26 ความเห็นในกระทู้นี้

[tabbar]

ทำไมดูมันเยอะจัง

 

http://www.theatlant...beaches/100564/

 

 

 

 

Edited by Fah&Sai, 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 10:30.

[tabbar]

 

น้ำมันรั่ว 50,000 ลิตร จริงหรือ 
ชมคลิป http://youtu.be/1MXMMTITGr4

การชี้แจงจากบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ว่า น้ำมันรั่ว 50,000 ลิตร เมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด 4 วันที่ผ่าน ยังมีจุดผิดสังเกตหลายข้อว่าปริมาณที่รั่วจริงเท่าไหร่ เมื่อคำนวณจากสาเหตุของการรั่ว คำนวณจากภาพถ่ายทางอากาศ หรือคำนวณจากปริมาณสารเคมีที่นำมาขจัดคราบน้ำมัน

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที จีซี ชี้แจงสาเหตุน้ำมันรั่ว เกิดขึ้นระหว่างเรือขนถ่ายน้ำมันไปสู่โรงกลั่นในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ห่างจากฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร ระหว่างถ่ายน้ำมันจากเรือไปที่ทุ่นลอยเกิดรั่วไหลในจุดที่เรียกว่าท่ออ่อน ท่ออ่อนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 16 นิ้ว ยาว 100 เมตร หากคำนวณหาปริมาตร และเทียบเป็นลิตร จะมีความจุสูงสุดไม่เกิน 12,000 ลิตรเท่านั้น แต่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล ชี้แจงว่าน้ำมันรั่วประมาณ 50,000 ลิตร

ปริมาณที่ต่างกันระหว่างความจุในท่ออ่อนกับปริมาณน้ำมันที่รั่วนำมาสู่คำถามที่ว่า วาล์วอัตโนมัติที่ บริษัทอ้างว่าจะปิดทันทีเมื่อแรงดันมีความแตกต่าง ในสถานการณ์จริงเป็นเช่นนั้นหรือไม่ หรือ การรั่วไหลเกิดขึ้นในจุดอื่น อีกข้อสังเกตผิดปกติ คือปริมาณ 50,000 ลิตร คิดเป็นเพียงแค่ 2% เมื่อเทียบกับน้ำในสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐานสากลที่ยาว 50 เมตร กว้าง 25 เมตร ลึก 2 เมตร คำนวณปริมาตรจะจุน้ำได้ 2,500,000 ลิตร

หรือหากเทียบกับหางพ่วงบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ สามารถบรรจุได้ 40,000 - 45,000 ลิตร หมายความว่า น้ำมันจากห่างพ่วงไหลลงสู่ทะเลทั้งคัน ในขณะที่ภาพถ่ายดาวเทียมจากจิสด้าวันที่ 27 กรกฎาคม วันแรกที่น้ำมันรั่ว มีขอบเขตประมาณ 12.45 ตารางกิโลเมตร หรือเทียบกับสนามฟุตบอลมาตรฐานสากลยาว 105 เมตร กว้าง 68 เมตร ภาพถ่ายน้ำมั่นรั่ววันแรก จะเท่ากับสนามฟุตบอล 1,743 สนาม ผู้เชี่ยวชาญจึงตั้งข้อสังเกตปริมาณรั่วไหลที่แท้จริง นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตสารเคมีที่ใช้ขจัดคราบน้ำมันที่เรียกว่าเดสิก สลิกกอน เอ็นเอส ที่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล ขออนุญาต ใช้จากกรมควบคุมมลพิษ

สารชนิดนี้มีอัตราการกระจายคราบน้ำมัน 1 ต่อ 10 หรือน้ำมันรั่ว 50,000 ลิตร ต้องใช้สารเคมีปริมาณ 5,000 ลิตร แต่อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล ขออนุญาตใช้สารเคมีกำจัดคราบน้ำมันถึง 25,000 ลิตร หรือ 5 เท่า ของปริมาณน้ำมันรั่วไหล ขณะนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมตั้งข้อสังเกตว่าไม่มีความจำเป็นเพราะจะส่งผลต่อคุณภาพน้ำทะเล ที่สำคัญไม่ใช่สารเคมีราคาถูก ยิ่งทำให้ปริมาณน้ำมันที่บริษัทให้ข้อมูลว่ารั่ว 50,000 ลิตร ยังเต็มไปด้วยข้อสงสัย 

