" ต้อนรับรัฐมนตรีกลาโหมหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยก็...ตามใจ!
    นายของเรา เราก็รัก แต่นี่...เป็นนายของเขา เขาก็ต้องรัก เต็มยศ-เต็มศักดิ์ต้อนรับกันคึกคัก "ด้วยความเคารพยิ่ง" เป็นธรรมดา ก็อยากบอกด้วยอิจฉาว่า
    ยิ่งลักษณ์...เธอเกิดมาทั้งทีชาติหนึ่ง ถือว่า "คุ้มค่า-เหนือราคา" แล้ว ได้ขึ้นชั้นเป็น "หญิงในประวัติศาสตร์" คู่ประเทศ ตัดไม้ข่มนาม สมศักดิ์-สมศรี แห่งวงศ์ชินวัตร เหนือกว่าพี่ชาย "ราชสีห์ไวอะกร้า" เป็นร้อยเท่า 
    ด้วยระยะเวลาไม่ถึง ๒ ปี เธอสร้างถึง ๕ ชุดประวัติศาสตร์เป็นตำราให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ เรียนรู้ด้วยความภูมิใจ หรืออดสูใจ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง
    ประวัติศาสตร์แรก เธอในฐานะทารกแรกคลอดทางการเมือง แต่ใช้เวลา ๔๙ วันหาเสียง "พี่น้องค้าาา กระชากค่าครองชีพมันลงมา...น้ำมันลดทันทีลิตรละ ๗ บาท เอามั้ยค้าาา" ทั้งที่ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค แค่นั้นสามารถขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้
    ประวัติศาสตร์ที่สอง ในความเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เธอเป็นคนแรกที่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในความหมาย "นายกรัฐมนตรีหญิง" คนแรกของไทย ประกาศ "ไม่แก้แค้น แต่จะแก้ไข" แล้วเดินสายปาฐกถาด่าประเทศ
    ประวัติศาสตร์ที่สาม เธอใช้แค่ ๒ สิ่ง คือ ความฉลาดลึกล้ำที่คนอิจฉาเรียกว่า "อีโง่" กับลีลาหญิงที่เรียกว่า Woman's touch สยบใจผู้นำโลกอย่าง "บารัค โอบามา" จนฮือฮาสะท้านทำเนียบ 
    และใช้ ๒ สิ่งนั้น เหยียบเข้ากระทรวงกลาโหม ควบคุมกองทัพ ในฐานะ "รัฐมนตรีกลาโหมหญิง" คนแรกในประวัติศาสตร์ชาติ พร้อมประกาศสัจจะหญิง "ไม่ล้วงลูก ผบ.เหล่าทัพ"
    ประวัติศาสตร์ที่สี่ เธอเป็นผู้นำไทยคนแรกที่ เขมร-ญวน-พม่า-ลาว ออกข่าวขอบใจ ที่ส่งออกข้าวได้มากและราคาดีเป็นประวัติการณ์ เพราะขบวนการระบอบทักษิณกว้านซื้อนำไป "สวมสิทธิ์" ขายโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดได้หมื่นห้า ผลาญเงินหมดคลังไปกว่า ๖ แสนล้าน แต่สามารถยิ้มระรื่นพูดได้ว่า
    ...หนูไม่รู้!
    แต่นับจากนี้ "หนูต้องรู้" แล้วล่ะว่า เวลาของการเป็นผู้นำที่ "กินบุญเก่า" หมดแล้ว แค่กลางปี ๒๕๕๖ นี้ สัญญาณหายนะทางเศรษฐกิจพาดผ่านไปทุกตารางแผ่นดินแล้ว 
