ข้อมูลที่นำมา เป็นข้อมูลจริง สามารถยืนยันได้จริง จาก ม เกษตรศาสตร์
ไม่ได้กล่าว หาแบบเลื่อนลอย
และพวกเผด็จการ เป็นเพียงแค่ปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจ หาได้เป็นไปเพื่ออุดมการณ์ของการเป็นสื่อมวลชนที่ดี ดังที่แอบอ้างไม่ หากคุณลบกระทู้นี้ แสดงว่า คุณคงกลัวว่า ผู้จัดการจะขาดผลประโยชน์ที่ รัฐบาลนี้หยิบยืนให้
ประเทศชาติ จะเจริญได้ ต้องมีการตรวจสอบ เมืมองนอกเขาให้เกียรติ สื่อเป็นผู้คุมประตู ตรวจสอบความถูกต้อง
แต่สื่อไทย คงมองเห็นแต่เรื่องเงินคุมประตู ปกป้องถุงเงินของตัวเอง บ้านเมืองมันถึงฉิบหาย พัฒนาจนเพื่อนบ้าน แซงหน้าเราไปได้
ในการสอบเอ็นทรานซ์ปี 2542 มีเด็กคนหนึ่งที่เรียนจบชั้นม.5
จากโรงเรียนสตรีชื่อดังใกล้สถานีรถไฟฟ้าชิดลม
และเข้ามาเป็นนิสิตคณะอุตสาหกรรมเกษตร ภาคพิเศษ
สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร
การเข้ามาของเด็กคนนี้มีสิ่งที่น่าสงสัยคือ เขาเรียนในสายศิลป์คำนวณที่โรงเรียน
แต่ทำไมเลือกมาสอบเข้าในคณะอุตสาหกรรมเกษตร ที่กำหนดคุณสมบัติผู้สอบเข้าว่า
จบม.6 หรือเทียบเท่าในสาขาวิทยาศาสตร์ ในหลักสูตรภาคพิเศษดังกล่าว
ทางคณะทำการรับนิสิตเอง โดยทำการสอบข้อเขียนที่จัดขึ้นต่างหาก
ประเด็นข้อสงสัยคุณสมบัติของเด็กคนนี้ที่ว่าไม่ได้เรียนทางสายวิทย์ทำไมถึงมีคุณ
สมบัติสอบเข้าในหลักสูตรนี้ได้ ถูกโต้แย้งว่า
เด็กคนนี้อาจจะสอบเทียบในสายวิทย์ก็ได้
ถึงแม้ว่าตัวเองจะเรียนในโรงเรียนในแผนศิลป์คำนวณ สมเหตุสมผลหรือไม่
นี่เป็นประเด็นแรกที่อยากทิ้งไว้ให้พิจารณา
มาดูถึงประเด็นข้อสงสัยประเด็นถัดมา คือเด็กคนนี้เข้ามาเรียนในคณะอก.ภาคพิเศษ
โดยมีรหัสประจำตัวนิสิตคือ 4215088x
และได้ศึกษาในภาควิชาดังกล่าวเป็นเวลาหนึ่งปี โดยมีเกรดเฉลี่ยสะสมในภาคเรียนที่
1 และภาคเรียนที่ 2 เป็น 1.50 และ 1.58 ตามลำดับ เข้าสู่ประเด็นข้อสงสัยคือ
เมื่อขึ้นปี 2543 ภาคเรียนที่ 1
ข้อมูลของเด็กคนนี้กลับถูกระบุในฝ่ายทะเบียนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ว่า
"นิสิตโอนไปคณะสังคม"
โดยมีการเปลี่ยนแปลงรหัสประจำตัวนิสิตให้เด็กคนนี้เสร็จสรรพ
แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือปี พ.ศ. ที่เข้าที่ยังเป็นปี 2542
อยู่โดยรหัสประจำตัวนิสิตใหม่ของเด็กคนนี้คือ 4208281x
ที่บอกว่ามีประเด็นข้อสงสัยคือ ทำไมการโอนย้ายคณะของเด็กคนนี้
(ซึ่งก็มีประเด็นข้อสงสัยที่จะต้องมาพูดกันภายหลัง)
ต้องมีการเปลี่ยนรหัสประจำตัวนิสิตให้ด้วย
ต่างกับนิสิตคนอื่นที่ทำเรื่องย้ายคณะที่ยังคงรหัสประจำตัวนิสิตเดิมที่ทางมหาวิ