ขอบคุณ : คลิป - ข่าว TPBS

[Kh@n]

น้องชายผมทำงานสายนี้อยู่ครับ บอกว่าน่าจะ 50,000 จริงๆ แต่หน่วย บาร์เรล นะครับ     

 

(คูณไปอีก 158 จะได้ปริมาณเป็นลิตรครับ)

[Gop]

คำนวณดูจากขนาดของคราบน้ำมัน ผมว่าเกินห้าหมื่นลิตรชัวร์

[Emolution]

ไม่ใช่ 50000 แน่ๆ ถามใครเค้าก็รู้

[Gop]

ผมไม่เข้าใจ ปตท. ว่าจะโหกให้ได้อะไรขึ้นมา คิดว่าชาวบ้านเค้าโง่ขนาดที่ว่า พูดอะไรก็เชื่อหมดทุกอย่างหรือไง?

[เพื่อไทยทำได้ทุกอย่าง]

หลอกชาวบ้านไปวันๆ

[tabbar]

Gulf Of Thailand Oil Spill Mars Samet Island, Spreads To Nearby Isles (PHOTOS)

 

ตามลิ้ง

http://www.huffingto...#es_share_ended

[tabbar]

Noppanan Arunvongse Na Ayudhaya

CNN ส่งผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ รายงานสดความเสียหายจากน้ำมันรั่วบริเวณเกาะเสม็ด วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมตั้งประเด็นข้อสงสัย ปริมาณน้ำมันรั่วอาจมีถึง 100,000 ลิตร มากเป็น 2 เท่าจากที่ปตท. อ้าง

ข้อมูลอ้างอิง :

Thailand oil spill: Tourists abandon blackened Koh Samet beach
http://edition.cnn.c...l?sr=fbmainintl

 

 

 

 

[สิงห์สนามซ้อม]

ผมไม่เข้าใจ ปตท. ว่าจะโหกให้ได้อะไรขึ้นมา คิดว่าชาวบ้านเค้าโง่ขนาดที่ว่า พูดอะไรก็เชื่อหมดทุกอย่างหรือไง?

 

ปตท. มันก็คิดว่าชาวบ้านโง่ล่ะครับ มีตั้ง 15ล้านเสียง

[Uncle-K]

จากภาพด้านบน คราบน้ำมันบนหาดระดับตาตุ่ม(10 cm.)  ถ้ารั่ว 50,000 ลิตร ก็จะกินพื้นที่แค่ 500 ตารางเมตร(125 ตารางวา) เท่านั้น

 

ผมไม่รู้หรอกว่าความหนาของคราบน้ำมันบนหาดจริงๆแล้วมันหนาเท่าไหร่ แต่ที่บอกว่ารั่ว 50,000 ลิตรน่ะ ผมไม่เชื่อนะครับ ปตท.

[เรื่อยๆเอื่อยๆ]

ถ้าเอาตัวเลขว่าคราบน้ำมันกระจายตัวไปสิบตารางกิโลเมตรหรือเท่ากับสิบล้านตารางเมตร และถ้าคิดตามปตทคือห้าหมื่นลิตร แสดงว่าคราบน้ำมันบางมาก ต้องล้อมพื้นที่สองร้อยตารางเมตรถึงจะเก็บน้ำมันได้หนึ่งลิตร หรือตารางเมตรละห้าซีซี เท่านั้นเอง
ไม่สมเหตุสมผลเลย

[เพื่อนร่วมชาติ]

เช ี่ยส์ ก็ตูนึกว่าประเทศนี้ไม่มีคนคำนวณปริมาตรเป็นนี่หว่า

[กรกช]

 

 

ขนาดฝรั่ง ปตท.ยังกล้าตอแหลมาแล้ว บอกไม่ตรงกับความจริง 10 เท่า นับประสาอะไรกับคนไทย

คนตรวจสอบก็พวกเดียวกัน สื่อก็ซื้อไว้หมด งานนี้น่าจะเป็นล้านลิตร

 

 https://www.facebook...&type=1

[nunoi]

อาจจะจริงก็ได้ แต่บอกหน่อยผิด รายงานมาไม่ตรง บลาๆๆๆ 

[กรกช]

 

 

 

เทรลเลอร์น้ำมันนี้จุประมาณ 35,000 ลิตร

 

 

 

 

 

 

แค่มุมหนึ่งของอ่าวพร้าว น้ำมันไม่ใช่แค่ลอยเป็นฟิล์มบางๆ นี่มันกี่เทรลเลอร์น้ำมันเนี่ย !!!

