ระบอบนี้ ให้อำนาจคนที่โง่กว่าข้าราชการประจำที่ทำมา 20 ปี 30 ปี เลือก รัฐมนตรีที่โง่พอกับคนที่เลือกมันมา
เป็นหัวหน้าดูแลกระทรวงที่มีข้าราชการที่เก่งกว่ามัน 20 เท่า
ระบอบนี้ วัดกันที่จำนวนเสียงข้างมากในสภา โดยไม่สนว่าสิ่งที่โหวตนั้นถูกต้องหรือไม่
ระบอบนี้ ให้อำนาจคณะบุคคลที่เป็น สส ในสภา ในการตัดสินใจได้ทุกเรื่องโดยประชาชนไม่อาจขัดขืนได้ เพราะ ถ้าชุมนุมประท้วงจะโดนตำรวจกระทืบ (คุณได้ดูข่าวกันแล้ว)
ระบอบนี้ ให้สิทธิคนถ่อยคนโง่คนขี้เกียจคนเลวระยำ มีสิทธิ เท่ากับคนที่ทำงานหนัก ขยัน ใฝ่ความรู้ และอยู่ในกฎหมาย โดยให้มันมีสิทธิเลือกตั้ง 1 เสียงเท่ากัน (สรุปว่าถ้าประเทศไหนคนโง่เยอะ บัณฑิตน้อยแถมไม่กล้าออก
ก้อสมควรชิบหาย ล่มสลายไป ว่างั้น)
ระบอบนี้ มีที่มาจากคนคนนึงที่พอจบมาจากต่างประเทศก้อเนรคุณแผ่นดินด้วยการไล่กษัตรยิ์ที่ดูแลประเทศที่สืบเชื้อสาย มาโดยตรงจาก บรรพบุรุษที่รบพุ่งชิงแผ่นดินมาให้มันได้เกิดมาจนท่านต้องไปสวรรคตต่างประเทศ
แล้วมันก้อมาปกครองแทน
ระบอบนี้ ต้องเลือกคนที่พรรคการเมืองส่งมาโดยคนที่ได้เลือก ก้อไม่รู้ว่ามันดีหรือเลว เก่งหรือโง่ ค้ายาหรือค้าอีตัว มาก่อนหรือเปล่าก้อไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คนเราก้อเลือก เฉยฉิบแล้วให้มัน เสวยสุขกันบนภาษีของเรา สุดยิดมาก
ระบอบนี้ ระบอบนี้ถ้าจะเป็น สส. ถ้าคุณมีแต่ใจไม่มีเงิน ไม่มีคนรู้จัก ไม่มีชื่อเสียง มีแต่คุณธรรมและความเก่ง ต่อให้คุณ สมัคร สส. จนตายแล้วเกิดใหม่อีก 5 รอบ ก้อไม่แน่ว่าจะได้เป็น สส.
