คนแก่ ใช่ว่าแก่แล้วแก่เลย
เราหนุ่มสาว(ยกเว้นผม) หลายคนยังขอตังค์คนแก่ลงทุนเลย แล้วจะมาดูถูกคนแก่
โดยเฉพาะคนแก่ที่เคยอยุ่ตำแหน่งสูงจริง
ผ่านสนามรบจริง
ผ่านการแก้ปัญหาจริงๆ อาจจะเหนือชั้นว่าที่พสกเราคิด
ดังข้อความที่ลอกมาให้อ่านครับ....
ม็อบ ปชป.เมื่อวานนี้(๗ ส.ค.๕๖) จบลง อย่างที่ หนังสือพิมพ์บางฉบับ พาดหัวตัวดำว่า “กร่อย” “จืดชืด” แต่ในทางตรงกันข้าม หากมองให้ลึกแล้วจะเห็นว่ามีความคมและ ความเฉียบแหลม อยู่ภายใน อย่างลึกซึ้งและอาจเป็นปมที่รัฐบาลจะต้องตามแก้ในอนาคตก็เป็นได้
ทำไมจึงมีทัศนะอย่างนั้น ? ที่มีทัศนะอย่างนั้นก็เพราะว่า
ประการแรก หลายฝ่ายโดยเฉพาะรัฐบาลประเมินสถานการณ์ครั้งนี้ไว้ว่า จะต้องมีความรุนแรงชนิดเลือดตกอย่างออก ถึงขั้นมีการบุกจับตัวนายกรัฐมนตรี จึงมีการประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคงฯ พร้อมระดมกำลังตำรวจจากส่วนภูมิภาคเข้ามาปฎิบัติหน้าที่ จำนวนหลายหมื่นนาย สูญเสียงบประมาณหลายร้อยล้านบาท ทั้งมีการนำกำแพงคอนกรีตสูง มาปิดกั้นถนน รอบรัฐสภาหลายชั้น ประกาศปิดถนนหลายสาย มีตำรวจพร้อมอาวุธฯลฯ ยืนรักษาทางเข้าออกรัฐสภา เหมือนอยู่ในภาวะสงคราม แต่เมื่อเหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่ทางรัฐบาลประเมินไว้ ความชอบธรรมของรัฐบาลในการประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคงฯ จึงอ่อนด้อยลงไปอย่างมาก
ประการที่สอง การประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคง ฯ ทั้งที่ยังไม่มีเหตุการณ์ที่กระทบความมั่นคงต่อประเทศเกิดขึ้น จะขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ จึงเป็นปัญหา ทางกฎหมาย ที่อาจต้องให้ศาลฯตีความในอนาคตและหาก ศาลฯตีความว่า การประกาศ พรบ.ความมั่นคงฯ ก่อนเหตุการณ์จะเกิด ขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย รัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีมติให้ใช้ พรบ.ฉบับนี้ จะรับผิดชอบอย่างไร ?
ประการที่สาม ถูกต้องแล้ว ที่ พรรคประชาธิปัตย์ สั่งให้มวลชนถอย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ห้ามไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไป ในเขตหวงห้ามฯ เพราะหากฝ่าฝืน สั่งให้มวลชนลุยเข้าไป นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้ว อาจมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจะถูกประณามว่านำมวลชนมาบาดเจ็บ ล้มตาย ทั้งจะเป็นผู้ กระทำผิดกฎหมายเสียเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน
ประการสุดท้าย การต่อสู้ครั้งนี้ เป็นเพียงยกแรก ระฆังเพิ่งลั่นขึ้น คู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่ายจึงเพียงจดจ้องดูเชิงมวยกัน การด่วนลุยหนักเข้าต่อสู้อย่างบุ่มบ่าม อาจถูกน็อคเอ๊าต์ในยกแรกก็ได้
ด้วยเหตุผล ที่ยกมาข้างต้น จึงมองว่า เกมส์นี้ เป็นเกมส์ที่ลึกซึ้ง
ในขณะเดียวกัน หากมองอีกมิติหนึ่ง ฝ่ายที่เสียภาพพจน์ น่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล เสียแหละมากกว่า ทั้งนี้เพราะ
(๑) แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ปฏิบัติต่อประชาชน อย่างไม่เป็นประชาธิปไตย เช่น มีการสกัดกั้นประชาชนมิให้เข้าไปที่รัฐสภาซึ่งเป็นของประชาชน ทั้งที่ประชาชนเหล่านั้นมาด้วยมือที่ปราศจากอาวุธ แสดงให้เห็นว่าแท้จริงแล้ว มิได้เป็นเช่นนั้น
(๒) การประกาศ พรบ.ความมั่นคงฯในสภาวะปกติ มีการใช้กองกำลังตำรวจ และกองกำลังจัดตั้ง เข้าไปรักษาการณ์ตามจุดต่าง ๆ อย่างเต็มอัตราศึก แสดงให้เห็นถึง ว่ารัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลอำนาจนิยม ข่มขู่ประชาชน
ดังนั้น งานนี้ ดูคล้ายจะกร่อย แต่ ไม่กร่อย อยู่คล้ายจืดชืด แต่ไม่ จืดชืด.