 

 

 

 

วงกลมสีแดงๆเล็ก คืออ่าวพร้าว ลองดูปริมาณน้ำมันสิ ใหญ่กว่าเกาะเสม็ดอีก

พื้นที่เกาะเสม็ด 3000 กว่าไร่ ยังเล็กกว่า งานนี้เป็นล้านลิตร

[IFai]

      ปตท.บอกตรงถูกต้องแล้วครับ

      เขาอ่านตัวเลขระบบ นส.ปู

[Stargate-1]

http://www.dailynews.co.th/technology/222324

 

จากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วประมาณ 50,000 ลิตร ในทะเล ห่างจากท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อเวลาประมาณ 7 นาฬิกา ของวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ถ่ายภาพบริเวณน้ำมันรั่วไหล ด้วยดาวเทียม RADARSAT–2 เมื่อเวลา 18.31 น. ของวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.gistda.or.th แสดงให้เห็นถึงคราบน้ำมันที่ผิวหน้าทะเล มีความกว้างยาวประมาณ 1.5 X 8.3 ตารางกิโลเมตร โดยส่วนหัวของคราบน้ำมันมีการเคลื่อนตัวห่างจากจุดรั่วไหลประมาณ 15 กม. โดยใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมงตั้งแต่เวลาเกิดเหตุจนถึงเวลาบันทึกภาพ และมีทิศทางเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเข้าหาฝั่ง โดยระบุว่า จากการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมและข้อมูลกระแสน้ำจากสถานีเรดาร์ตรวจวัดคลื่นและกระแสน้ำของ GISTDA คาดว่า วันนี้ (28 กรกฎาคม .2556) คราบน้ำมันจะเริ่มเข้าสู่ชายฝั่ง ตามแนวหาดแม่รำพึง และเขาแหลมหญ้า ประชาชน ผู้ประกอบการ ตลอดจนสถานเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในบริเวณดังกล่าวจึงควรเตรียมการรับมือโดยงดเล่นน้ำทะเล งดการใช้น้ำทะเลเพื่อการเพาะเลี้ยงและขนย้ายสิ่งของที่อาจได้รับความเสียหายจากคราบน้ำมัน รวมทั้งให้ความร่วมมือแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและขจัดคราบน้ำมัน

 

www.gistda.or.th แสดงให้เห็นถึงคราบน้ำมันที่ผิวหน้าทะเล มีความกว้างยาวประมาณ 1.5 X 8.3 ตารางกิโลเมตร

ปริมาณน้ำมันรั่ว 1.5X8.3 ตร.กม.x หนา 1 มม. --> 12,450 ลบ.ม. = 78,308.14 บาร์เรล (12,450,994.26 ลิตร)

ถ้าหนา 0.1 มม. --> 7,830.81 บาร์เรล (1,245,099.43 ลิตร)

ถ้าหนา 0.01 มม. --> 783.08 บาร์เรล (124,509.94 ลิตร)

ถ้าหนา 0.001 มม. --> 78.31 บาร์เรล (12,450.99 ลิตร)

http://group.wunjun.com/yaovaja/topic/75224-1878 (1 บาร์เรล = 0.158987294928 ลบ.ม.)

น้ำมันดิบไหลทะลักออกสู่ทะเลถึง 50,000 ลิตร

50,000 ลิตร =  314.46 บาร์เรล (1 บาร์เรล = 159 ลิตร) หรือ ผิวน้ำมัน ขนาด 1.5 x 8.3 ตร.กม. หนา 0.004 มม.

 

 

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1375058643&grpid=&catid=19&subcatid=1906

คราบน้ำมันลอยเต็มทะเลอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด นักท่องเที่ยวเผ่น เล่นน้ำไม่ได้ "ดร.ธรณ์"ชี้กระทบวงกว้าง

 

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีทีโกลบอลเคมิคอล จำกัด เกิดรั่วไหลน้ำมันดิบไหลลงทะเลจำนวน 50,000ลิตร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ว่า

