สิ่งที่สนธิ ลิ้มทองกุล และ แกนนำพันธมิตรระดับสูง คือ คำนูณ และ ปานเทพ แสดงออกในเวลาที่ผ่านมา
ตั้งแต่ช่วงก่อนวันที่ 7 ที่ออกมาประกาศว่า "พันธมิตร ยังไม่ออกในช่วงนี้"
ต่อด้วยการกระแนะกระแหน พรรคปชป. ทำนองว่า เชิญพวกท่านมานำม๊อบบ้าง
และ เชื่อว่าปชป. จะทำม๊อบมาแล้วทิ้งมวลชนให้ปะทะกับตำรวจโดยลำพัง
พอ ปชป. ออกมานำม๊อบ จริงๆ ก็ยังมีการด่าว่า พรรค ปชป.ว่า ทิ้งประชาชน ไล่ประชาชนกลับบ้าน
และที่ฮือฮาสนั่นกันทั้ง เสรีไทย ก็คือ เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ที่ผ่านมา
ตาแป๊ะ ยื่นข้อเสนอว่า ให้พรรค ปชป. ลาออกมาทั้งพรรค เพื่อนำมวลชนแบบจริงจังไปเลย
ต่อไปนี้ เป็นการวิเคราะห์ ความคิดในใจของแป๊ะ
ทำไมถึงออกมาแสดงท่าทีและเรียกร้องในเรื่องที่อ่อนไหวขนาดนี้
ผมเดาว่า
ตาแป๊ะกำลังอ่านเกมของประชาธิปัตย์อย่างนี้ หรือเปล่า?
สิ่งที่ทำให้แป๊ะสงสัยมากคือ "การประกาศแบบคลุมเครือของปชป.โดยสุเทพ เทือกสุบรรณ"
ตอนแรกพูดทำนองปลุกมวลชนอย่างมากมาย นัยโดยความเข้าใจของคนทั่วไปว่า วันที่ 7 จะออกมา
แต่ตอนหลัง สุเทพก็บอกว่า จะมาร่วมม๊อบ หลังพิจารณาวาระ 3 เสร็จ
ทั้งๆที่รู้ว่า แพ้รวดตั้งแต่วาระ 1 จนถึงวาระ 3 แน่ๆ แต่ก็ยังอยู่ในสภา
เพื่อเป็น "ตราประทับให้เกิดความชอบธรรม" ในการพิจารณาร่างพรบ.นี้
คำว่าตราประทับแห่งความชอบธรรม มันเป็นสิ่งที่เพื่อไทยจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า ผ่านการพิจารณาอย่างสมบูรณ์
ตาแป๊ะคงจะมองว่า
นี่คือการกั๊ก ของปชป. เพื่อที่จะให้ พรบ.นี้ผ่าน
โดยแม้ว่าจะมีการแปรญัตติเปลี่ยนถ้อยความเป็น นิรโทษยกเข่ง ก็ทำได้ โดยยังไงฝ่ายค้านก็แพ้
คือ
ทำยังไงก็ได้ให้ผ่านกฎหมายฉบับนี้ ออกมาได้ก่อน
นั่นหมายถึง ปชป.จะได้ผลประโยชน์ด้วยหากในขั้นตอนการแปรญัตติ เปลี่ยนเนื้อหา เป็นนิรโทษยกเข่ง
เมื่อถึงเวลานั้น ปชป.จะได้ 2 ต่อ คือ
1. ได้รับการนิรโทษไปด้วย
2. ได้ออกมาร่วมกับมวลชนต้านไปด้วย หลังจากผ่านวาระ 3 แล้ว
ถือว่าได้ทำตามสัญญาและไม่เสียภาพลักษณ์ ว่าหลอกประชาชน
การออกมานำม๊อบ ก็จะสามารถทำให้ได้ใจประชาชน ได้ฐานเสียงเพิ่มขึ้นไปอีก
เพราะ ไม่มีม๊อบไหนสามารถล้มรัฐบาลได้เลย
ดังนั้นเมื่อ ปชป.ออกมานำม๊อบ อาจจะอยู่ซัก 2-3 วัน ก็ประกาศเลิกม๊อบ เพราะทำอะไรรัฐบาลไม่ได้
มันเป็นการแสดงละครอีกฉากนึงที่จะทำเพื่อหลอกฐานเสียงไม่ให้ผิดหวัง
แล้วเมื่อถึงเวลานั้น ก็โยนความผิดมาให้ไอ้แป๊ะได้ด้วยว่า เพราะพันธมิตรไม่ออก ก็ต้องยอมรับ
3. การอ้างว่าส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ หรือ ผู้ตรวจการรัฐสภานั้น สามารถทำได้แม้ว่าจะลาออกหรือไม่ลาออ
คือ แป๊ะมองว่า อยู่ในสภา เพื่อเป็นตราประทับความชอบธรรมให้กับเพื่อไทยนั้น มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ดังนั้น แป๊ะก็เลยมองว่า ที่ยื้ออยู่นั้น เพราะหวงเก้าอี้ กลัวตัวเองจะสิ้นสภาพการเป็นส.ส.ขาดอำนาจขาดสิทธิพิเศษ
และถ้าหาก เพื่อไทยหน้าด้าน จัดเลือกตั้งซ่อม ปชป.จะไม่เหลืออะไรในมือเลย
คือ ศูนย์ ทั้งหมด แป๊ะก็เลยคิดว่า นี่แหละที่เป็นสาเหตุของการที่ ปชป.จะรอให้ผ่าน 3วาระก่อนค่อยออกมา
อย่างน้อย ก็ไม่ต้องเสี่ยงคุกตาราง
มันคือ
การยิงปืนนัดเดียว ได้นก 2 ตัว
แป๊ะลิ้มก็เลยยื่นเงื่อนไขว่า
ให้ ปชป.ลาออก เพื่อแสดงความจริงใจ มาสู้กันนอกสภาเต็มตัว
เพราะแป๊ะลิ้มรู้ว่า
ถ้าลาออกมาวาระ 3 ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
แป๊ะลิ้มวันนี้ คือ กุไม่มีอะไรเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว
มวลชนก็หายไปส่วนหนึ่ง
ดังนั้น พรบ.จะผ่านจะไม่ผ่านก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะยังไงยังไงก็เป็นแค่คนธรรมดา
ติดคุกหรือจะไม่ติด ก็ไม่มีอะไรได้หรือเสีย
.................................................................................................
อันนี้คือที่เราคิดวิเคราะห์ใจของสนธิในเวลานี้
เราไม่ต้องการให้เกิดการวิวาทกัน
แต่ขอให้ถกเถียงในกรอบของเหตุผล เพื่อที่จะเป็นเสียงสะท้อนไปยังเจ้าตัวเอง
เราต้องเข้าใจสิ่งที่อยู่ในใจของแต่ละคนก่อน จึงจะสามารถชี้แจงได้ตรงจุดและตรงประเด็น
บางสิ่งบางอย่างเป็นความลับ
บอกไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องบอก
แต่ถ้าทำแล้วมันเป็นไปตามที่แป๊ะ คาดเดาเอาไว้
ต้องระวังให้มาก
สิ่งที่เห็นมาตลอดคือ ไอ้แป๊ะจะดีจะเลวยังไง มันเดาอะไรไม่ค่อยจะผิดซะด้วยสิ
Edited by จูกัดขงเบ้ง, 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 10:40.