    ส่งออกที่เลี้ยงประเทศมานาน เข้าสู่ภาวะ "ส่งไม่ออก" จีดีพี ที่กะว่าจะโต ๔.๕% ทั้งปี ได้แค่ ๔ ก็นับว่า...วาสนาของเจ้าแล้ว
    และที่สำคัญ เงินประชานิยมที่โปรยหว่าน อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรากหญ้าใช้เป็นทุนตั้งยอด เพื่อขจัดความยากจนให้หมดไป 
    ใกล้ ๒ ปี จะเข้าปีที่ ๓ จากประชานิยม รถคันแรก บ้านหลังแรก เงินหมู่บ้าน เงินสตรี บัตรเกษตรกร บัตรน้ำมัน ค่าแรง ๓๐๐ จำนำข้าวเกวียนละหมื่นห้า ผลที่ตามมาคือ 
    ค่าครองชีพถูกกระชากขึ้น สินค้า-ข้าวปลาอาหารแพงขึ้น ยิ่งหมดเทศกาลจ้างม็อบชุมนุมเผาบ้าน-เผาเมือง เงินที่เคยกระจายไปตามหมู่บ้าน กลับกระจุกตัวอยู่กับบางหัว-บางเจ๊ ไม่มีเงินง่ายหมุนไป การจับจ่ายใช้สอยหดตัวลง หนี้สินภาคครัวเรือนพุ่งสูง จนขณะนี้
    หนี้คงค้างในระบบเข้าสู่หลัก ๙ ล้านล้านบาทแล้ว!
    ได้ข่าวรัฐบาลจะเวิร์กช็อปกันวันนี้ คงเริ่มรู้วันตาย แต่ไม่รู้จะแก้กันตรงไหนก่อนใช่มั้ย ก็ไปหาหลักธรรมาภิบาลมาอ่านกันให้เข้าใจ แล้วใช้ปฏิบัติ ไม่เห็นยากเลย 
    แต่ถ้าจะแก้ ก็แก้ตรง "คอรัปชั่นเชิงนโยบาย" นั่นแหละ อย่าจัดซื้อ-จัดจ้างด้วยวิธีพิเศษให้พร่ำเพรื่อ เมกะโปรเจ็กต์นั้นมีได้ แต่หัดเดินตามกฎ-กติกาอันเป็นระเบียบปฏิบัติ และอย่าใช้เทคโนโลยี "อันเดอร์ เดอะ เทเบิล" ให้มากนัก 
    อีกทั้งอย่าขนพวก-ขนโจรเข้ามาแทะประเทศกันเหมือนตายอด-ตายอยาก ประชาชนน่ะ ไม่มีโอกาสทำให้ชาติล่มจมได้หรอก 
    มีแต่ไอ้พวกที่อ้าง "ประชาชนเลือกผมมา" นั่นแหละ ที่จะทำให้ประเทศชาติล่มจมได้ เข้าใจมั้ย?!
    เกือบครึ่งของการส่งออกอยู่ที่ยุโรปกับสหรัฐ เมื่อรวมจีน-ญี่ปุ่นด้วย ก็น่าถึงครึ่ง และตอนนี้อียูอยู่ในห้องไอซียู สหรัฐยังไม่สร่างไข้ จีนเริ่มปวดหัว ไอ เป็นหวัดเรื้อรัง ญี่ปุ่นก็เป็นโรคดื้อยา มีแต่ทรงๆ ทรุดๆ ฉะนั้น ผลิตแล้วไม่รู้ขายใคร 
    เราก็จะเป็นทั้งไข้จับสั่นและไข้ทับระดู ตายเอาง่ายๆ บอกไม่เชื่อ!
    ภาคการผลิตที่สัมพันธ์กับชีวิตคนส่วนใหญ่ของประเทศคือ "ภาคเกษตรกรรม" ระวังเหอะ...ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิก ส่งน้อยก็ไม่สะเทือน แต่ถ้าภาคเกษตรกรรม "ผลิตได้-ขายไม่ได้" ล่ะก็
    แล้วยิ่งลักษณ์จะร้อง...โอ้...จอร์จ!
    แต่อย่าริเอาภาษีชาวบ้านไปโหมทำประชานิยมจมนรกอย่างที่แล้วมาเป็นอันขาด ฟังผมไม่ขลัง ยิ่งลักษณ์ก็สะกิดนายกิตติรัตน์ "ขุนคลังคู่กาย" ฟังที่ "นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์" ประธาน กก.บห.แบงก์กรุงเทพเขาพูดไว้เมื่อวานก็ได้
 