สุดท้าย ผมบ่น เพราะผมเกลียดสิ่งที่เป็นอยู่ และ หงุดหงิด ที่แก้ไขไม่ได้ และไม่รู้จะทำยังไง ใครว่างๆ ลองมาคิดวิธีแก้ปัญหาดังที่กล่าวมา ก้อเป็นสิ่งดี ทุกความคิดถ้าอยู่บนพื้นฐานของความรักต่อส่วนรวมย่อมเป็นสิ่งประเสริฐเสมอครับ
เสื้อเหลืองรักชาติ รักพระเจ้าอยู่หัว
คำถามท่านดีมากๆ ครับ
สำหรับผม คำตอบ คือ
"ใช้เวลาที่พอให้กับชาติได้ของตัวเอง
คิดค้น ระบอบใหม่ที่ทำให้หลุดวงจรปัจจุบันครับ"
ยัง base ตามหลัก "เสียงข้างมากอยู่" เพราะ
1. เป็นที่ยอมรับของสากล เงื่อนไขนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้
2. หลีกเลี่ยงไป รังแต่จะสร้างปัญหาในท้ายที่สุด ... ไม่ยั่งยืน ไม่ใช่หลักที่พ่อหลวงที่ผมเคารพรัก ท่านให้กับผมไว้ ครับ
เริ่มด้วยตนเองได้เลย ไม่ต้องไปมีเงื่อนไขพันอยู่กับใคร (ทำดีเริ่มได้จากตัวเองเลย พุทธศาสนา สอนมา)
ผมเริ่มไปแล้วตั้งแต่ ปีสองปีกว่าๆ ที่แล้ว (ช่วงเลือกตั้งๆ .. รณรงค์โหวตโน ที่ผมว่า "มันไม่ใช่อ่ะ")
เราจะให้คนอื่นๆ ในสังคม "เปลี่ยน" โดยการ ***ฝืนใจกัน***
มันผิดพลาดครับ ... บทเรียนจากความดีใจ ใน 19 กันยา 2549
มันราคาแพงครับ ... ผลลัพธ์ที่เราได้ คือ "สิ่งที่แย่กว่าเดิม"
(ผิดครั้งแรกเป็นครู ผิดครั้งที่สองเป็นควาย ... คติประจำใจผม)
เราไม่ควรผิดเรื่องเดิมๆ ซ้ำสองอีก
เราต้องเปลี่ยนที่ตัวเราเองก่อน
ศาสนาพุทธ สอนเรามาซะดิบดี หลายพันปีแล้ว
ไม่ใช่ไปบังคับให้คนอื่นเปลี่ยนตามเราก่อนครับ
ผมเปลี่ยนการใช้เวลาที่ไปนั่งทะเลาะกับคนที่เห็นต่างกัน มาช่วยชาติด้วยการทำสิ่งนี้มาได้ 2 ปีกว่าๆ แล้ว
เพราะงานที่ผมถนัด คือ งาน Research (แต่ผมอยู่ โซนวิทยาศาสตร์)
ผมคิดระบอบใหม่ขึ้นมาได้เยอะพอสมควร เทียบกับเวลาที่ีใช้ไป
แถมผมยังได้ผลพลอยได้จากความพยายามนี้ ในการทำให้หน้าที่การงานตัวเองดีขึ้นอีก
น่าเสียดาย ระบอบที่ผมคิดได้ ยังมีจุดบอดอยู่ ตรงที่ "การเอาไปใช้จริงในทางปฏิบัติ"
เนื่องจากระบอบนี้ ประชาชนต้องรับผิดชอบกับการตัดสินใจของตัวเองด้วย
จะมาอ้างตัวเองเป็นประชาชนๆๆๆๆๆๆ ตลอดเวลา อย่างกับเทวดาไม่ได้
มันไม่มีอยู่จริง ไอ้เสียงสวรรรค์อ่ะ อย่าเวอร์ พวกเราใช้ชีวิตอยู่บนดินหมด ไม่ใช่บนฟ้า
ประชาชนผิดก็ต้องโดนสอยไปด้วยกับนักการเมือง (ไม่ใช่ดีกรีเดียวกันนะครับ คนละระดับ)
ประชาชนอยากให้การเมืองยึดโยงกับตัวเอง แต่พอถึงเวลาพูดถึง "ความร่วมรับผิดชอบ" พร้อมกับการเมือง
