ในหลวงของเรา โดยพระราชพรหมยาน
ถ้าหากวันนี้จะให้พรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขอให้พระองค์ทรงพรหมวิหาร ๔ เป็นปกติ เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของปวงชนชาวไทย ถ้าจะให้ไปตามนี้ ก็รู้สึกว่าจะไปซ้ำกับคุณงามความดีของพระองค์ที่มีอยู่แล้ว เพราะบรรดาพสกนิกรทั้งหลายก็ทราบกันอยู่แล้วว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ทรวงมีพระมหากรุณาธิคุณ คือมีพระเมตตาเป็นเลิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาตมามีโอกาสได้เคยเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาแล้วหลายปี ปีละหลายๆครั้ง ทุกครั้งที่พระองค์ปรารภ อาตมารู้สึกว่า พระองค์ต้องการอยู่อย่างเดียวว่า จะทำอย่างไรให้บรรดาปวงชนชาวไทยที่อยู่ในชาติทั้งหมด จะเป็นคนไทยหรือคนชาติไหนก็ตามที มีความสุขไม่อดไม่อยาก มีความอุดมสมบูรณ์ นี่แสดงว่าพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ เป็นประจำมีความรักความเมตตาต่อพศกนิกร เวลาว่างจากภารกิจและราชการบ้านเมืองแล้วพระองค์ก็เสด็จแปรพระราชฐาน ไปสู่เขตต่างๆของประเทศไทยเพื่อให้คำแนะนำ สิ่งใดที่พระองค์ช่วยได้ก็ทรงราชทานความช่วยเหลือ จะเห็นได้ว่า พรหมวิหาร ๓ ข้อแรกคือเมตตา กรุณา มุทิตา ท่านมีหมด
ส่วนพรหมวิหารข้อ ๔ คืออุเบกขา ความวางเฉย
ในครั้งหนึ่งอาตมาได้มีโอกาสเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ได้ปรารภกับพระองค์ถึงภสรกิจที่อาตมาทำว่า การทำการสงเคราะห์ปวงชนชาวไทยตามกำลังที่ได้รวบรวมจากบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ ทำการแจกอาหารการบริโภค ยารักษาโรค สร้างโรงเรียนตั้งแต่ภาคเหนือจรดภาคใต้ แรกระทำแบบนีกลับมีคนบางพวกบอกว่า
“อาตมาเป็นพระการเมือง”
พระองค์ตรัสว่า “ผมก็ทราบมาเหมือนกัน แล้วหลวงพ่อมีความรู้สึกอย่างไร”
อาตมาเลยถวายพรไปว่า “อาตมาไม่มีความรู้สึกอะไร เพราะถือว่าอาตมาไม่เคยสมัครเป็นสมาชิกสภาราษฎร และ ก็ไม่เคยอยากจะเป็นรัฐมนตรี เค้าจะหาว่าการบ้านหรือการเมืองก็ช่างเค้า ถือว่าเฉยๆ ถือตามหลักที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า นินทา ปสังสา ขึ้นชื่อว่านินทาและสรรเสิรญเป็นของธรรมดาของโลก อาตมาไม่หนักใจในคำนินทาและคำสรรเสิรญใดๆเพราะไม่มีความสนใจ”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ตรัสว่า “ผมก็เหมือนกันแหละครับ เมื่อก่อนเค้าลือกันว่าผมฆ่าพี่ แต่เวลานี้มาลือกันว่าผมฆ่าพ่อตา” ข่าวลืออันหลังนี้อาตมาไม่ทราบจึงกราบทูลว่า
“ข่าวลือที่ว่าฆ่าพ่อตานั้น เป็นอย่างไรมาอย่างไร”
พระองค์ก็ตรัสบอกว่า “เค้าลือกันว่าพ่อตาผมเป็นไข้ ผมเอาเหล้ากรอกปากแล้วพาพ่อตาออกวิ่ง พ่อตาก็เลยหัวใจวายตาย”
ก็ได้ทูลถามพระองค์ไปว่า “แล้วมหาบพิตรมีความรู้สึกอย่างไร ในเมื่อคำนินทาปรากฏขึ้น
พระองค์ตรัสขึ้นว่า “ก็เรื่อยๆขอรับ”
ก็หมายความว่าใครจะอย่างไรก็ช่าง ความดีหรือความชั่วที่จะมีขึ้นได้ต้องอาศัยการกระทำเป็นสำคัญ เมื่อเราทำความดีแล้วใครจะว่าเราชั่ว หรือเราจะทำชั่วแล้วใครจะมาสรรเสริญเราว่าดี ก็เรื่องของเค้าเราจะดีหรือจะชั่วขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับคำนินทา หรือคำสรรเสริญของคนอื่น.