ทยาลัยออกให้เมื่อแรกเข้าผ่านเข้ามาเป็นนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การย้ายคณะของนิสิตคณะเกษตรศาสตร์
ที่จะมีการย้ายไปเรียนในคณะอุตสาหกรรมเกษตรแทบทุกปี
แต่รหัสประจำตัวนิสิตก็ยังคงเดิม ประเด็นข้อสงสัยที่ตามมาคือ ในปี 2543
เด็กคนนี้ย้ายไปเรียนในคณะสังคมศาสตร์ ประเภทวิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์
(บริหารรัฐกิจ) ได้อย่างไร คุณสมบัติเข้าเกณฑ์การย้ายของมหาวิทยาลัยหรือไม่
ลองมาดูในคณะสังคมศาสตร์ ประเภทวิชาดังกล่าว จากข้อมูลในการสอบเอ็นทรานซ์ปี
2542 แสดงคะแนนรวมต่ำสุดไว้ที่ 57.60% โดยมีรายวิชาที่ต้องสอบคือ 01 02 03 08 แ
ละ 09 กล่าวคือ วิชาภาษาไทย สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์กายภายชีวภาพ
และคณิตศาสตร์ 2 ตามลำดับ
จัดว่าเป็นคณะที่คะแนนไม่ต่ำคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สำหรับนักเรียนที่จบการเรียนในแผ่นศิลป์ที่สนใจจะเข้าเรียน
ประเด็นที่น่าสงสัยคือ เด็กคนนี้มีคุณสมบัติอะไรถึงสามารถย้ายคณะได้
ทั้งที่สอบเข้ามาในระบบภาคพิเศษที่รับต่างหาก
เพราะทราบกันดีว่าการสอบเข้าย่อมง่ายกว่าการที่จะไปสอบแข่งขันกับเด็กทั่วประเทศ
ในการสอบเอ็นทรานซ์
ก่อนที่จะมาถึงประเด็นนี้ลองมาดูในส่วนของหลักเกณฑ์ในการย้ายคณะที่ทางมหาวิทยาล
ัยเกษตรศาสตร์ระบุไว้
ในข้อบังคับว่าด้วยการศึกษาขั้นปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พุทธศักราช
2521 ฉบับแก้ไขปรับปรุง
เมื่อพิจารณาถึงเกณฑ์ในการย้ายคณะข้อ 15.1.2
ที่ระบุว่านิสิตที่เรียนมาในคณะเดิมแต่มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมต่ำกว่า 2.00
ไม่มีสิทธิย้ายคณะ ประเด็นนี้ชัดเจนว่า เด็กคนนี้ย้ายคณะได้อย่างไร
ในเมื่อผลการเรียนเฉลี่ยสะสมสิ้นสุดภาคเรียนที่สอง ปีการศึกษา 2542 อยู่ที่
1.58
อันนี้เป็นประเด็นข้อน่าสงสัยอีกประเด็นต่อจากคุณสมบัติการเข้ามาเรียนที่ไม่ได้
จบสายวิทย์ การเปลี่ยนรหัสประจำตัวนิสิตให้เด็กคนนี้ใหม่ทั้งหมด
ที่พูดถึงนั้นอ้างอิงตามกฎของมหาวิทยาลัย
แต่ถ้ามาลองพิจารณาเหตุผลที่เด็กที่สอบเอ็นทรานซ์เข้าใจกันในความแตกต่างระหว่าง
ภาคพิเศษกับภาคปกติ ภาคพิเศษนั้นเป็นโครงการเลี้ยงตัวเอง
ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐเหมือนภาคปกติ
ทำให้คณะต้องเก็บค่าเล่าเรียนที่แพงขึ้นกว่าปกติ คำถามคือว่า
ถ้ามหาวิทยาลัยเปิดช่องให้ภาคพิเศษย้ายมาภาคปกติเหมือนที่เด็กคนนี้ทำ
โดยไม่ต้องคิดถึงว่าคุณสมบัตถูกต้องหรือไม่
ถามว่ามหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้เด็กคนอื่น ๆ ทำอย่างนี้ได้หรือไม่
