(post โดย "Team-Korn English" http://www.facebook.com/teamkornENG)
http://www.bangkokpo...eign-investment
ตื่นเถิด..รัฐบาล
ไทยเรายังจะต้องลงทุนอีกมาก เพียงแค่การลงทุนในเรื่องการบริหารจัดการนำ้ก็หลายแสนล้านแล้ว ยังจะต้องมีการลงทุนในระบบสาธารณูประโภคต่างๆอีก ปัญหาก็คือรายได้ของประเทศไม่เพียงพอ วงเงินงบประมาณที่จัดสรรกับการลงทุนมีไม่ถึง 20% ของงบประมาณโดยรวมและไม่เพียงพอต่อความต้องการแน่นอน
พรรคเพื่อไทยเคยพูดไว้ตลอดว่าจะไม่กู้และจะหาแหล่งทุนจากที่อื่น แต่ในเวลานี้สิ่งที่ผมกลับเป็นห่วงคือรัฐบาลเพื่อไทยกำลังจะกู้อย่างเดียวโดยไม่ออกไปแสวงหาแหล่งเงินอื่นเลย
ข้อเท็จจริงคือในระบบการเงินของโลกสภาพคล่องยังมีอยู่ และค่าของเงินนับวันก็ลดลง เนื่องจากการพิมพ์เงินมหาศาลออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา แต่ในขณะเดียวกันเงินที่หมุนเวียนอยู่นี้ก็ไม่ถูกงัดออกมาใช้ได้ง่ายๆ เพราะส่วนใหญ่เป็นเงินของบริษัทเอกชนหรือไม่ก็เป็นทุนสำรองของประเทศต่างๆ
และที่สำคัญก็คือมีการแก่งแย่งเงินลงทุนโดยประเทศต่างๆ ทางธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ได้ประมาณการไว้ว่าในเอเชียเองจะมีการลงทุนในระบบสาธารณูประโภคถึง 400,000ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ทุกๆปีไปอีก 5-10ปี แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือแม้แต่ประเทศทางตะวันตกก็กำลังต้องการเงินทุนเพื่อพัฒนาประเทศและแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ยุโรปเองมีปัญหางบขาดดุลมหาศาลและไม่สามารถกู้ยืมเพิ่มเติมได้มาก จึงต้องหันมาพึ่งภาคเอกชนและกองทุนสำรองของประเทศต่างๆ
ผมขอยกตัวอย่าง ล่าสุด กองทุน China Investment Corporation (CIC) ของรัฐบาลจีน ซึ่งมีเงินทุนกว่า 400,000ล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้พบกับรัฐบาลอังกฤษและยืนยันความตั้งใจจะลงทุนในการก่อสร้างระบบสาธารณูประโภคในอังกฤษ แต่ถึงอย่างนั้นอังกฤษเขาก็ตระหนักว่าจะพึ่งพาเพียงทุนต่างชาติก็คงไม่พอ เขาต้องอาศัยสถาบันการลงทุนภายในประเทศเขาด้วย
ส่วน CIC นั้น ก็เป็นกองทุนของรัฐที่มีความเชื่อมโยงกับเอกชนและรัฐวิสาหกิจของจีนเป็นอย่างดี เขาจึงส่งสัญญานชัดเจนเช่นเดียวกันว่า เขาไม่ได้เพียงต้องการที่จะมาลงทุน และไม่เพียงเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างเหมือนในอดีต แต่เขาต้องการมีส่วนร่วมในการบริหารโครงการด้วย ส่วนประเทศที่เขาสนใจก็ต้องเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่พร้อมเปิดรับทุนจากต่างประเทศ และมีกฏหมายและกระบวนการยุติธรรมที่เขาพึ่งพาได้และเป็นสากล
อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนคงเห็นว่าเรามีการบ้านต้องทำอีกมาก
อันดับแรก เราต้องตกผลึกก่อนว่าเราจะลงทุนทำอะไร รัฐบาลที่แล้วไปลงนาม MoU มากับจีนว่าจะร่วมกันลงทุนในระบบรถไฟความเร็วสูง แต่มาถึงวันนี้ดูเหมือนว่ารัฐบาลนี้ไม่สนใจแล้ว ทั้งๆที่ทั้งนักวืชาการ นักธุรกิจ และภาคประชาชนก็ล้วนแต่สนับสนุนและอยากให้รีบดำเนินการ ตราบใดที่นักลงทุนยังไม่เชื่อว่าเราเอาจริง เขาก็จะไม่เสียเวลามาศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ผู้มีเงินเขาเลือกได้ครับ ไม่ต้องรอหรือง้อใคร
อันดับที่สอง เราต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนต่อบทบาทของต่างชาติในการลงทุนและบริหารจัดการทรัพย์สินและกิจการของเรา ถ้าเราตั้งแง่มากเขาก็ไม่มา ส่วนตัวผมไม่เคยกังวลมากนักในเรื่องความเป็นเจ้าของ ขอให้คนไทยได้ใช้ของดี ในราคาที่ยุติธรรม แถมลดภาระการลงทุนของเราเอง และขอให้ส่งเสริมความโปร่งใสในการดำเนินการ ถ้าได้ทั้งหมดนี้เราก็ไม่ควรไปรังเกียจทุนต่างชาติ ส่วนถ้าใครจะได้กำไรที่เหมาะสมไปบ้างก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว
อันดับที่สาม เราต้องพัฒนาแหล่งทุนเราเอง จะเพียงรอพึ่งทุนต่างชาติไม่ได้ ความจริงเงินในประเทศเราก็มีมากมาย แต่เราขาดการพัฒนาวิธีรวบรวมและจัดสรรเงินไปสู่การลงทุนในโครงการดีๆ พูดง่ายๆเราต้องพัฒนาตลาดทุนโดยเร็ว แผนก็มีอยู่แล้ว และทำไปเยอะแล้วด้วยในรัฐบาลสมัยที่แล้ว แต่ก็เป็นอีกเรื่องที่รัฐบาลนี้ยังไม่ให้ความชัดเจนว่าจะสานต่อหรือไม่อย่างไร
อันดับสุดท้าย เราต้องมีความมุ่งมั่นในการยกระดับหลักธรรมาภิบาลของประเทศ ประเทศเราไม่ใช่ประเทศใหญ่ ปัญหาบ้านเราก็เยอะ ไม่ว่าจะเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองหรือการบริหารภัยธรรมชาติก็ล้วนแล้วแต่มีผลโดยตรงต่อต่างชาติที่มาลงทุน ปัญหาสัมปทานในอดีตก็มีมากมายเพราะความไม่ชัดเจนทางกฎหมายและปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในระบบของเราเอง ดังนั้นถ้าเราไม่แสดงให้เห็นว่าเราเอาจริงกับการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ เขาก็จะเลือกที่ไปลงทุนที่อื่นแทน
และในเมื่อเงินเราก็มีไม่พอ ความรู้ความสามารถก็ยังสู้เขาไม่ได้ ถ้าเราดึงดูดทั้งเงินและความรู้เข้ามาไม่ได้ ความสามารถในการแข่งขันเราก็จะด้อยลง คนไทยก็จะเสียโอกาสที่จะเพิ่มมาตรฐานความเป็นอยู่ของเราเอง และนับวันเราก็มีแต่จะจนลง

https://www.facebook.com/teamkornENG