   "......หากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังในฐานะผู้ใช้เงิน ควรทำการศึกษาและทบทวนว่าในช่วง ๑๒ เดือนที่ผ่านมา การอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าระบบเศรษฐกิจ เหตุใดจึงไม่ได้ทำให้เกิดผลทางเศรษฐกิจตามที่เคยคาดหมายไว้ 
    ส่วนโครงการลงทุนภาครัฐ ถือเป็นโครงการระยะยาวที่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนมากนักว่า จะใช้เงินจำนวนเท่าไรตลอดระยะเวลา ๗ ปีข้างหน้า 
    ที่ผ่านมากระตุ้นเยอะ แต่ได้ไม่เยอะ ถ้าจะกระตุ้นเยอะๆ ได้ผลแบบนั้น ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะก่อนจะใช้นโยบายนี้ก็พูดกันว่า จะมีผลต่อเศรษฐกิจสูง แต่ผ่านมาถึงตอนนี้ก็โตแค่ ๔% อยู่ดี ถ้าจะใช้วิธีเก่าก็ต้องคิด และถามตัวเอง เพื่อปรับแก้ให้ดีขึ้น

    การเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนนั้น ถือเป็นประเด็นที่ต้องดูแลเพื่อไม่ให้เกิดการใช้เงินเกินพอดี เช่นเดียวกับภาครัฐที่มีตัวอย่างให้เห็นในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาที่มีปัญหาเศรษฐกิจจากหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น"
   แต่คิดอีกที นี่ก็เดือนกรกฎา ยังอีก สิงหา-กันยา ทำงานด้วยการแก้ปัญหา ปวดหัวเปล่าๆ สู้เลือกประเทศเหมาะๆ ที่อยากไปในตำแหน่งนายกฯ อีกซัก ๒-๓ ประเทศ ให้ปึ้งเขาไปขอร้องให้เชิญไปเป็นแขกเยือนเป็นการส่งท้าย 
    สบายกว่า-สนุกกว่า!
    เพราะถึงกันยา ป.ป.ช.เขาก็จะชี้มูลคดีทุจริตจำนำข้าวแล้ว และถึงตอนนั้น ก็มีความน่าจะเป็น "ประวัติศาสตร์ที่ห้า" ของนายกฯ หญิงยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี "หลุดจากตำแหน่ง" คนแรก 
    เพราะ "คดีทุจริตมีมูล"!?.

 

http://www.thaipost....ws/120713/76306

 

 

 

เพื่อนๆคิดว่า มีประวัติศาสตร์ อื่นใดของเธอ

ที่ยังไม่ได้กล่าวไว้ ลองมาช่วยกัน นำมาบันทึกเพิ่ม

เผื่อลูกๆหลานๆ ได้เอาไว้ใช้อ้างอิงภายหลังได้บ้าง เชิญครับ... ;) 


Edited by Suraphan07, 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 12:08.


#2 พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน

พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,450 posts

ตอบ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 13:11

เป็นนายกฯหญิงคนแรก ที่ยกอำเภอขึ้นเป็นจังหวัด ยกเมืองขึ้นเป็นประเทศ  :lol:


อยากรู้ว่าประชาธิปไตยไทยเป็นแบบไหน ให้ดูการใช้รถใช้ถนนรู้จักกันแต่สิทธิ แต่ไม่เคยรู้จักหน้าที่ ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่วางไว้

#3 อิไซกูนิ

อิไซกูนิ

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,631 posts

ตอบ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 13:18

นายกหญิงที่

 

:rolleyes: :rolleyes: :rolleyes:

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

image-039D_51DF9F87.jpg


Posted Image Posted Image Posted Image Posted Image Posted Image

เป็นเห็บเกาะไข่ระบบรัฐประหาร


#4 Emolution

Emolution

    โคตรพ่อโคตรแม่ควายแดง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,029 posts

ตอบ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 13:20

ขอขำหน่อย 5555+



#5 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 13:22

อีปูเน่า ลาหมาตาย ยังล้างอายไม่หมดเลย  :D



#6 Suraphan07

Suraphan07

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,016 posts

ตอบ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 13:35

หนึ่งในสถิติ ที่น่าเชื่อได้ว่า...

สามารถบันทึกลงในกินเนสต์บุ๊คฯได้สบายๆ...

 

โลกของเราที่ 7 ทวีป 193 ประเทศนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางมาแล้วถึง 4 ทวีป ยกเว้นเพียง 3 ทวีป ที่นายกฯ ยังไม่ได้เหยียบย่างไป ได้แก่ ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปแอฟริกา และทวีปแอนตาร์กติกา แต่หากนับรายประเทศทั้ง 4 ทวีป ที่เธอไปยือนมาแล้ว ทั้งทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปยุโรป และทวีปออสเตรเลียโอเชียเนีย ซึ่งมีทั้งหมด 127 ประเทศนั้น  นายกฯ ของไทยได้ไปมาแล้ว 26 ประเทศ ประกอบด้วย บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมาร์, เวียดนาม, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, อินเดีย, สวิสเซอร์แลนด์, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, จีน, บาห์เรน, กาตาร์, ออสเตรเลีย, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, สหรัฐอเมริกา,คูเวต, บังกลาเทศ, ฮ่องกง, สวีเดน และเบลเยียม หรือคิดเป็น 20.47% เท่านั้น แต่หากคิดถึงกรอบเวลา 20 เดือน ที่นายกฯ เดินทางไปๆ มาๆ ใน 26 ประเทศ ที่หลายครั้งคราไปเยือนซ้ำทั้งสิ้น 37 ครั้งแล้ว เท่ากับนายกฯ ของไทยใช้เวลาในการอยู่ที่ประเทศไทยเพียง 1.85 เดือน แล้วชีพจรก็ลงเท้า  ฯลฯ

 

 

นายกฯ ชีพจรลงเท้า ชาติได้ประโยชน์อะไร

http://www.thaipost....ws/060313/70506

 

นี่นับถึง มีนาคม 56 ตามข่าว

...เท่านั้นน่ะ...จาบอกให้... :mellow: 



#7 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 13:38

หนึ่งในสถิติ ที่น่าเชื่อได้ว่า...