ล่าสุดเมื่อเวลา 07.00น.วันที่ 29 กรกฎาคม  นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่1  กล่าวว่า  ได้รับรายงานจากเครือข่ายว่า  คราบน้ำมันทะลักเข้าสู่บริเวณชายหาดอ่าวพร้าวเกาะเสม็ด หมู่ 4 ต.เพ อ.เมืองระยอง  ตั้งแต่เวลา19. 00น.คืนวันที่ 28 กรกกรกฎาคมที่ผ่านมา  ไม่มากนักและเมื่อเวลา22.00น.วันเดียวกันได้รับรายงานว่าบริเวณหาดอ่าวพร้าวเต็มไปด้วยคราบน้ำมันจำนวนมากเป็นระยะทางกว่า 600เมตร ทั่วทั้งหาด ห่างจากฝั่งประมาณ20เมตรคราบน้ำมันมีความหนาประมาณ 20- 30 ซม.ห่างออกไปในทะเลประมาณ200เมตรคราบน้ำมันจะเป็นลักษณะคล้ายฟิล์มบางๆ เช้าวันเดียวกันนี้นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.ระยองได้สั่งการให้ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ อบต.เพ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด รีบดำเนินการจัดเก็บคราบน้ำมันโดยด่วน

ขณะเดียวกันทราบว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากที่พักอยู่บริเวณอ่าวพร้าวเตรียมเดินทางออกจากที่พักก่อนกำหนดในเช้าวันเดียวกันเพราะไม่สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้

 

ด้าน ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์จากคณะประมง  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขียนข้อมูลพร้อมภาพถ่ายลงในเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ว่า

"ผมนำภาพถ่ายมาให้ดู เป็นภาพถ่ายจาก GISTDA เมื่อเย็นวานนี้ จะเห็นได้ว่า คราบน้ำมันที่เป็นปื้นสีดำ ขนาดใหญ่เกือบเท่าเกาะเสม็ด ความยาวนับสิบกิโลเมตร ความกว้าง 1.5-2 กิโลเมตร กำลังลอยเข้ามาหาชายฝั่ง จากการคาดการณ์น่าจะเข้ามาวันนี้แหละครับ"

 

ผมจึงลองนำภาพของ GISTDA มาทำแผนที่เพิ่มเติม ใส่ระบบนิเวศทางทะเลลงไป ได้แก่ B หรือ Beach บริเวณนั้นเรียกว่าก้นอ่าว อันเป็นส่วนของหาดแม่รำพึงที่มาเชื่อมต่อกับเขาแหลมหญ้า C คือ Coral Reef เป็นแนวปะการังที่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะเสม็ด Ben คือ Benthic Community หรือระบบนิเวศพื้นท้องทะเล

 

เมื่อลองพิจารณาจากคราบน้ำมัน ดูจากผลกระทบที่เกิดขึ้น ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อันเป็นแนวทางที่ควรใช้ในการวางแผนรับมือกับอุบัติเหตุทางทะเล เราประเมินความน่าเป็นห่วงของระบบนิเวศที่จะเกิดผลกระทบได้ ดังนี้ครับ (แนวคิดของผมคนเดียว ไม่เกี่ยวกับหน่วยงานใด)

 

1 หาดทรายที่ก้นอ่าว คราบน้ำมันอาจจับกับเม็ดทราย เคลือบตามตัวสัตว์ทะเล ทำให้ระบบนิเวศบนหาดทรายเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อการท่องเที่ยว การกำจัดคราบน้ำมันบนหาดทรายค่อนข้างยุ่งยากและใช้งบประมาณมาก ต้องดูกันต่อว่ามีมากน้อยแค่ไหน

 

2 หาดหินที่เขาแหลมหญ้า รวมทั้งหาดทรายและแนวปะการังเล็ก ๆ และแนวสาหร่ายติดฝั่งที่อยู่ตรงปลายแหลม

 

3 แนวปะการังและหาดต่าง ๆ ทางฝั่งตะวันตกของเกาะเสม็ด

 

4 ระบบนิเวศพื้นท้องทะเลตั้งแต่จุดที่น้ำมันรั่วตรงมาหาฝั่ง ระยะทางไม่ต่ำกว่า 20-30 กิโลเมตร

 

5 หากคราบน้ำมันลอยผ่านช่องเสม็ด หาดแถวบ้านเพอาจได้รับผลกระทบ รวมถึงป่าชายเลนหย่อมเล็ก ๆ ตรงนั้น

 

6 หากคราบน้ำมันกระจายตัวไปมากขึ้น อาจส่งผลกระทบบ้างต่อหาดอื่นที่อยู่เลยเกาะเสม็ดไปทางตะวันตก

