ประชาธิปไตย ควรจะเป็นอำนาจของประชาชนต้องอยู่ในมือของประชาขนส่วนใหญ่ได้ทุกเวลาเสมอที่เขาต้องการ ไม่อยู่ในมือของคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด แต่เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงานจึงให้คนที่เราเชื่อว่า จะเอาอำนาจที่เรามอบให้เอาไปใช้เพื่อประชาขนส่วนใหญ่ และไม่ได้เอาไปใช้เพียงเพื่อเราหรือเขาเท่านั้น การที่จะให้อำนาจใครไปควรจะต้องรู้ว่า ลาญ ยศ เงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ สิ่งเหล่านี้คือ กิเลส ซึ่งไม่มีมนุษย์คนไหนจะละหรือสลัดออกได้ นอกจากพระอรหันต์และพระพุทธเจ้า ดังนั้นการจะให้เขาหรือกลุ่มใดมาใช้อำนาจนั้นถาวร ไม่ควรจะให้มีหรือเกิดขึ้น จึงไม่ควรให้มีอาชีพนักการเมือง ควรจะมีแต่ผู้ที่อาสาจะมาทำงานให้ประชาชนส่วนใหญ่อย่างบริสุทธิ์ใจ นั่นก็สามารถเรียกได้ว่าเป็น ฮีโร่ ดังนั้นเราควรจะมาช่วยกันกำหนดว่า ฮีโร่ ของเราควรจะเป็นอย่างไร ผมขอเสนอดังนี้
- ผู้ที่จะมาทำงานการเมือง ไม่ควรเกิน 8 สมัย หรือ ไม่ควรเกิน 8 ปี ( นับเอาสมัยการทำงานเป็นหลัก ) และจากนั้นควรเว้นวรรคการเมืองไปอีก 8 ปี ห้ามยุ่งเกี่ยวการเมืองให้กับมาเป็นประชาชนทำงานตามปรกติทั่วไป และหน่วยงานใดที่เขาได้ออกมาทำงานรับใช้ประชาชนจะต้องรับกลับเข้าทำงานเพราะเขาอาสามารับใช้เรา ( ที่ต้องเว้นวรรคเพราะขณะที่เขาทำงานการเมืองเขาจะมีความรู้สึกว่าอีก 8 ปีข้างหน้าเขาก็คือประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีอำนาจอะไรดังนั้นเขาน่าจะทำอะไรเพื่อวันข้างหน้าเขาจะต้องกลับเป็นประชาชนธรรมดา )
- ให้บุคคลใดๆสามารถอาสาทำงานการเมืองได้ไม่เกิน 4 สมัย ( สมัยละ 4 ปี ) หากระหว่างทำงานการเมือง เกิดยุบสภาหรือมีเหตุให้ต้องหมดสภาพทางการเมืองก็ให้นับตามสมัยไป เช่น อยู่มา 2 ปี เกิดยุบสภา ก็สามารถสมัครใหม่มาทำงานได้อีก 1 สมัย แล้วต้องเว้นวรรคการเมืองไป 8 ปี จึงจะสามารถ อาสาเข้ามาทำงานการเมืองได้อีกไม่เกิน 2 สมัย
- บุคคลใดในระหว่างที่ทำงานการเมืองห้ามให้คนในตระกูลเดียวกันหรือเครือญาติเข้าอาสาทำงานการเมือง เพื่อป้องกันการสืบทอดอำนาจทางเมือง และหลังจากอยู่ในช่วงเว้นวรรคการเมืองแล้ว 2 ปี จึงจะสามารถให้คนในตระกูลหรือเครือญาติเข้าอาสาทำงานการเมืองได้
- ผู้อาสาจะได้ต้องเข้าประขุมสภาหากไม่แจ้งล่วงหน้าว่าไม่เข้าจะถูกหักเงินเดือน และถ้ามีสภาล่มจะถูกหักเงินเดือนทั้งหมดทุกคน และถ้าสรุปผลการประชุมแล้วไม่เสร็จสิ้นจาก 50 เปอร์เซ็นของหัวข้อในสภาทั้งหมด จะถูกหักเงินเดือนเช่นกัน
- ประชาชนสามารถเข้าชื่อถอดถอนผู้ที่อาสาทำงานการเมืองได้ โดยให้ได้ตามจำนวนเสียงที่ผู้นั้นถูกรับเลือกเข้ามา โดยดูจากอำนาจหน้าที่ของผู้ทำงานการเมืองนั้นครอบคลุมถึง เช่น สส สก เขต ถูกรับเลือกจากเขตไหนจำนวนเท่าใดก็ให้ยึดตามจำนวนนั้นในการเข้าชื่อถอดถอน
หากใครจะเสนอจากนี้ก็เพิ่มเติมกันต่อได้เลย
และนี่คือส่วนสำหรับแก้ไขข้าราชการประจำ
- ประชาขนทุกคนสามารถเข้าชื่อเพื่อถอดถอนหรือยับยั้งข้าราชการประจำได้ในหมู่บ้าน เขตหรือจังหวัดของตัวเอง โดนให้นับจากเปอร์เซ็นต์ประชากรของเขตหรือจังหวัดนั้นๆที่ข้าราชการนั้นประจำอยู่ และผู้ที่เข้าลงชื่อจะได้รับการคุ้มครอง หากผู้เข้าชื่อบาดเจ็บหรือล้มตายข้าราชการนั้นจะมีความผิดทันที และจะคุ้มครองไปเรื่อยหลังสรุปความถูกผิดในข้าราชการนั้นแล้วก็ตาม
- เปอร์เซ็นต์ของการเข้าชื่อ หากมี 25 เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่ข้าราชการนั้นดูแลอยู่ ให้พักงานชั่วคราว แล้วสืบข้อเท็จจริง แล้วดำเนินการตามกฎหมาย
50
75 เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่ข้าราชการนั้นดูแลอยู่ ให้ข้าราชการผู้นั้นออกจากราชการ แล้วสืบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมาย
เช่น จะเข้าชื่อให้ตรวจสอบกำนันหมู่บ้านหนึ่งที่มีประชากร 1000 คน ก็ใช้เปอร์เซ็นต์ตามข้างต้น เป็นตัวกำหนด
จำนวนประชากรสามารถบ่งชี้ได้ในระดับหนึ่งแน่นอน
- ประชาชนสามารถเช้าชื่อกันเองหรือจะให้หน่วยงานรัฐซึ่งควรจะเป็นหน่วยงานอิสระที่ตั้งขึ้นเป็นผู้ดำเนินการตั้งโต๊ะให้ประชาชนมาลงชื่อ
หมายเหตุ ข้าราชการประจำ รวมถึงองค์กร หน่วยงานของรัฐต่างๆ ทหาร ตำรวจ