กลุ่มไพร่แดงเพิ่งจะตื่นรู้ทันระบอบทักษิณและเพิ่มรู้ว่าถูกนักโทษชายแม้วหลอกกรณีที่ไม่ยอมผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับไพร่แดงที่ให้นิรโทษกรรมความผิดเฉพาะประชาชนที่มาร่วมชุมนุมทางการเมืองจนเกิดเหตุการณ์รุนแรงในช่วงที่ผ่านมาโดยไม่ให้ครอบคลุมผู้สั่งการ ผู้บงการแกนนำ หรือเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งหากย้อนกลับไปศึกษาวิเคราะห์ปูมหลังเส้นทางทั้งทางการเมืองและธุรกิจของ นักโทษชายแม้ว จะพบว่า ธาตุแท้พฤติกรรม“หลอก”ของนักโทษชายแม้วไม่มีอะไรน่าแปลกใจแม้แต่น้อย
โดยนับตั้งแต่ก่อน นักโทษชายแม้ว ผันตัวเองเข้าสู่แวดวงการเมืองอย่างเต็มตัว นักโทษชายแม้ว หลอกบุคคลซึ่งมีภาพลักษณ์เป็นผู้อาวุโสน้ำดีซึ่งเป็นที่ยอมรับของสังคม อาทิ น.พ.เสม พริ้งพวงแก้ว อดีตรมว.สาธารณสุข น.พ.ประเวศ วะสี ราษฏรอาวุโส ดร.คณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด น.พ.เกษม วัฒนชัย อดีตรมว.ศึกษาธิการ ซึ่งปัจจุบันเป็นองคมนตรี นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักคิดอาวุโส หรือแม้แต่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล สองแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาเป็นเครื่องมือด้วยข้ออ้างอุดมการณ์สร้างพรรคการเมืองน้ำดีคือพรรคไทยรักไทยเพื่อขจัดการเมืองน้ำเน่า ซึ่งจากการหลอกเหล่าบุคคลน้ำดีดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือสร้างภาพทางการเมืองทำให้พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นและปูทางให้ นักโทษชายแม้ว ก้าวขึ้นสู่เก้าอี้นายกฯที่ได้รับความนิยมสูงเป็นประวัติการณ์
แต่แล้วหลังพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น นักโทษชายแม้ว ก็เผยธาตุแท้หลอกเหล่าบุคคลน้ำดีเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อตัวเอง ด้วยการละทิ้งอุดมการณ์สร้างการเมืองน้ำดีโดยดูดบรรดากลุ่มการเมืองและนักการเมืองประเภทน้ำเน่าทุกกลุ่มมารวมกับพรรคไทยรักไทยเพื่อเสริมสร้างความยิ่งใหญ่ให้ นักโทษชายแม้ว ผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างยาวนาน
ซ้ำหลัง นักโทษชายแม้ว คุมอำนาจยึดครองประเทศได้อาศัยอำนาจแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตัวเอง ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวมีการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬาร และที่สำคัญมีการจวบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างเหิมเกริมชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งจากธาตุแท้ที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าของ นักโทษชายแม้ว ทำให้บรรดาบุคคลน้ำดีที่ให้การสนับสนุน นักโทษชายแม้ว รู้ตัวว่าเสียท่าถูกหลอกจึงต่างพากันถอนตัวเลิกให้การสนับสนุน นักโทษชายแม้ว และบางคนยังถึงกับ
กลายมาเป็นศัตรูกับระบอบทักษิณ อาทิ พล.ต.จำลอง และ นายสนธิ ที่มาร่วมก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหวังกำจัดระบอบทักษิณเพื่อเป็นการไถ่บาปต่อชาติบ้านเมืองจากอดีตที่เคยสนับสนุนบุคคลอันตรายอย่าง นักโทษชายแม้ว
เพราะฉะนั้นการที่บรรดาบุคคลสำคัญก็ยังถูก นักโทษชายแม้ว หลอกอย่าว่าแต่ประชาชนทั่วไปหรือกลุ่มไพร่แดง ซึ่งหนึ่งในหลักฐานที่สะท้อนธาตุแท้ตัวตนของ นักโทษชายแม้ว ก็คือคำพูดที่ นักโทษชายแม้ว เคยกล่าวกับนายเสนาะ เทียนทอง อดีตผู้ปั้น นักโทษชายแม้ว จนได้นั่งเก้าอี้นายกฯโดย นายเสนาะ เคยเตือนกรณีที่ นักโทษชายแม้ว ใช้โครงการประชานิยมหาเสียงหลอกประชาชน แต่ นักโทษชายแม้ว กลับตอบ นายเสนาะ อย่างไม่ยี่หระด้วยคำพูดเชิงเปรียบเปรยว่า ประชาชนก็เหมือนคนตาบอดไม่กลัวเสือซึ่งหมายถึงการหาเสียงโฆษณาชวนเชื่อ ถ้าไม่หลอกแล้วจะได้คะแนนนิยมจากประชาชนหรือ
นอกจากนี้ นักโทษชายแม้ว ยังใช้สาระพัดโครงการประชานิยมมอมเมาหลอกประชาชนเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้ตัวเองและเปิดช่องให้มีทุจริตคอร์รัปชั่นโดยไม่คำนึงถึงความหายนะต่อประเทศที่จะตามมา ซึ่งนโยบายประชานิยมหลายโครงการได้สร้างความล่มจมแก่ประเทศและมีการโกงบ้านกินเมืองอย่างมโหฬาร และยังตกทอดมาถึงยุครัฐบาลหุ่นเชิดภายใต้การนำของนายกฯนกแก้วยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาว
นักโทษชายแม้ว ยังสร้างภาพลวงโลกและหลอกคนทั้งประเทศว่าตัวเองมีอุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตย ทั้งๆที่ความจริงแล้วแนวคิดของ นักโทษชายแม้ว คือการผูกขาดอำนาจและแสวงหาผลประโยชน์มุ่งสถาปนาระบอบทักษิณยึดครองประเทศให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก่อนเปลี่ยนประเทศไปสู่ระบอบใหม่ ซึ่งพฤติกรรมของ นักโทษชายแม้ว ในอดีตรวมทั้งพฤติกรรมของรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณทุกคณะรวมทั้งรัฐบาลหุ่นเชิดภายใต้การนำของนายกฯนกแก้วยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาวสวนทางกับประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างสิ้นเชิง เพราะลุแก่อำนาจทำอะไรตามใจชอบเพื่อตัวเองโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมใดๆทั้งสิ้นซึ่งไม่ต่างอะไรจากการเป็นเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยเหมือนกับที่พรรคนาซีของอดีตจอมเผด็จการทรราชย์อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ปกครองเยอรมันนีในอดีต
นอกจากนี้ นักโทษชายแม้ว ยังใช้วิธีการที่สวนทางกบระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิงโดยอาศัยม็อบเสื้อแดงและกองกำลังติดอาวุธก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐ
เหล่าไพร่แดงก็เช่นกันถูก นักโทษชายแม้ว หลอกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมาตลอด ซึ่งหากย้อนทบทวนเหตุการณ์ในอดีตช่วงเกิดความรุนแรงทางการเมืองจากการก่อจลาจลและก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2552และในปี 2533 นักโทษชายแม้ว ปลุกระดมให้ม็อบเสื้อแดงก่อสงครามกลางเมืองขั้นแตกหักเพื่อล้มรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดย นักโทษชายแม้ว ถึงกับปลุกระดมว่า “หากกระสุนนักแรกจากฝ่ายทหารดังขึ้นเมี่อไหร่ ผมจะกลับมานำทัพคนเสื้อแดงเพื่อสู้กับอำนาจรัฐให้ถึงที่สุด” แต่ในเหตุการณ์เมื่อปี 2522 ม็อบเสื้อแดงถูกสลายการชุมนุมพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา นักโทษชายแม้ว โดยขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด นักโทษชายแม้ว กับครอบครัวตระกูลชินกลับหนีเอาตัวรอดไปตั้งหลักที่ประเทศอังกฤษโดยสมาชิกในครอบครัวชินวัตรบินออกนอกประเทศไปพบ นักโทษชายแม้ว และมีภาพจากสำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่สะท้อนให้เห็นธาตุแท้นักโทษชายแม้ว พร้อมสมาชิกในครอบครัวขณะกำลังเดินช็อปปิ้งในห้างหรูของประเทศอังกฤษอย่างสบายใจเฉิบขณะที่ม็อบคนเสื้อแดงพ่ายแพ้
กรณีล่าสุดที่จะพิสูจน์สะท้อนธาตุแท้นักโทษชายแม้วที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อตัวเองแม้แต่การทรยศหักหลังเหล่าไพร่แดงที่ตัวเองหลอกใช้มาตลอดก็คือร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับไพร่แดงซึ่งต้องการให้ลบล้างโทษความผิดเฉพาะประชาชนที่มาร่วมชุมนุมทางการเมืองช่วงที่ผ่านมาโดยไม่รวมถึงผู้สั่งการ ผู้บงการ แกนนำการชุมนุมและเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำให้เกิดการสูญเสีย โดยขอให้จับตาเพราะมีแนวโน้มว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับไพร่แดงไม่มีวันได้เกิดเนื่องจากนอกจากนักโทษชายแม้วไม่ได้ประโยชน์จากการได้รับการฟอกโทษความผิดแล้ว แล้วยังอยู่ในข่ายที่จะถูกลงโทษด้วยในฐานะที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์จลาจลของม็อบเสื้อแดงเมื่อปี 2552 และเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองปี 2553 โดยเป้าหมายสำคัญที่สุดของนักโทษชายแม้วก็คือทำอย่างไรก็ได้ขอให้ตัวเองได้รับการฟอกโทษความผิดทั้งหมดจนสามารถเดินทางกลับบ้านแบบเท่ๆโดยไม่ต้องติดคุกตามคำพิพากษาของศาล แม้ว่าจะเป็นการทำลายหลักนิติรัฐและความศักดิ์สิทธิของศาล หรือจะเป็นชนวนทำให้ชาติบ้านเมืองกลียุคนองเลือดจากมหาชนที่ออกมาต่อต้าน เพราะธาตุแท้ของนักโทษชายแม้วก็คือทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวกู
ที่มา คอลัมน์...จับได้ไล่ทัน โดย...ส.วิภาวดี http://www.naewna.co...lumnonline/7785
Edited by ดอกปีบ FOR VENDETTA, 27 July 2013 - 08:45.