ในมหาวิทยาลัยดังกล่าวมีคณะที่เปิดภาคพิเศษอยู่หลายคณะ เช่นคณะวิศวกรรมศาสตร์
คณะอุตสาหกรรมเกษตร คณะเศรษฐศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ คณะวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
ถ้ามหาวิทยาลัยสามารถให้เด็กย้ายจากภาคพิเศษมาภาคปกติได้ ถามว่า ในอนาคต
จะมีเด็กที่ใช้ช่องทางสอบเข้าภาคพิเศษที่คะแนนต่ำกว่ามากแทน
แล้วค่อยเล่นแร่แปรธาตุย้ายเข้าภาคปกติ
ย่อมง่ายกว่าที่จะไปแข่งขันกับเด็กที่ต้องการเรียนในภาคปกติซึ่งสอบผ่านการสอบเอ็นทรานซ์
อาจจะมีประเด็นโต้แย้งว่า กรณีของเด็กคนนี้ผู้ปกครองไม่น่าจะเกี่ยวข้อง
อาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ในคณะหรือในมหาวิทยาลัยจัดให้เพื่อต้องการเอาใจ
แต่การขึ้นทะเบียนนิสิตของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น
ผู้ปกครองไม่รับรู้ไม่ได้เพราะเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะทางกฎหมายคือ 20 ปี
และเด็กคนนี้ก็อยู่ด้วยกันกับผู้ปกครอง
การที่ลูกจบชั้นมัธยมปลายจะเข้ารั้วมหาวิทยาลัย
เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ปกครองจะไม่รู้ความเป็นไปทางด้านการศึกษาของลูก
อย่างลูกเรียนสายศิลป์คำนวณ
แต่ทำไมไปสอบเข้าคณะอุตสาหกรรมเกษตรซึ่งเป็นคณะสายวิทย์
ซึ่งดูจากผลการเรียนที่ปรากฎออกมาในปีหนึ่งประมาณ 1.5 กว่า ๆ
ก็แสดงให้เห็นว่าเด็กคนนี้ประสบปัญหาในการเรียนหลักสูตรดังกล่าว
แต่ประเด็นที่น่าสงสัยคือ
เป็นการเข้ามาเรียนเพื่อต้องการสภาพนิสิตเพื่อทำการย้ายคณะในปีถัดมาหรือไม่
เพราะผู้ปกครองปฎิเสธไม่ได้ว่าไม่รับรู้
เพราะกฎก็ระบุว่าผู้ปกครองต้องยินยอมต่อการย้ายคณะของนิสิต
ดังนั้นปฎิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ปกครองจะไม่รับรู้เรื่องการเรียนของลูก
สิ่งที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต้องตอบสังคมคือ
ปล่อยให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐได้อ
ย่างไร และมันยุติธรรมหรือไม่สำหรับเด็กคนอื่นที่ต้องสอบเอ็นทรานซ์แข่งขันกัน
แต่มีเด็กคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกนักการเมืองคนดัง
กลับเข้ามาเรียนและย้ายคณะด้วยวิธีพิสดารเช่นนี้
และถ้าจะให้ยุติธรรมกับเด็กคนอื่น
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เปิดโอกาสให้เด็กที่เรียนในภาคพิเศษย้ายคณะมาเข้าภาคปกติ
เช่นในกรณีนี้หรือไม่
เพราะถ้าทำได้เด็กที่เขาไม่มีความพร้อมที่จะไปแข่งขันในการสอบเอ็นทรานซ์ก็จะมีช่องทางในการสอบโดยเลือกสอบเข้าภาคพิเศษที่การแข่งขันไม่สูงนักแทน
แล้วค่อยไปย้ายคณะในทีหลัง