 

7 พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ยังไม่ได้ประเมินครับ

 

 

ย้ำอีกครั้งว่านี่คือแนวคิดด้านร้าย ซึ่งประเทศไทยไม่ค่อยนิยมใช้ ด้วยอ้างว่าเดี๋ยวประชาชนเกิดความตื่นตระหนก ผมก็สงสัย คราบน้ำมันไม่ใช่ก๊อตซิลล่าบุก ตื่นตระหนกแล้วเป็นไง ในกรณีนี้อย่างนี้ ควรโปร่งใสและชัดเจน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคราวนี้คงจะเป็นเช่นนั้น จะได้มาช่วยกันดูช่วยกันคิด

 

เผอิญผมต้องไปทำธุระอื่น เขียนแบบเร็วจี๋ได้แค่นี้ เอาไว้มีเวลาค่อยลงรายละเอียด ขอบคุณ GISTDA ของพี่อานนท์อีกครั้ง หวังว่าจะติดตามหาข้อมูลมาบอกกล่าวให้เราฟังต่อนะครับ

 

อ้อ ทุ่นกันน้ำมันของเรายาว 200 เมตร แนวน้ำมันกว้าง 2 กิโลเมตร อย่าถามว่ากันได้แค่ไหน ผมเคยถามเขาในที่ประชุมแล้ว เขาบอกว่ามีไว้ใช้ล้อมเรือที่จอดเทียบท่าแล้วพลาดทำน้ำมันหกลงมา ถ้าเป็นอุบัติเหตุทางทะเลก็คงต้องหวังพึ่งทุ่นจากสิงคโปร์ ก็หวังต่อไปนะครับ

 

"สำหรับการกำจัดคราบน้ำมันที่คลื่นและกระแสลมแรงซัดและโถมเข้าสู่ชายหาด เป็นแนวทอดยาวกว่า 600 เมตร บริเวณหน้าอ่าวพร้าวของเกาะเสม็ด โดยมีระยะห่างออกจากฝั่งไปประมาณ 20 เมตร คราบน้ำมันมีความหนาประมาณ 20-30 ซม. ทำให้ชายหาดเต็มไปด้วยคราบน้ำมันสีดำทะมึน ต้องระดมกำลังพลกว่า 300 นาย เข้าตักเก็บคราบน้ำมัน เพื่อนำมากำจัดบนฝั่ง และห่างออกไปในทะเลอีกประมาณ 200 เมตร คราบน้ำมันจะเป็นลักษณะคล้ายฟิล์มบางๆ ลอยอยู่เป็นระยะๆ "

ถ้ากว้างน้อยสุด 1 ม. ยาว 600 ม. หนา 20 ซม. ปริมาตร = 120 ลบ.ม.(120,000 ลิตร) --> ปริมาณน้ำมันอย่างน้อยที่สุดมีประมาณ 754.72 บาร์เรล (บาร์เรล = 0.159 ลบ.ม.) หรือ มีปริมาณไม่น้อยกว่า 120,000 ลิตร (1 บาร์เรล = 159 ลิตร)

 

http://isarapost.net/overview.php?c=4&id=31448

 

คลื่นซัดคราบน้ำมัน เข้าหาดบ้านเพแล้ว เจ้าหน้าที่เร่งกำจัด ด้าน GISTDA คาดคราบน้ำมันจะเริ่มเข้าสู่ชายฝั่งบ้านปากคลองแกลงเช้าวันนี้

 

ความคืบหน้า กรณีท่อรับ-ส่งน้ำมัน ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (พีทีทีจีซี) รั่วบริเวณชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยอง ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 5 หมื่นลิตร จนต้องระดมเจ้าหน้าที่กำจัดคราบน้ำมันดิบที่ปนเปื้อนในอ่าวไทย

ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่บริษัทพีทีที โกบอล เคมิคอล และทหารนาวิกโยธินกองทัพเรือ ยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อเร่งเก็บกู้คราบน้ำมัน บริเวณอ่าวพร้าว และอ่าวมะขาม ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ล่าสุดคราบน้ำมันถูกคลื่นพัดไปถึงหาดบ้านเพ ซึ่งอยู่ห่างจากอ่าวพร้าว ประมาณ 20 กิโลเมตร และวันนี้จะมีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปอีก 350 นาย เพื่อเร่งเก็บคราบน้ำมันให้เสร็จเร็วที่สุด