สามารถบันทึกลงในกินเนสต์บุ๊คฯได้สบายๆ...

 

โลกของเราที่ 7 ทวีป 193 ประเทศนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางมาแล้วถึง 4 ทวีป ยกเว้นเพียง 3 ทวีป ที่นายกฯ ยังไม่ได้เหยียบย่างไป ได้แก่ ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปแอฟริกา และทวีปแอนตาร์กติกา แต่หากนับรายประเทศทั้ง 4 ทวีป ที่เธอไปยือนมาแล้ว ทั้งทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปยุโรป และทวีปออสเตรเลียโอเชียเนีย ซึ่งมีทั้งหมด 127 ประเทศนั้น  นายกฯ ของไทยได้ไปมาแล้ว 26 ประเทศ ประกอบด้วย บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมาร์, เวียดนาม, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, อินเดีย, สวิสเซอร์แลนด์, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, จีน, บาห์เรน, กาตาร์, ออสเตรเลีย, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, สหรัฐอเมริกา,คูเวต, บังกลาเทศ, ฮ่องกง, สวีเดน และเบลเยียม หรือคิดเป็น 20.47% เท่านั้น แต่หากคิดถึงกรอบเวลา 20 เดือน ที่นายกฯ เดินทางไปๆ มาๆ ใน 26 ประเทศ ที่หลายครั้งคราไปเยือนซ้ำทั้งสิ้น 37 ครั้งแล้ว เท่ากับนายกฯ ของไทยใช้เวลาในการอยู่ที่ประเทศไทยเพียง 1.85 เดือน แล้วชีพจรก็ลงเท้า  ฯลฯ

 

 

นายกฯ ชีพจรลงเท้า ชาติได้ประโยชน์อะไร

http://www.thaipost....ws/060313/70506

 

นี่นับถึง มีนาคม 56 ตามข่าว

...เท่านั้นน่ะ...จาบอกให้... :mellow: 

นี่ถ้าเอาตัวเลขเงินภาษีชาวบ้านที่มันผลาญมาโชว์ จากการไปเที่ยวทั่วโลก คงเป็นพันๆ ล้าน 



#8 Suraphan07

Suraphan07

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,016 posts

ตอบ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 14:02

หากนับสถิติดังกล่าวข้างต้นเป็นบรรทัดฐานเฉลี่ยแล้ว ในระยะเวลา 4 ปีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกฯ ของไทยอาจต้องเดินไปนอกราชอาณาจักรเกือบ 89 ครั้ง และในอีก 52 ครั้งที่เหลือ อยู่กับระยะเวลากว่า 2 ปี นายกฯ ของไทยก็อาจเป็นนายกฯ คนแรกที่ไปเยือนครบทุกทวีป เรียกว่าสร้างสถิติใหม่ให้กับผู้นำประเทศไทยอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์เช่นเดียวกับการเป็นนายกฯ หญิงคนแรกของการเมืองไทย!!!

 

หากยึดตามคำที่ผู้ทรงเกียรติในสภาผู้แทนราษฎรเคยระบุว่า การเดินทางไปต่างประเทศแต่ละครั้งจะใช้งบประมาณครั้งละประมาณ 13-15 ล้านบาท 

    แต่เราคิดแบบประหยัดๆ ตามนโยบายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ให้ถอดสูททำงานด้วยแล้ว ก็คิดเฉลี่ยประมาณ 10 ล้านบาทพอ เท่ากับการเยือนต่างประเทศ 37 ครั้ง เฉพาะตัวนายกฯ ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 370 ล้านบาท ยังไม่นับรวมบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลที่เดินทางไปหลากหลายประเทศอีกต่างหาก และหากเธอเดินทางไปตามสถิติ 89 ครั้ง ก็เท่ากับภาษีของคนไทยทั้งประเทศต้องสูญหายไปถึง 890 ล้านบาท แต่ชาติกลับได้ภาพเพียงนายกฯ ใส่ชุดประจำชาติของประเทศที่ไปเยือน อย่างกรณีเยือนญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และบาห์เรน เท่านั้นหรือ หรือจะได้ภาพถ่ายกับสถานที่ขึ้นชื่อลือเลื่องอย่างการไปเยือนอินเดีย และฝรั่งเศสเท่านั้น ใช่หรือไม่ ฯลฯ

 

http://www.thaipost....ws/060313/70506

 

ถ้ามันไปแล้วประเทศชาติ ได้ประโยชน์คุ้มค่าจริง

ป่านนี้ แม้วได้กลับแบบเท่ หรือไม่ก็ ข้าวในโกดังคงไม่ล้น

หรือถูกปล่อยให้เน่ามากมายขนาดนี้หรอก ว่ามั๊ย... ;) 






ผู้ใช้ 2 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 2 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน