".....ร่าง พรบ นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย เหมะ ที่สภาผู้แทนราฎรกำลังพิจารณาอยู่ในขณะนี้และได้ลงมติรับหลักการไปแล้วเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2556 นั้น หากร่าง พรบ ฉบับนี้ ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาและประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมาย
.....กลุ่มคนเสื้ิอแดงที่ได้กระทำผิดกฎหมายและมีโทษทางอาญา ไม่ว่าจะถูกศาลพิพากษาลงโทษแล้ว อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล หรืออยู่ระหว่างหลบหนี ก็กลายเป็นผู้ไม่มีความผิดอีกต่่อไป
.....ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคเพื่อไทย พ่อของพวกเสื้อแดงทั้งหลายและเป็นนายของส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ไม่ใช่พวกเสื้อแดง ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีก่อการร้ายร่วมกับเสื้อแดงคนอื่น ๆ ก็ได้รับประโยชน์จากกฎหมายฺฉบับนี้และจะกลายเป็นคนบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน
.....รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๒๒ บัญญัติว่า " สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย โดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติ มอบหมาย หรือความครอบงําใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ "
.....คำว่า โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ก็หมายความว่า การทำหน้าที่ ส.ส.ในการเสนอ การพิจารณาร่าง พรบ หรือกฎหมาย ต่าง ๆ นั้น ตัวเอง บิดามารดา บุตร คู่สมรส ญาติพี่น้อง นายจ้างลูกจ้างของตัวเองจะต้องไม่มีส่วนได้เสียหรือได้ประโยชน์โดยตรงจากกฎหมายฉบับนั้น
.....ร่าง พรบ นิรโทษกรรม ฉบับนี้ได้กล่าวมาแล้วว่า กลุ่มคนเสื้อแดงทุกคนได้ประโยชน์
.....กลุ่มแรกคือคนถูกดำเนินคดีฟ้องศาลและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลในข้อหาก่อการร้าย
..........นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ
..........นายเหวง โตจิระการ
..........นายก่อแก้ว พิกุลทอง
..........ฯลฯ
.....คนพวกนี้ได้รับประโยชน์โดยตรง จึงไม่มีสิทธิที่จะร่วมพิจารณาหรืออภิปรายในที่ประชุมการพิจารณาและลงมติ ร่าง พรบ ฉบับนี้
......กลุ่มที่ญาติพี่น้อง บิดา หรือสามี ได้ประโยชน์
..........นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของทักษิณ
..........นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของทักษิณ
..........ภริยาของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีก่อการร้าย
..........บุตรสาวของเสธแดงหรือพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานก่อการร้าย
..........ฯลฯ
.....คนพวกนี้ก็ต้องถือว่ามีส่วนได้ประโยชน์เพราะ พี่ สามีและบิดาได้ประโยชน์ ก็ไม่มีสิทธิที่จะร่วมพิจารณาหรืออภิปรายในที่ประชุมการพิจารณาและลงมติ ร่าง พรบ ฉบับนี้
.....คนที่ประกาศตัวว่าเป็นขี้ข้าของทักษิณ เช่น ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง หรือคนอื่นท่ีเคยยอมรับว่าเป็นขี้ข้าทักษิณ รวมทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยทั้งหมดที่ได้เป็น ส.ส.เพราะทักษิณเป็นผู้ส่งลงสมัคร มิฉะนั้น คนอย่างนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความลืมขนมไว้ที่ศาลงฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ทำร้ายภริยาตนเองที่ไม่ได้เลี้ยงดูเธอแล้ว แม้ ส.ส.เขตหลาย ๆ คนที่เป็นคนเสื้อแดง เช่น ส.ส.คนที่แสดงความกักขฬะแบบคนยุคหินด้วยการยกเท้าขึ้นมาอวดคนทั้งประเทศและคนอื่น ๆ อีกหลายคน ถ้าไม่ใช่เพราะทักษิณให้ลงสมัคร คงไม่โอกาสได้เป็น ส.ส. อย่างแน่นอน คนพวกนี้ก็ต้องถือว่ามีส่วนได้ประโยชน์เพราะเป็นการกระทำเพื่อตอบเจ้านายผู้มีพระคุณ
.....ถ้ากล่าวให้ถึงที่สุดแล้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคนต่างก็เป็นญาติสนิท เพื่อน และลูกจ้างของทักษิณทั้งนั้น ดังนั้นทุกคนจึงมีส่วนได้เสียใน พรบ นิรโทษกรรมฉบับนี้ การลงมติไม่ว่าในวาระแรก วาระสอง หรือวาระสาม ต้องถือว่า เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์อย่างชัดเจนแน่นอน
.....ส่วนบทบัญญัติตอนแรกที่ว่า ส.ส.ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย โดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติ มอบหมาย หรือความครอบงําใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย นั้น
.....หมายความว่า การทำหน้าที่ของ ส.ส.ต้องไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติ มอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ จากใครหรือผู้หนึ่งผู้ใด
.....เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาคงพอจำกันได้ว่า ทักษิณได้สไกป์เข้ามาในชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า ขอให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ช่วยกันสนับสนุนร่าง พรบ นิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย เหมะ
.....การกระทำของ ส.ส.เพื่อไทยทุกคน นับตั้งแต่นายวรชัย เหมะ ผู้เสนอร่าง พรบ ฉบับนี้นอกจากเป็นเรื่องที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์เพราะเป็นการเสนอเพื่ิอช่วยเหลือทักษิณและเพื่อน ๆ เสื้อแดงด้วกันแล้ว ยังเป็นกระทำที่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัตื การมอบหมายและการครอบงำจากทักษิณด้วย ส่วน ส.ส.คนอื่นก็กระทำที่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัตื การมอบหมายและการครอบงำจากทักษิณด้วยเช่นเดียวกัน
.....กล่าวโดยสรุป ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ร่วมพิจารณาร่าง พรบ ฉบับนี้ เฉพาะที่กำลังถูกดำเนินคดีอยู่ในขณะนี้เห็นได้ชัดเจนว่า ถ้าลงมติเห็นด้วยก็เท่าลงมติเพื่อให้ตนเองพ้นจากการกระทำความผิด ย่อมเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์แน่นอน ส่วนคนอื่น ๆ ก็มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องดังที่กล่าวมาแล้ว ทั้งเป็นที่รับรู้กันของคนไทยทั้งปวงว่าทักษิณคือเจ้าของพรรคเพื่ิอไทย ส.ส.ในพรรคเปรียบเหมือนลูกจ้าง ใครจะได้รับสิทธิให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.หรือไม่ จะได้รับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี รมต รมช หรือตำแหน่งอื่น ๆ ก็ขึ้นอยู่กับทักษิณคนเดียว ในการประชุมพรรคเพื่ิอไทยทักษิณจะโทรศัพท์หรือใช้วิธีการอย่างอื่นเพื่ิอสั่งที่ประชุมเกือบทุกครั้ง แม้แก่การสไกป์เข้าที่เวทีการชุมนุมของพวกเสื้อแดงครั้งหลังสุดทักษิณก็พูดในลักษณะที่เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย ครั้งอื่น ๆ ก็เหมือนกัน ดังนั้นการร่วมลงมติเห็นด้วยเพื่ิอให้ร่าง พรบ ฉบับนี้ประกาศใช้เป็นกฎหมายเพื่อช่วยเหลือทักษิณที่เป็นเจ้าของพรรค จึงเท่ากับเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยการครองงำของทักษิณและเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคน
.....ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคนย่อมไม่มีสิทธิเสนอ ร่วมพิจารณาและลงมติในร่าง พรบ นิรโทษกรรม ฉบับนี้
.....ร่าง พรบ นิรโทษกรรม ฉบับนี้ จึงตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๒๒
.....รัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๔ บัญญัติว่า " ร่างพระราชบัญญัติใดที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะนําขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย ฯลฯ
..........(๑) หากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกของทั้งสองสภารวมกัน มีจํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้อง ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ให้เสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา หรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี แล้วให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับความเห็นดังกล่าวส่งความเห็นนั้น ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย และแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า
ฯ ล ฯ
.....ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัตินั้นมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ และข้อความดังกล่าวเป็นสาระสําคัญ ให้ร่างพระราชบัญญัตินั้นเป็นอันตกไป "
.....บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าวหมายความว่า เมื่อร่าง พรบ นิรโทษกรรม ฉบับนี้ ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาคือทั้งสภาผู้แทนและวุฒิสภาแล้ว
.....ส.ส.หรือ ส.ว.มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบ คือไม่น้อยกว่า ๕๐ คน สำหรับ ส.ส. หรือไม่น้อยกว่า ๒๐ คน สำหรับ ส.ว. หรือไม่น้อยกว่า ๗๐ คน สำหรับ ส.ส.และ ส.ว. รวมกัน มีสิทธิเสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานวุฒิสภา หรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่า ร่างพรบ ฉบับนี้ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๒๒
.....ประธานสภาที่ได้รับความเห็นดังกล่าวต้องส่งความเห็นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยโดยไม่ชักช้า
.....ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่าง พรบ นิรโทษกรรม ฉบับนี้ ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๒๒ หรือมาตราอื่นใดก็ตาม ร่าง พรบ ฉบับนี้ก็เป็นอันตกไป ซึ่งหมายความไม่อาจนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมเพื่อลงพระปรมาภิไธยเพื่อประกาศใช้ให้มีผลบังคับเป็นกฎหมาย
.....โอกาสที่ทักษิณและคนเสื้อแดงทั้งหลายจะได้รับการนิรโทษกรรมให้เป็นคนบริสุทธิ์ ไม่ได้ง่ายอย่างที่ทักษิณและลูกจ้างทั้งหลายคิดอย่างแน่นอน
.....เป็นหน้าที่ของ ส.ส.พรรค ปชป และ ส.ว.ที่ไม่ได้เป็นพรรคพวกหรือลูกน้องทักษิณ ต้องดำเนินการเพื่อให้ส่งความเห็นไปให้ศาลงรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ครับ
...............แชร์ได้ กดไลค์ได้ ขอรับรองว่า ไม่ผิดกฎหมายฉบับใด ๆ ครับ"
ใครหนอที่ต้องการให้ ปชป ลาออกจาก สส ออกมาสู้นอกสภา เพื่อ...........
กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณได้ลดความกังวลเวลาในสภาถูกพวกมากลากไป
ปชป สู้.. สู้ สู้
Edited by sudthorn, 12 August 2013 - 10:22.