ด้านนายชัยรัตน์ ไตรรัตน์จรัสพร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระยองเปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วน ยกเลิกการจองมาท่องเที่ยวเกาะเสม็ด โดยเฉพาะช่วง ไฮท์ ซีซั่น ที่จะมาถึงเดือนตุลาคมนี้ ส่วนมูลค่าความเสียหายด้านการท่องเที่ยวยังไม่สามารถประเมินได้ ขณะที่บ่ายวันนี้จะเรียกประชุมสมาคมการท่องเที่ยวระยอง หาแนวทางแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ จากการใช้ข้อมูลภาพดาวเทียมและข้อมูลกระแสน้ำจากสถานีเรดาร์ตรวจวัดคลื่นและกระแสน้ำของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA คาดว่าวันนี้ (30 กค.) ในช่วงเช้าคราบน้ำมันจะเริ่มเข้าสู่ชายฝั่งบริเวณบ้านปากคลองแกลง ประชาชน ผู้ประกอบการ ตลอดจนสถานเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในบริเวณดังกล่าวจึงควรเตรียมการรับมือโดยงดเล่นน้ำทะเล งดการใช้น้ำทะเลเพื่อการเพาะเลี้ยงและขนย้ายสิ่งของที่อาจได้รับความเสียหายจากคราบน้ำมัน รวมทั้งให้ความร่วมมือแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและขจัดคราบน้ำมัน

 

 

ลองคำนวณดูเล่นๆครับ ว่าปริมาณการรั่วของน้ำมันมากมายมหาศาลเพียงไร

 

[HiddenMan]

   

 

http://news.sanook.c...99เปอร์เซ็นต์-/

 

 

สุณิสาเผยหน่วยราชการขจัดคราบน้ำมันได้99%

 

รองโฆษกรัฐบาล ระบุ หน่วยงานราชการร่วมมือขจัดคราบน้ำมันรั่ว ได้ 99% แล้ว
 

ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลขอปฏิเสธข้อกล่าวหาของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่า รัฐบาลหรือหน่วยงานราชการ ไม่ได้รีบลงไปยังพื้นที่น้ำมั่นรั่วตั้งแต่แรก ว่า หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง โดย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมเจ้าท่า กรมควบคุมมลพิษ และกองทัพเรือ ได้ลงไปช่วย ปตท. แก้ปัญหาทันที

 

นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และชาวบ้านในพื้นที่ ได้ร่วมเป็นอาสาสมัครจำนวนมาก ทำให้ขณะนี้การขจัดคราบน้ำมันตกค้างในทะเล ดำเนินการไปได้ 99% แล้ว เหลือเพียงการชำระล้างคราบน้ำมัน ที่ติดอยู่ตามโขดหินและทรายที่ปนเปื้อน จากนี้จะเป็นขั้นตอนการฟื้นฟูบูรณะสภาพแวดล้อมให้กลับสู่สภาพเดิม ส่วนเรื่องการเยียวยานั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ ดังนั้น หากไม่ทราบข้อเท็จจริง ก็ไม่ควรกล่าวหาเจ้าหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรม เพราะจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องเสียกำลังใจ

 

อย่างไรก็ตาม วันเกิดเหตุ ปตท. ได้แจ้งรัฐบาลทราบแล้ว ว่า ทะเลมีคลื่นลมแรงสูงถึง 3 เมตร ทำให้ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ตามแผนฉุกเฉินที่เคยซ้อมไว้ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น บริษัทก็ได้ปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินและประสานงานกับหน่วยราชการทันที

[ชายน้ำ]

ผมไม่อุดหนุนปตท.อยู่แล้ว


บอกหน่อยว่าจะลงโทษบริษัทชั่วๆนี้อย่างไรได้อีก

[nunoi]

ไม่มีอะไรครับ

 

แต่ เรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติแบบนี้

 

ไม่มีเสื้อแดงแสดงความเห็นบ้างเลยหรือ ?

[nunoi]

ตาผมคงฝ้าฟาง ที่ไม่เห็นเหมือนท่าน ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

 

บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

99% ตูอยากจะบ้าตาย 

[HiddenMan]

ตาผมคงฝ้าฟาง ที่ไม่เห็นเหมือนท่าน ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

 

บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

99% ตูอยากจะบ้าตาย 

 

 

โกหก 99% ครับ...

