อ่านไปอ่านมา เจออันนี้ครับ เอามาปะให้ "วี" อ่านครับ
แตกคอ (สารส้ม)
นับตั้งแต่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศนำการชุมนุมเคลื่อนไหวแบบปักหลักพักค้างรอบนี้ เรื่อยมาจนถึงเพลานี้ ได้ปรากฏเสียงวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสังเกตว่า พันธมิตรฯ เริ่มแตกคอกันแล้ว!
ข้อสังเกตทำนองนี้ คงจะมาจากการมองเห็นว่า ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เคยเป็น "แนวร่วม" ของพันธมิตรฯ เคยร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวในการชุมนุมครั้งก่อนๆ ได้หายหน้าหายตาไปจำนวนมาก
เอาแค่คนที่เคยขึ้นเวทีปราศรัย เคยคุ้นหน้าคุ้นตาคนดู ก็หายไปเยอะโข
แม้แต่คนที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขในเอเอสทีวีเอง หลายคนก็ไม่ยอมขึ้นเวทีในครั้งนี้เหมือนกัน
ข้อนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นข้อเท็จจริง
เถียงไม่ได้ และอย่าไปเถียงเลย
แถมเถียงไปก็ไร้ประโยชน์
และเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาดอะไรเลย
กลับเป็นบทพิสูจน์ด้วยซ้ำว่า ที่ผ่านมา บรรดาผู้เข้าร่วมกับ "พันธมิตรฯ" นั้น มาด้วยใจไม่ได้จ้างกันมา
สะท้อนว่า ที่ผ่านมานั้น พันธมิตรฯ ไม่ใช่บริษัทจำกัด ประเภทที่มีนายสนธิผูกขาดเป็นเจ้าของ หรือจะสั่งการใดๆ ได้ตามใจชอบ
พันธมิตรฯ ประกอบขึ้นด้วย "เสรีชน" ที่มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ตื่นตัวที่จะติดตามข้อมูลข่าวสาร และพร้อมจะมีส่วนร่วมในการแสดงออกตามที่ตนเองเห็นว่าสมควร
คนที่เป็นแนวร่วมพันธมิตร และเรียกตัวเองว่าพันธมิตรนั้น แต่ละคนมี "สมอง" และ "สติ" เพียงพอที่จะจำแนกแยกแยะด้วยสติและปัญญาของเขาว่า การชุมนุมเรื่องใดที่เขาเห็นว่าควรจะเข้าร่วม หรือไม่เข้าร่วม
หรือควรจะวางท่าที เว้นระยะห่าง มากน้อยเพียงใดกับการเคลื่อนไหวของแกนนำพันธมิตรฯ
การจะบังคับให้ปัจเจกชนแต่ละคน มีความคิดเห็นเหมือนกันทุกเรื่อง ทุกประเด็น โดยไม่มีความคิดเห็น หรือจุดยืนของตนเองที่แตกต่างออกไปในแต่ละเรื่อง หรือแม้ในเรื่องเดียวกันก็อาจจะมีระดับความเห็นด้วยในดีกรีที่ลดหลั่นกันไป
ถ้าเรื่องไหนไม่เห็นด้วยบ้าง ก็อาจจะอยู่ฟังเค้าพูดไปงั้นๆ
ถ้าเรื่องไหนไม่เห็นด้วยมากๆ ก็ไม่เข้าร่วม... ก็เท่านั้น
เพียงแต่ว่า ครั้งนั้น เมื่อคราวพันธมิตรฯ ขับไล่ทักษิณและรัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ เป็นการรวมตัวของปัจเจกชนจำนวนมากที่กลายเป็นสายธารพันธมิตรฯ ประกอบขึ้นมาจาก "เสรีชน" ที่มีเป้าหมายเดียวกันว่า "ไม่เอาระบอบทักษิณ" รวมกันเฉพาะกิจ
โดยที่เหตุผล และที่มาของแต่ละคน อาจแตกต่างกันไป
แม้แต่นายสนธิที่เคยอิงแอบอยู่กับทักษิณ ก็ออกมาไล่ทักษิณด้วยเหตุผลของตนเองเช่นกัน
แต่ละคนไม่ได้มาเพราะรักหรือหลงแกนนำ
ไม่ใช่ว่าแกนนำจะให้ไปทำอะไร ก็จะทำทั้งหมด
แต่เขามา เพราะแกนนำได้ประกาศนำการเคลื่อนไหวในประเด็น และแนวทางที่เขาอยากจะเข้าร่วมด้วย
เหมือนที่บางคนไม่เห็นด้วยกับการตั้งพรรคการเมืองใหม่ เขาก็ไม่สมัครเป็นสมาชิกพรรค
เพราะฉะนั้น ในการชุมนุมรอบนี้ เมื่อมีแนวร่วมพันธมิตรหายหน้าหายตาไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดซับซ้อนอันใดเลย
ชัดเจน คือ เขาไม่มาก็เพราะเขาไม่เห็นด้วย!
ส่วนคนที่ยังเห็นด้วยกับแกนนำในเที่ยวนี้ เขาก็เลือกที่จะมาชุมนุมต่อไป
จะเรียกว่า "แตกคอ" ก็แตกคอ!
ไม่มีอะไรเสียหาย และเรื่องน่าจะจบตรงนี้
แต่กลับกลายเป็นว่า บนเวทีปราศรัยชุมนุมของพันธมิตรในรอบนี้เสียอีก ที่กำลังสร้างปัญหา
การปราศรัยที่พยายามแบ่งแยกผู้คนที่เคยเป็นแนวร่วมของพันธมิตรในการชุมนุมครั้งก่อนๆ แต่ไม่ได้เข้าร่วมในครั้งนี้ โดยกล่าวหาว่าคนเหล่านั้นเป็นพวก "ห้อยโหน" พวกของเทียม และอีกสารพัดถ้อยคำเสียดสี ดูหมิ่นดูแคลน หรือแม้กระทั่งใส่ร้ายป้ายสี "มิตรที่คิดต่าง" นับเป็นการกระทำที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น และบ่อนทำลาย "พันธะแห่งมิตร" อย่างแท้จริง
เมื่อใดแกนนำปล่อยให้เวทีปราศรัยกลายเป็นโรงมหรสพที่เน้นการคุยโวโอ้อวด เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ด่ากราดคนที่เห็นต่างจากตนเองว่าเป็นพวกโง่ หรือพวกไม่รักชาติ หรือเห็นแก่ตัว (อย่าเสียเวลาปฏิเสธว่าไม่มีการพูดเช่นนั้น)
ด่านักการเมืองที่ไม่ยอมทำตามแนวทางของตนเอง ว่าเป็นพวกขายชาติ เป็นสัตว์นรก
เพียงไม่เห็นด้วยว่าอภิสิทธิ์เลวกว่าทักษิณ หรือโกงกว่าทักษิณ หรือขายชาติกว่าทักษิณ
เพียงเท่านี้ ก็ตราหน้าผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตนว่าเป็นคนโง่แล้วหรือ
ขณะนี้ คนจำนวนไม่น้อยไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พันธมิตรทำ แต่เขาเลือกที่จะไม่ออกมา "ขัดคอ" เพราะเขายังอยากเก็บความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีในอดีตเอาไว้
อย่าทำลาย "พันธะแห่งมิตร" มากไปกว่านี้เลย!
วันที่ 8/3/2011
---------------------------
อันนี้ตอบโจทย์เลยว่า ทำไมป๋าเปลวก็โดนไปด้วยอีกคน