http://www.komchadlu...ml#.UfHjhaxxWSo
...............................................................................................................................................................................
แผนเนียน อ้างปรับปรุงกฎหมายเพื่อต่อต้านรัฐประหาร แต่จริงๆแล้วซ่อนไส้ในไว้
ยึดอำนาจกองทัพแบบเนียนๆ
......................................................................................................................................
เพื่อไทยเปิดเกมรุกแก้พ.ร.บ.กลาโหม เพื่อไทยเปิดเกมรุกแก้พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม : ขนิษฐา เทพจรและทีมข่าวความมั่นคง
รัฐบาลจากพรรคเพื่อไทยกำลังเปิดเกมรุกอย่างหนักกับทางกองทัพ โดยมีความพยายามที่จะเพิ่มอำนาจฝ่ายการเมืองให้เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจ เพื่อขับเคลื่อนกองทัพ โดยหนึ่งในปัจจัยหลักของการเข้ามามีบทบาทครั้งนี้กับการแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 โดยมีเลขานุการประธานรัฐสภา ประสพ บุษราคัม เป็นตัวจักรขับเคลื่อนที่สำคัญ
นับเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่ถูกสังคมจับตาเป็นอย่างมากอีกฉบับหนึ่ง ที่พยายามแก้ไขกฎหมายเดิมที่จัดทำในสมัยของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเนื้อหาที่ผ่านการกลั่นกรองจากประสพ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาปรับปรุงกฎหมายให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบันของ สภาผู้แทนราษฎร ดูน่าสนใจไม่น้อย เป็นการดูแลในกรณีที่มีการปฏิวัติรัฐประหาร โดยระบุในมาตรา 5 ว่า
"ในกรณีที่มีความจำเป็น เพื่อการรบหรือการสงคราม ปราบปรามล้มล้างรัฐธรรมนูญหรือกบฏ กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดหน่วยงานและ แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทางทหารพร้อมทั้งกำหนดอำนาจหน้าที่ได้ตามความเหมาะสมแก่ การปฏิบัติภารกิจ ทั้งนี้เพื่อให้กลไกการใช้อำนาจรัฐเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ...
...ส่วนการควบคุมอำนวยการยุทธและการควบคุมบังคับบัญชากองกำลังเฉพาะกิจร่วม ที่จัดตั้งขึ้น โดยกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่การกระทรวงกลาโหมหรือตามที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมอบหมาย ทั้งนี้เพื่อให้กลไกการใช้อำนาจรัฐเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ"
นอกจากนี้ ในมาตรา 6 ว่าด้วยเรื่องการถวายอารักขา ระบุว่า "ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีหน้าที่สนับสนุนภารกิจของกรมราชองครักษ์ ในการถวายอารักขาความปลอดภัยองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ พระราชอาคันตุกะ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย...
...ในกรณีที่มีการปฏิวัติ รัฐประหาร กบฏ หรือการกระทำอื่นใดในลักษณะเดียวกันให้สมุหราชองครักษ์มีหน้าที่จัดกองกำลัง เพื่อถวายอารักขาความปลอดภัยองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ พระราชอาคันตุกะ และให้มีอำนาจเรียกกำลังพลทหาร ข้าราชการและตำรวจมาประจำการยังกองกำลังที่จัดตั้งขึ้นเพื่อถวายอารักขา และมีอำนาจสั่งใช้อาวุธยุทธภัณฑ์ทางทหารเพื่อการดังกล่าว...
...และให้กำลังพลที่เรียกมาพ้นจากการกำกับบังคับบัญชาของต้นสังกัดเดิม และให้อยู่ใต้บังคับบัญชาของสมุหราชองครักษ์ และให้มีหน้าที่ต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหาร ถ้ามีการฝ่าฝืนให้ถือเป็นการทำความผิดร้ายแรง ส่วนผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่จะได้บำเหน็จความดีความชอบ"
ไม่เพียงเท่านี้ ยังเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ปี 2551 เกี่ยวกับการจัดกำลังพลในกองทัพ โดยเพิ่มเติมกำหนดเกี่ยวกับการจัดอัตรากำลังพล ชั้นนายพลของส่วนราชการในกระทรวงกลาโหม และระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวง และส่วนราชการในกองทัพไทยใหม่ โดยแต่เดิมกำหนดให้มีคณะกรรมการประกอบด้วย...
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นกรรมการ ปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้เจ้ากรมเสมียนตราเป็นผู้ช่วยเลขานุการมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณา
แต่ตามร่างใหม่นี้ กำหนดให้มีคณะกรรมการแบบเดิม แต่เพิ่มเติมว่า "เมื่อพิจารณาเสร็จแล้วให้เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ความเห็น ชอบ"
การปรับปรุงคณะกรรมการแต่งตั้งนายพล ที่ผ่านมาจะขึ้นอยู่กับที่ประชุม ผบ.ทสส., ผบ.ทบ, ผบ.ทอ., ผบ.ทร., ปลัดกระทรวงกลาโหม หรือ 5 เสือ เมื่อเกิดเผด็จการก็นำ รมว.กลาโหม และรมช.กลาโหม มาอยู่ในวงประชุมเดียวกัน เมื่อต้องการโหวตบุคคลให้มาดำรงตำแหน่งสำคัญ ฝ่ายการเมือง ที่เป็น รมว.กลาโหม และ รมช.กลาโหม ก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้
"ในร่างกฎหมายใหม่นี้ จะให้ รมว.และรมช.กลาโหมออกมาเป็นผู้ตัดสินใจครั้งสุดท้าย หรือเป็นผู้มีอำนาจลงนามเห็นชอบก่อนแต่งตั้งรายชื่อที่ 5 เสือ กองทัพนำเสนอมา คือ รมว.กลาโหม รมช.กลาโหม มีอำนาจอนุมัติ หากไม่เห็นด้วยก็ไม่อนุมัติ การแต่งตั้งนายพลก็ไม่จบ มันต้องมีการประนีประนอมกัน ต้องคุยกัน" ประธานคณะทำงานฯ ระบุ
พร้อมกันนี้ยังมีการปรับปรุงให้สมาชิกสภากลาโหมผู้ทรงคุณวุฒิต้องมาจากอดีต ผู้บัญชาการเหล่าทัพหรือผู้ทรงคุณวุฒิทางทหารและภาคเอกชนจำนวนไม่เกิน 7 คน ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อให้สมาชิกสภากลาโหมเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางทหารอย่างแท้จริง และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการใช้อำนาจรัฐในการเป็นสมาชิก สภากลาโหมตามแนวรัฐธรรมนูญกำหนดด้วย
ซึ่งแต่เดิมระบุสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิในสภากลาโหมว่า เป็นผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญเป็นที่ประจักษ์ทั่วไปในด้านการทหาร ด้านความมั่นคง ด้านการบริหารราชการ ด้านกฎหมายหรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม จำนวนไม่เกินสามคน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแต่งตั้งตามมติของสภากลาโหม
การเข้ามาจัดระเบียบกองทัพของฝ่ายการเมืองครั้งนี้อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยด เดียวสร้างความไม่พอใจให้แก่เหล่าทหารหาญที่ดูคล้ายการเมืองเข้าครอบงำและ ล้วงลูกกองทัพอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
.....................................................................................................................................
อ่านมาทั้งหมดแล้ว มีความเห็นยังไงกันบ้างครับ
มันจะยึดกองทัพได้จริงไหม ถ้าแก้กฎหมายนี้แล้ว
Edited by จูกัดขงเบ้ง, 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 10:25.