[THE THIRD WAY]

การแก้ปัญหา

ถ้าเริ่มที่การโกหก ไม่มีทางสำเร็จ

ถึงสำเร็จก็ช้า และเสียหายยับเยินมันบ้ากันไปหมดแล้ว

 

เคยเห็นการแก้ปัญหาแบบโง่ๆบางประเทศ

เรือบินชนตึกสูง

เขาประกาศเลยครับว่าเกิดจากเหตุนั่นนี่

ให้ประชาชนทำตัวอย่างไร ผิดกับบางประเทศ

 

ฮั่นแน่..โรงโฆษกรัฐบาล

แก้ไขได้๙๙โปเซง

ตุ๋ย...

 

กินอะไรมาวะ

ถึงโง่ยังงี้

[tuang]

ผมไม่อุดหนุนปตท.อยู่แล้วบอกหน่อยว่าจะลงโทษบริษัทชั่วๆนี้อย่างไรได้อีก

เผา เลยครับพี่น้อง รมช.เต้น รับผิดชอบเอง

[SpikyMoss]

ไม่มีความสามารถคำนวณนะคะ แต่พอสรุปข่าวที่ติดตามและรู้สึกได้ถึงความพยายามปกปิดข่าว ไม่พูดความจริงขององค์การ

ส. 27 ก.ค. ประมาณ 11 โมงหลังเรื่อง Monster Inc. จบทางช่องเจ็ด มีข่าวต่อ รายงานว่ามีเหตุท่อน้ำมันรั่วจากการถ่ายน้ำมันดิบของบริษัท PTTGC ตอนแรกจะโพสต์บอกเพื่อนใน FB แต่เปลี่ยนใจ เพราะได้ยินจากข่าวว่าไม่มีอะไรมาก ควบคุมสถานการณ์ได้ เลยเดาว่าคงเป็นเหตุการณ์เล็กน้อย

อา. 28 ก.ค. ช่วงเย็นติดตามข่าวต่อ ข่าวรายงานว่าปริมาณน้ำมันที่ลอยอยู่บนน้ำทะเลมีขนาดประมาณ 1.5 ตร.กม. และให้สิงคโปร์มาช่วยโปรยสารเคมีขจัดคราบน้ำมันที่ลอยอยู่ และคราบน้ำมันจะหมดไป

จ. 29 ก.ค. ประมาณ 11 โมงเช้าไปกินก๋วยเตี๋ยว ลูกสาวร้านก๋วยเตี๋ยวบอกหม่าม้าว่าน้ำมันลอยไปจะถึงเกาะเสม็ดแล้ว หม่าม้าบอกว่าก็เอาถังน้ำตักขึ้นมาสิ เรายังขำอยู่ในใจว่าหม่าม้าคงนึกไม่ออกว่าน้ำมันรั่วเป็นยังไง ช่วงบ่ายดูข่าวปรากฎว่าน้ำมันจำนวนมากลอยไปถึงเกาะเสม็ด และสร้างความเสียหายให้อ่าวพร้าวเป็นจำนวนมาก ข่าวที่มาช่วงหลังคือขนาดของน้ำมันนั้นประมาณ 18 ตร.กม. PTTGC ก็ยังบอกว่าเดี๋ยวจะกำจัดให้หมดไปโดยเร็วด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย (ตรงไหน) แต่ภาพที่เห็นคือการเอาถังตักน้ำมันขึ้นมาจริง ๆ หม่าม้าร้านก๋วยเตี๋ยวพูดถูก ! รัฐมนตรีท่องเที่่ยวบอกว่า "เสียหายเพียงเล็กน้อย"

ฯลฯ 

 

ข่าวที่ออกมากับความจริงที่ออกมาเรื่อย ๆ ภายหลังมันปิดไม่มิดหรอก

องค์กร ปตท.และรัฐบาลบิดเบือนข่าวสารสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแบบนี้ เห็นแก่ตัวมากอย่างน่ารังเกียจนะคะ

 

[Stargate-1]

 

