ห้ามทำทุกอย่างที่ตนเคยทำ ไม่ทำซักอย่างที่ตนเคยพูดคำแถลงของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่อง “ข้อเสนอทางออกประเทศไทย” เมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2556 ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ประกอบขึ้นด้วยถ้อยคำสวยหรู หวังเสริมภาพลักษณ์นายกฯ ผู้อ่อนโยน มุ่งมั่นหาทางออกให้ประเทศชาติส่วนรวม แต่การกระทำจริงของรัฐบาลกลับไม่เป็นเช่นคำพูด
ดีแต่โม้
พูดอย่าง ทำอย่าง
มือถือสากปากถือศีล
ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ
หน้าเนื้อใจเสือ
หน้าซื่อใจคด
ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ฯลฯ
ไม่ว่าจะเป็นไปอย่างสุภาษิต หรือคำพังเพยใดๆ สุดท้าย คนไทยที่เปิดหูเปิดตาตัวเอง ไม่ว่าจะเสื้อสีใด หากไม่ถูกสนตะพายหรือยอมตนเป็นขี้ข้าทักษิณ ก็จะใช้สติปัญญาพิจารณาไตร่ตรองจากข้อมูลข้อเท็จจริงแห่งการกระทำของฝ่ายรัฐบาลได้ทันทีว่า คำแถลงถึงทางออกของประเทศไทยข้างต้นนั้น เป็น “ถ้อยแถลงตอแหล”
1) นายกฯ ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า “ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดิฉันและรัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อให้เกิดการปรองดองขึ้นในชาติด้วยความพยายามอย่างจริงใจที่จะเดินหน้า อดทน ไม่ตอบโต้ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความปรองดอง สร้างสรรค์และความไว้วางใจ รวมทั้ง การเปิดพื้นที่ให้กับทุกกลุ่มที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมือง และรัฐบาลพร้อมที่จะประนีประนอมกับทุกฝ่าย และพยายามผลักดันให้มีการใช้เวทีรัฐสภามากกว่า ท้องถนนในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง...”
ในความเป็นจริง นายกฯ ยิ่งลักษณ์มีพฤติกรรมละเลย ไม่ให้ความสำคัญกับเวทีรัฐสภาอย่างสมควรจะถูกประณามเสียด้วยซ้ำ ไม่ตอบกระทู้ ไม่แถลงผลงานต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ ไม่รับฟังข้อท้วงติงของสมาชิกรัฐสภา แต่ใช้เสียงข้างมากลากไปทุกเรื่อง ยิ่งกว่านั้น รัฐบาลยังปล่อยให้มีขบวนการกดดันข่มขู่ศาล องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ คุกคามคนที่คิดต่างจากรัฐบาล เวทีแสดงออกของฝ่ายที่คิดต่างจากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเสธ.อ้าย กลุ่มหน้ากากขาว เวทีผ่าความจริง ล้วนแต่ถูกอันธพาลเสื้อแดงบุกไปไล่ล่า คุกคาม ทำร้ายร่างกาย หรือใช้กำลังตำรวจเข้าจัดการอย่างเด็ดขาด
นายกฯ อ้างว่าตนเองอดทน ไม่ตอบโต้ แต่ในความเป็นจริง คือ ยิ่งลักษณ์ไม่เคยตอบข้อข้องใจของสังคมในประเด็นสำคัญๆ ของบ้านเมืองได้ด้วยตนเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว
และถ้าจะมีใครต้องอดทนอดกลั้นในช่วงเวลาเกือบ 2 ปีที่นางสาวยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี คนไทยทั้งประเทศควรจะเป็นคนเอ่ยคำว่าอดทนอดกลั้นกับพฤติกรรมของตัวยิ่งลักษณ์มากกว่า เพราะทำตัวเป็นนายกฯ ที่บริหารประเทศอย่างไร้สำนึกความรับผิดชอบ ปล่อยปละละเลยปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ไฟใต้ ค่าครองชีพ โกงจำนำข้าว ราคายางพาราตกต่ำ น้ำท่วมเอาไม่อยู่ สร้างภาระทางการคลัง เพิ่มหนี้ท่วมแผ่นดิน ฯลฯ
ล่าสุด กลับมาจากทวีปแอฟริกา แทนที่จะรีบรุดลงพื้นที่ ดูแลการแก้ปัญหาและผลกระทบจากน้ำมันรั่วที่จังหวัดระยอง ซึ่งชาวบ้านยังเดือดร้อนอยู่ นายกฯ ยิ่งลักษณ์กลับไม่สนใจ มุ่งแต่จะดูแลการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดตามแผนการของพี่ชาย
2) นายกฯ ยิ่งลักษณ์แถลงว่า “ที่น่าเสียใจที่สุด คือ การที่มีบุคคลบางกลุ่มต้องการการเคลื่อนไหวบนท้องถนน ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ แต่การแสดงออกกลับมีท่าทีที่ไม่ยอมรับกติกาของประชาธิปไตย มีการยั่วยุ กระตุ้นเพื่อนำไปสู่การล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เรียกร้องให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร และใช้ความรุนแรง...”
ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นการใส่ร้ายป้ายสีการชุมนุมของประชาชนอย่างไม่มีความละอาย
การชุมนุมเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในเวลานี้ ยังห่างไกลจากพฤติกรรมของขบวนการเสื้อแดงที่กระทำกับบ้านเมืองในช่วงปี 2552-2553 ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ได้เข้าไปร่วมสนับสนุนอยู่ในม็อบด้วย
การกระทำของเสื้อแดงในตอนนั้น เช่น บุกล้มการประชุมผู้นำอาเซียนที่พัทยา, ไล่ล่าทุบรถนายกรัฐมนตรีที่มหาดไทย, ปิดอนุสาวรีย์ชัยฯ, ปิดถนนทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้เป็นอัมพาต, เผารถเมล์ เผาธนาคาร ต่อมาก็ถึงกับประกาศใช้แก้ว 3 ประการ มวลชน พรรคการเมือง กองกำลังติดอาวุธ, ประกาศให้ผู้ชุมนุมเตรียมขวดใส่น้ำมันมาด้วย เพื่อว่ากรุงเทพจะได้กลายเป็นทะเลเพลิง, เผาเลยพี่น้องผมรับผิดชอบเอง, เทเลือดหน้าสภา หน้าพรรคประชาธิปัตย์ หน้าบ้านพักของครอบครัวนายอภิสิทธิ์, ปิดแยกราชประสงค์ ย่านธุรกิจสำคัญของประเทศ, ตั้งป้อมค่ายคูประตูรบกินพื้นที่เป็นวงกว้าง, บุกโรงพยาบาลจุฬาฯ, บุกไปโจมตีป้อมและด่านสกัดของเจ้าหน้าที่, ฆ่าทหาร โดยกองกำลังปฏิบัติการปะปนในหมู่คนเสื้อแดง, เผาศาลากลางจังหวัด. เผาสถานที่ต่างๆ ทั่วกรุง ฯลฯ
ถึงวันนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ออกมาแถลงใส่ร้ายการเคลื่อนไหวของประชาชน ในขณะที่เขายังไม่ได้เริ่มชุมนุมเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยประกาศให้ทหารรัฐประหารหรือใช้ความรุนแรง แต่กลับสนับสนุนผลักดันการนิรโทษกรรมล้างผิดให้กับการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธร้ายแรง ทำผิดกฎหมาย เผาบ้านเผาเมือง
3) นายกฯ ยิ่งลักษณ์แถลงว่า “จะขอเชิญชวนตัวแทนจากกลุ่มบุคคลทั้งฝ่ายรัฐบาล พรรคการเมือง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สมาชิกวุฒิสภา องค์กรอิสระ เอกชน และนักวิชาการ มาร่วมโต๊ะพูดคุย ออกแบบประชาธิปไตยของประเทศไทย เพื่อหาทางออกให้กับอนาคตของเรา เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมไทย และเป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ โดยในสัปดาห์หน้า รัฐบาลจะเชิญตัวแทนกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และมีความเห็นที่หลากหลายในมุมมองให้มาหารือร่วมกัน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อที่จะนำไปสู่การปฏิรูปการเมือง...”
อมพระประธานมาพูดก็ไม่เชื่อ... ที่ผ่านมา รัฐบาลยิ่งลักษณ์แถลงว่าจะสนับสนุนการทำงานของ คอป. แต่เมื่อ คอป.มีข้อเสนอชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการเร่งรัดนิรโทษกรรม แถมมีผลสอบข้อเท็จจริงระบุว่ามีกองกำลังติดอาวุธชุดดำเชื่อมโยงกับแกนนำเสื้อแดงบางคน รัฐบาลก็เพิกเฉยและโจมตีรายงานของ คอป.
ตระสัตย์เป็นว่าเล่น ล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ
แถมพฤติกรรมวันนี้ ยังไม่ยอมถอนกฎหมายนิรโทษกรรมออกจากสภา เพื่อตั้งหลักการพูดคุยหาทางออก ยิ่งตอกย้ำพฤติกรรม “ตีสองหน้า” ทั้งๆ ที่ ถ้าเพียงถอนกฎหมายออกมา รัฐบาลก็เดินหน้าบ้านเมืองต่อไปได้ตามปกติ
4) คุณนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาของพลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คว่า
“ห้ามทำทุกอย่างที่ตนเคยทำ ไม่ทำซักอย่างที่ตนเคยพูด”
น่าจะใช้เป็นบทสรุปของพฤติกรรมตอแหลไม่รู้จบของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้เป็นอย่างดี
สารส้ม
เฮ้อ...เจอนายกนังโพยแถมสมองและปัญญาของเธอ
ยังมีน้อยนิด จำอะไรไม่ได้นานแบบนี้ เชื่อว่าอีกไม่นาน.
คนจนหมดประเทศแน่ๆ...
ตายห่านหมด...