สิ่งที่อยากจะฝากถึงนักการเมือง คือ พฤติกรรมเช่นนี้ในอดีตของคุณ
แสดงให้เห็นชัดเจนว่า
คุณมีทัศนคติอย่างไรต่อระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเมืองไทย
ถ้าคุณคิดว่าการใช้เส้นสายฝากลูกเข้าเรียนทำได้เหมือนเวลาฝากลูกเข้าเรียนชั้นปร
ะถม มัธยม และมองว่าเป็นเรื่องปกติถ้าจะทำเช่นนี้อีกในระดับมหาวิทยาลัย
คุณมีความคิดสวนทางกับเด็กและผู้ปกครองคนอื่น ๆ
ที่มองว่าระบบการสอบเอ็นทรานซ์ของเมืองไทยเป็นระบบที่มีมานาน
และได้รับการยอมรับในเรื่องของความยุติธรรม ดังนั้น
ถ้าคุณไม่คิดจะพัฒนาระบบการศึกษาของเมืองไทย
ก็อย่ามาทำลายระบบให้เสียหายมากไปกว่านี้เลย
พฤติกรรมการใช้เส้นสายให้ลูกเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
จะมีความชัดเจนอย่างไร ถึงเวลาที่มหาวิทยาลัย
และนักการเมืองที่เป็นผู้ปกครองของเด็กคนนี้ ต้องตอบข้อสงสัยให้กับสังคม
ก่อนที่ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะถูกทำลายย่อยยับไปมากกว่านี้
ข้อมูลอ้างอิง
ไปที่ url
https://student.cpc....query_top_u.php
ปีการศึกษาเลือก 2542
ภาคการศึกษาเลือก ภาคปลาย
สูงสุด/ต่ำสุด เลือก ต่ำสุด
จำนวนอันดับ เลือก 30
แล้วช่วยดูว่าอันดับที่ 28 เขาระบุไว้ว่ายังไง
แล้วไปที่ url
http://www.registrar...ownloadable.htm
คลิ๊ก หมวด 2 ข้อบังคับว่าด้วยการศึกษาขั้นปริญญาตรี
คลิ๊ก download ข้อบังคับว่าด้วยการศึกษาขั้นปริญญาตรี พ.ศ. 2521
อ่านข้อ 15.1.2
แล้วคิดกันเอาเองนะครับว่า หมายเลข 28 ข้างบนเขาย้ายคณะได้ยังไง
ยังไม่ต้องพูดถึงประเด็นที่เขาเรียนอยู่ภาคพิเศษ คณะอุตสาหกรรมเกษตร
แล้วย้ายไปภาคปกติที่คนเขาเอ็นท์กัน ดูแค่ประเด็นนี้ก่อน
28 4215088x xxxxx (นิสิตโอนไปคณะสังคม) ชินxxxxx (id: 4208281 อก.
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร บางเขน 1.58 k4007
คราวนี้หลักฐานมัดตัว ว่า ทางข้อมูลจากทางมหาวิทยาลัย
บอกเองว่าโอนมาไม้ได้สอบเข้าใหม่ นอกจากจะโอนคณะมาแบบผิดกฏระเบียบเล้ว
ยังมีการจะเตรียมมอบ เกีนรตินิยม โดยผิดกฏระเบียบอีกด้วย
ไปที่ url
https://student.cpc....query_top_u.php
ปีการศึกษาเลือก 2546
ภาคการศึกษาเลือก ภาคปลาย
สูงสุด/ต่ำสุด เลือก สูงสุด/
จำนวนอันดับ เลือก 100
แล้วคุณจะพบ
82 4208281x xxxxx xxxxx สศ. รัฐศาสตร์ บางเขน 3.78 h3007
ขอให้ช่วยกันตรวจสอบ และเอาผิด กับข้าราชการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ที่รู้เห็นเป็นใจ ทำให้เรื่องเลวๆ แบบนี้เกิดขึ้น ในสังคมไทยของเรา ด้วยครับ
ผู้รักความเป็นธรรม
Edited by kim, 15 August 2013 - 23:33.