น้ำมันรั่ว 50,000 ลิตร จริงหรือ 
ชมคลิป http://youtu.be/1MXMMTITGr4

สารชนิดนี้มีอัตราการกระจายคราบน้ำมัน 1 ต่อ 10 หรือน้ำมันรั่ว 50,000 ลิตร ต้องใช้สารเคมีปริมาณ 5,000 ลิตร แต่อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล ขออนุญาตใช้สารเคมีกำจัดคราบน้ำมันถึง 25,000 ลิตร หรือ 5 เท่า ของปริมาณน้ำมันรั่วไหล ขณะนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมตั้งข้อสังเกตว่าไม่มีความจำเป็นเพราะจะส่งผลต่อคุณภาพน้ำทะเล ที่สำคัญไม่ใช่สารเคมีราคาถูก ยิ่งทำให้ปริมาณน้ำมันที่บริษัทให้ข้อมูลว่ารั่ว 50,000 ลิตร ยังเต็มไปด้วยข้อสงสัย 

 

SLICKGONE NS

SLICKGONE NS is one of the world's best selling Type 2/Type 3 dispersant concentrates and is exceptionally efficient on a broad spectrum of oils. Unlike many other dispersants, SLICKGONE NS even gives excellent results on high wax content crudes.

SLICKGONE NS is also more effective than most dispersants on heavy oils and water-in-oil emulsions (chocolate mousses).

SLICKGONE NS meets the stringent efficiency requirements of NETCEN UK' and is approved under the Ministry of Agriculture Fisheries and Food's toxicity requirements.

SLICKGONE NS is also approved/accepted in other countries. Please consult DASIC International for an updated list of approvals/acceptances.

SLICKGONE NS is highly effective at emulsifying crude oils, fuel oils and water-in-oil emulsions even at low temperatures, producing oil droplets minute enough to be retained beneath the sea surface where they are rapidly diluted by subsurface mixing and are eventually biodegraded by micro­organisms.

APPLICATION METHODS

AT SEA

SLICKGONE NS has been developed for use undiluted and is most effective applied in this way. It is, however, compatible with seawater and can be used diluted to 10% (ทำให้เจือจาง เหลือแค่ 10%) with good results.

Extensive field trials in the UK indicate that an effective treatment rate for dispersants is approximately 1 part dispersant to 20-30 parts (ใช้ใน อัตราส่วน 1 ต่อ 20 -30 ส่วน) of oil. If the average thickness of the oil slick is 0.1mm, (ถ้าฟิล์มน้ำมันหนาเฉลี่ยประมาณ 0.1 มม.) then an application rate of 3-5 imp. gal./acre (30-50 litres/hectare  หรือ ใช้ในอัตราส่วน 30 - 50 ลิตร ต่อ พื้นที่10,000 ตร.ม.) is required. Slicks, however, tend not to be uniform and thicknesses can vary from microns to several millimetres. It is important, therefore, to try to estimate the thickness of the oil being treated at any given moment and adjust the treatment rate accordingly.

FROM AIRCRAFT

Dispersant should be applied to the slick from suitable spray booms in the form of a spray with a volume median diameter of approximately 500 microns. A spray such as this gives good uniform coverage, avoids excessive windborne losses, and prevents falling droplets from achieving sufficient momentum to penetrate the oil and become lost to the underlying water.

FROM BOATS

SLICKGONE NS is best applied undiluted provided that suitable spray equipment is available.

Using older type spray equipment, SLICKGONE NS can be diluted in the application equipment with 9 parts seawater to form a 10% solution. This solution should be sprayed at a treatment rate of 1 part diluted dispersant to 2-3 parts of oil. The efficiency loss on dilution of dispersant is partly compensated for by the use of breaker boards to provide energy to emulsify the oil.

Details of suitable spray equipment are available from DASIC. ON BEACHES

SLICKGONE NS is extremely effective applied undiluted on beaches, rocks, harbour walls, etc. It should be applied at a treatment rate of approximately 1 part dispersant to 10 parts of oil in a fine spray such as from a knapsack sprayer or from other beach spraying equipment.

If possible, SLICKGONE NS should be applied approximately 10-30 minutes before an advancing tide so that the surf line provides energy to disperse the oil. If the energy of the surf line is insufficient, then fire hoses can be directed on to the water adjacent to the beach to provide additional energy.

HEALTH AND SAFETY INFORMATION

SLICKGONE NS is of low toxicity and irritancy. However, as with all emulsifiers, contact with the eyes and prolonged contact with skin should be avoided. The wearing of protective goggles is recommended. Avoid breathing spray mists or product vapours. SLICKGONE NS will support combustion and should be kept away from sources of ignition.

 

 

 

Consult the DASIC safety data sheet on this material before use.