หรือ สิ่งที่ประชาชนพร้อมที่จะให้กับคำว่า "การเมือง" มันยังไม่เพียงพอครับ
เรายังขาดความ "ชัดเจน" จุดนี้อยู่ โดยเฉลี่ยของคนในประเทศ (จริงๆ ทั้งคนทั้งโลกด้วยซ้ำ)
เพราะฉะนั้น ระบอบที่ผมคิดได้ แม้ผมมั่นใจว่าทรงประสิทธิ์ภาพมาก แต่ผมก็วิเคราะห์สังคมไทย(หรือสังคมโลก ด้วยซ้ำ)
มันเป็นระบอบที่น่ากลัวมาก ที่จะใช้กับมนุษย์ ที่มีชีวิต จิตใจ ยังมี อารมณ์ เหนือ เหตุผล เป็น Majority อยู่ (อันนี้ผมอาจผิดนะ)
ถ้าเอามาใช้ (หรือบังคับใครใช้ โดยเขาไม่ยินยอมอย่างหมดใจ) จะต้องเกิดปัญหาลักษณะ Opposite Effect แน่ๆ
อย่างที่พูดไปแล้วครับ *ฝืนใจกัน* ไปไม่รอดในท้ายที่สุดครับ ผมเชื่ออย่างนั้น
อย่างไรก็ตามผมพยายามเอาระบอบที่ว่า ไปประยุกต์ ทดลองใช้ (ในขอบเขตที่เหมาะสม)
โดยอยู่ในช่วง กำลังหาช่องทางที่จะ จับยัดเอาแปลง ระบอบ เป็น Model ลงไปใน คอมพิวเตอร์ (ซึ่งไม่มีชีวิต จิตใจ เหมาะกับ Model มาก)
แล้วทำการวิจัยต่อว่า สมมุติฐานผมที่คิดว่ามันทรงประสิทธิ์ภาพจริง มันเป็นสมมุติฐานที่ถูกหรือป่าว
มีงานอีกมากและใหญ่แค่ไหน ที่ผมยังจะต้องแก้ไขเจ้า Model ... สิ่งที่ผมยังคาดไปไม่ถึง
วันนี้โจทย์ที่พวกเราต้องการจะก้าวข้าม มันยากมาก ถึงยากสุดๆ ครับ
... เราเผชิญอยู่คนการยอมรับของคนทัั้งโลกครับ เราไม่ได้ใช้ชีวิตกันอยู่แค่ในประเทศ ความคิดเราต้องเผชิญกับคนทั้งโลก ทำเป็นไม่สนใจ ไม่ได้ ไม่ยั่งยืน
ผมให้คอมพิวเตอร์ ให้วิทยาศาสตร์ ให้คำตอบผมครับ ... เพราะมันง่ายกว่าที่จะทำให้เป็นที่ยอมรับ
ทิศทางของโลก คือ เราต้องทดลอง พิสูจน์ ได้ครับ คนถึงจะยอมรับกัน เราเป็นโลกวิทยาศาสตร์ไปแล้ว
ปล. ผมรักในหลวงมาก (เกือบมากกว่าพ่อแท้ๆ ตัวเองด้วยซ้ำ)
ผมเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ ที่จะต้องเป็นห่วงลูกแน่ๆ หาก ...
"เวลามีปัญหากี่ครั้งๆ ผมต้องไปพึ่งพ่ออยู่ทุกครั้ง ... แล้วจะให้อดไม่เป็นห่วงได้อย่างไรว่า ถ้าท่านไม่อยู่แล้ว ลูกจะยืนด้วยตัวเองได้ไหม"
เพราะฉะนั้น ผมในฐานะลูกของแผ่นดิน "จะแก้ไขปัญหานี้ด้วย ตัวของลูกเอง" ครับ
ต่อให้มันสำเร็จไม่ทันก็ตาม ... แต่อย่างน้อยผมมั่นใจว่าพ่อผม จะภูมิใจและสบายใจว่า "ผมเริ่มคิดเริ่มยืนด้วยลำแข้งตัวเองแล้ว"
ต้องขอตัวแล้วครับ เจียดมาดูแป๊ปเดียวเอง ไม่น่าเลย ตายๆๆ งานผม
... แต่คำถามท่านดีมากจริงๆ ครับ จนผมทนข้ามไม่ได้ เสียเวลาแค่ไหนก็ต้องตอบ คำถามโดนใจ